ต้องยอมรับว่า "Bullet Train ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า" เป็นภาพยนตร์ที่เท่ มีเสน่ห์ และเป็นตัวของตัวเองขั้นสุด ทั้งนักแสดง ทีมงาน และผู้กำกับ ที่ดูเหมือนจะเบามือไม่เป็นเลยจริง ๆ ผมนายหางตั๋ว จะขอมารีวิวในส่วนต่าง ๆ ให้เพื่อน ๆ ว่าทีมงานและผู้กำกับมือหนักเล่นใหญ่ขนาดไหน ตัวอย่างภาพยนตร์ชื่อเรื่อง: Bullet Train ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่าความยาว: 126 นาทีผู้กำกับ: เดวิด ลิตช์ (David Leitch)นักแสดงนำ: แบรด พิตต์, ไบรอัน ไทรี เฮนรี, แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสันความรู้สึกก่อนเข้าโรงภาพยนตร์ก่อนจะเข้าไปดูเรื่องนี้ผมพอจะรู้ถึงกระแสของภาพยนตร์เรื่องนี้จากสื่อหลาย ๆ ช่องทางว่า เป็นภาพยนตร์ที่แม้แต่คนแต่งนวนิยายยังพูดเองว่า "มันโคตรน่าดูเลยยย!" และเมื่อผมได้รับชมตัวอย่างภาพยนตร์ครั้งแรกผมถึงกับต้องตกใจกับแสงสีและโทนหนังอย่างมาก มันทำให้รู้สึกถึงความเป็นโลกอนาคต แปลก และเท่ ในเวลาเดียวกัน ถึงแม้ว่าในตัวอย่างจะไม่ได้บอกอะไรเรามากไปกว่าการได้รับภาระกิจให้ชิงกระเป๋าเอกสาร เบื้องลึกเบื้องหลังของตัวละครเราคนดูคงต้องเข้าไปหาเองในภาพยนตร์ ด้วยตัวอย่างเพียง 2นาที สามารถกระตุ้นความตื่นเต้นและความอยากได้อย่างสวยงามรีวิวด้านเนื้อเรื่องในช่วงต้นเรื่องเป็นการดำเนินเรื่องแบบรวบรัดสุด ๆ จนคนดูอาจจะเกิดอาการ งง เล็กน้อยแต่ไม่ต้องตกใจไปครับ ขอให้ทนดูไปสักพักแล้วเราจะเข้าใจเนื้อเรื่องทุกอย่างเอง เพราะผู้กำกับตั้งใจจะเล่าเรื่องหลักของภาพยนตร์ตัดสลับกับการเล่าเรื่องภูมิหลังของตัวละคร ที่เล่าออกมาได้ราบรื่นและเข้ากับจังหวะของภาพยนตร์แบบไม่มีติดขัด บางคนอาจจะมองว่าตัวละครพูดมากไปแต่สำหรับผมแล้วกลับรู้สึกว่า มันพูดมากแบบนี้แหละดูกวนดีแถมยังทำให้เข้าใจว่าสาเหตุอะไรทำไมถึงเกิดเหตุการณ์ขึ้นแบบนี้เพราะในภาพยนตร์ เหตุการณ์ทุกอย่างมันเชื่อมโยงและมีเหตุผลของมันไม่เว้นแม้แต่รายละเอียดเล็ก ๆ ผู้กำกับเล่าออกมาได้แปลกและรู้สึกเหมือนจะสนุกสนานกับการใส่เซอร์ไพรส์ให้เราคนดูตื่นเต้นได้ตลอด เรื่องย่อ Bullet Train ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่าช่วงกลางเรื่องหลังจากที่เนื้อเรื่องต่าง ๆ เริ่มเข้าที่เข้าทางก็จะเข้าสู่ฉากแอคชั่นที่ดูเท่ มัน เจ็บแทนคนดูจริง ๆ ผู้กำกับยังคงลายเซ็นของตัวเองเอาไว้จากหนังเรื่องก่อน ๆ ไม่ว่าจะเป็นฉากดวลปืน ฉากคิวบู้เป็นที่สุดของจริง จัดเต็มทั้งเลือดและมุมกล้องเท่ ๆ ที่จะทำให้เรารู้สึกว่า "มันเกินปุยมุ้ย" ถึงแม้จะเป็นฉากแอคชั่นที่ไม่ได้ยาวสะใจแต่ก็สามารถกลบจุดด้อยได้มุกตลกและเนื้อเรื่องที่ชวนสงสัยตลอด ไหน ๆ ก็พูดถึงเรื่องมุกตลกขึ้นมาแล้วผมขอเตือนก่อนเลยว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้มีมุกจนเราขำก๊าก เพราะภาพยนตร์จะนำเสนอมุกแนวตลกร้ายซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งทำให้ผมกลับชอบตรงจุดนี้อย่างมากมันทำให้หนังดูกวนโอ๊ย และเข้ากันกับบรรยากาศและนิสัยของตัวละคร คงเป็นทางถนัดของผู้กำกับเขาที่สามารถเล่นตลกกับมุกประเภทนี้ได้ในช่วงท้าย ๆ จะเป็นการคลี่คลายปมต่าง ๆ ที่เมื่อเฉลยแล้วมีหักมุมเบา ๆ ไม่ถึงกับเปลี่ยนเรื่องทั้งเรื่องไปอีกแบบแต่ก็สามารถทำให้เราตกใจได้เล็กน้อย แล้วก็จบหนังแบบอ้าวจบซะละ ส่วนเรื่องของปมปัญหาต่าง ๆ มีบางจุดไม่ได้คลี่คลายแต่ด้วยความยาวของภาพยนตร์ผมถือว่ารับได้ ไม่ถึงกับต้องให้คนดูกลับไปนอนตีความกันเอาเอง สามารถดูเอาความบันเทิงได้อย่างแน่นอนด้านตัวละครสำหรับตัวละครต่าง ๆ ในภาพยนตร์ดูเป็นตัวการ์ตูนเอามาก ๆ เอาเป็นว่าถึงแม้จะดูเป็นการ์ตูนไปสักหน่อย แต่มันกลับเข้ากันกับโทนหนังและพื้นหลังที่เป็นประเทศญี่ปุ่นดูไม่ลอยจนแปลกหรือรู้สึกว่ามันขัดกับบรรยากาศ ต้องขอบอกก่อนเลยว่าบางตัวละครทำบทมาดีและมีเสน่ห์แต่กลับมี AirTime ในภาพยนตร์น้อยเหลือเกิน "มันไม่จุใจ!"และไม่ต้องห่วงว่าเราจะได้ตามติด ป๋าแบรด พิตต์ (Brad Pitt) ตลอดทั้งเรื่อง เพราะผู้กำกับได้เกลี่ยบทออกมาได้ดีเราจะได้เห็นทึกตัวละครออกมาฉายแสงตัวละครที่ผมรู้สึกชื่นชอบเป็นพิเศษคือ "The Elder" แสดงโดย ฮิโรยูกิ ซานาดะ (Hiroyuki Sanada) ปู่แกเล่นได้น่าเกรงขามมากแล้วยิ่งฉากต่อสู้ไม่ต้องพูดถึงเท่มาก แถมยังเป็นผู้ใหญ่มากประสบการณ์ที่จะค่อยให้คำแนะนำกับตัวละครเด็ก ๆ ในเรื่อง ผมจะชอบฉากตอนที่ "The Elder" พูดถึงความหมายของรหัสลับ Ladybug (เต๋าทอง) เป็นคำพูดเชิงเปรียบเทียบได้คมและลึกจริง ๆ เพลงประกอบที่ชื่นชอบภาพยนตร์แอคชั่นก็ต้องมากับเพลงมัน ๆ สำหรับในภาพยนตร์เรื่องนี้ผมชอบอยู่ 3 เพลง นั้นก็คือBee Gees - Stayin' AliveRare Earth - I Just Want to CelebrateBonnie Tyler - Holding Out For A Hero แต่สำหรับผมเพลงที่ชอบที่สุดคือเพลง Holding out for a hero เพลงต้นฉบับเป็นเพลงเก่าที่ผมเคยฟังตั้งแต่เด็ก ๆ แต่กลับนำมาบรรเลงใหม่และเพิ่มภาษาญี่ปุ่นเข้าไปที่ทำให้เข้ากับฉากหลังที่เป็นญี่ปุ่นอย่างมาก เมื่อบรรเลงพร้อมกับฉากต่อสู้แล้ว โคตรมัน โคตรเท่ จริง ๆ หลังจากที่เครดิตภาพยนตร์ขึ้นผมไม่มีความรู้สึกค้างคาใจอะไรถึงแม้ว่าจะเผยปมไม่หมดแล้วให้เราคิดกันเอาเอง ตัวหนังมีจุดบอดบ้างแต่อย่าลืมว่าจุดแข็งของหนังมันก็มีและหนังเรื่องนี้สามารถทำให้ผม Enjoy กับมันได้ไม่ยาก ผมขอให้ 8/10 สำหรับคะแนนที่หักไปเป็นเพราะ Airtime ของตัวละครบ้างตัวที่ปูมาดีจนเราคิดว่าต้องมีบทมากกว่านี้ แต่กลับใช้งานเพียงช่วงสั้น ๆ เท่านั้น มันจึงทำให้ผมเกิดความรู้สึกมีความเสียดายส่วนตัว ใครที่กำลังหาหนังไว้ดูกับเพื่อน ๆ ที่มีนิสัยกวน ๆ เหมือนในภาพยนตร์ ห้ามพลาดเรื่องนี้เลยครับ "Bullet Train ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า"ขอบคุณตัวอย่างภาพยนตร์ โดย Sony Pictures Entertainment รูปปกบทความ โดย Bullet Trainรูปที่1 , รูปที่2 , รูปที่3 , รูปที่4 , รูปที่5 , รูปที่6 , รูปที่7 , รูปที่8 , รูปที่9 , รูปที่10 , รูปที่11 , รูปที่12 , รูปที่13 , รูปที่14 , รูปที่15 , รูปที่16 , รูปที่17 , รูปที่18 , รูปที่19 , รูปที่20 , รูปที่21 , รูปที่22 , รูปที่23 โดย Bullet Train ตัวอย่างภาพยนตร์ โดย Sony Pictures Entertainment