รีวิว Emergency Declaration ไฟลต์คลั่งฝ่านรกชีวะ “3 คำ ลุ้น จน เกร็ง!”หากพูดถึง “สนามบิน” เชื่อว่าทุกคนต่างก็รู้ว่าความปลอดภัยของสถานที่นี้อยู่ในระดับที่สูงมาก แต่กลับมีคนคิดร้ายที่จะก่อการร้ายบนเครื่องบินด้วยอาวุธชีวะภาพ สำหรับเรื่อง “Emergency Declaration ไฟลต์คลั่งฝ่านรกชีวะ” เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่เปิดเดือนสิงหาคมได้อย่างดีเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าในภาพยนตร์จะมีหลาย ๆ ฉากที่เป็นช่องโหว่อยู่บ้างแต่โดยรวมใครที่ชื่นชอบซีรี่ส์หรือภาพยนตร์จากดินแดนโสมแห่งนี้ผมเชื่อเหลือเกินว่าเรื่องนี้จะต้องเป็นหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรพลาดและเป็นที่จดจำอย่างแน่นอนชื่อเรื่อง: Emergency Declaration ไฟลต์คลั่งฝ่านรกชีวะผู้กำกับ: Han Jae-Rim (ฮันแจริม)นักแสดงนำ: Song Kang Ho (ซงคังโฮ), Lee Byung Hun (อีบยองฮอน), Jeon Do Yeon (จอนโดยอน)ความยาว: 141 นาทีความรู้สึกก่อนรับชมความรู้สึกแรกเลยตั้งแต่เห็นชื่อเรื่องผมนึกไปถึงภาพยนตร์เรื่องดังจากประเทศเดียวกัน “Train to Busan” มันมีความละม้ายคล้ายกันอย่างบอกไม่ถูก และหลังจากที่ได้เข้าไปรับชมตัวอย่างทำให้กำแพงที่มีต่อภาพยนตร์จากประเทศนี้ลดลงไปมาก มันชวนดู ชวนสงสัย ชวนติดตามและชวนค้นหาตั้งแต่ตัวอย่าง เพราะถ้าหากใครที่ได้ดูตัวอย่างแล้วก็จะสามารถรับรู้ได้ถึงปมปัญหาต่าง ๆ ที่กำลังรอให้ตัวละครคลีคลาย แถมเมื่อได้รู้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีบทที่ถูกเขียนขึ้นอย่างละเมียดละไมและผู้กำกับที่มากไปด้วยฝีมือ (Han Jae-Rim ฮันแจริม) บวกเข้ากันกับดาราระดับแถวหน้าของวงการเข้ามาแสดงด้วยแล้ว มันเป็นเคมีที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้วางใจได้ว่า จะไม่ทำให้เราผิดหวังอย่างแน่นอนผมได้ทำบทความเกี่ยวกับความรู้สึกก่อนรับชมสามารถตามอ่านเต็ม ๆ กันได้นะครับ สปอยล์ตัวอย่าง : เอาชีวิตรอดจากโรคระบาดบนเวหา “ไฟลต์คลั่งฝ่านรกชีวะ Emergency Declaration“รีวิวด้านเนื้อเรื่องหลังจากการเกริ่นนำเพื่อปูเนื้อเรื่องจบลงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรตัดเข้าสู่เนื้อเรื่องอย่างรวดเร็วในการดำเนินเนื้อเรื่องในช่วงต้นเป็นส่วนที่ผมชอบที่สุดเพราะเป็นการเล่าเพื่อแสดงให้เราเห็นพฤติกรรมต่าง ๆ ของตัวละครไปพร้อม ๆ กับการผูกปมต่าง ๆ ในเรื่อง เมื่อผูกปมต่าง ๆ เรียบร้อยจนเข้าถึงช่วงกลางเรื่องที่จะเน้นไปทางไขคดีและวุ่นกับการหาตัวคนร้ายที่ลุ้นระทึกทุกครั้งที่เครื่องบินไต่ระดับความสูง ในช่วงกลางเรื่องนี้เป็นส่วนที่ผมชอบรองลงมา บรรยากาศรอบ ๆ ที่แออัดบวกกับสถานการณ์ที่มีผลต่อความรู้สึกของตัวละคร ทำให้ความระทึก ความไม่ปลอดภัย และความไม่เชื่อใจเกิดขึ้น ช่วงนี้จะมีซีนที่ผม ชอบ และ ไม่ชอบ เกิดขึ้นอยู่ด้วย เรื่องย่อ Emergency Declaration ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะผมขอพูดในส่วนซีนที่ชอบก่อนก็แล้วกัน ผมขอยกให้ฉากเครื่องบินเสียการควบคุมเป็นฉากที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้เลย ทำได้สมจริงและยิ่งเก้าอี้ในห้องผู้โดยสารดันมาคล้ายกับเก้าอี้ในโรงภาพยนตร์มันทำให้ฉากนี้เหมือนผมได้หลุดเข้าไปในฉากนั้นจริง ๆ ต้องชื่นชมทีมงาน และ ทีม CG จริง ๆ ครับสร้างสรรค์ฉากนี้ได้ละเอียดสุด ๆ ต่อมาขอพูดถึงฉากที่ไม่ชอบในช่วงกลางเรื่องคือ ตอนที่ตามไล่ลาหาคนร้าย ความรู้สึกไม่ทรงพลังและไม่ทำให้เราเชื่อ เอาเป็นว่าผมไม่อินเลยตอนที่ตัวละครพยายามไล่ล่าหาคนร้าย เหมือนเป็นหนังเด็ก ๆ ยังไงอย่างนั้น และมีฉากที่ผู้กำกับเหมือนจะเน้นให้ความสนใจกับอุปกรณ์ชิ้นนึง แต่กลับไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมัน จึงทำให้ผม งง ว่าจะถ่ายเน้นเจ้าอุปกรณ์ชิ้นนั้นไปทำไม ในตัวอย่างภาพยนตร์เพื่อน ๆ จะได้ยินคำพูดจากหอบังคับการบบินว่า “ไม่ได้รับอนุญาตให้ลงจอดที่ใดทั้งนั้น” เป็นคำพูดที่ไม่ใช่ทำให้ตัวละครเคว้งคว้างเท่านั้นแต่ยังทำให้คนดูในโรงภาพยนต์มีความรู้สึกเดียวกันคือถูกตัดขาดและไม่เป็นที่ต้อนรับสำหรับใครเลย เป็นช่วงที่บีบคั้นสุดๆ เพราะถ้าไม่ตายเพราะน้ำมันหมดจนเครื่องตกก็ต้องตายเพราะติดเชื้อบนเครื่อง ทางภาคพื้นก็เครียดไม่แพ้กันเพราะต้องพยายามหาข้อมูลคนร้าย พยายามหาทางนำเครื่องบินลงจอด ในเนื้อส่วนของภาคพื้นดินผมชอบมากกว่าบนน่านฟ้าซะอีก เพราะภาคพื้นจะเป็นเหมือนพาร์ทของสืบสวนสอบสวนจึงทำให้รู้สึกน่าติดตามมากกว่า และเมื่อเนื้อเรื่องดำเนินมาถึงท้ายเรื่องอารมณ์และความรู้สึกที่สร้างมาตั้งแต่ต้นเรื่องเหมือนไร้ความหมายยังไงอย่างนั้น มันเป็นการแก้ปมที่ง่ายเกินไป บางอย่างก็ไม่สมเหตุและเราก็พอที่จะเดาตอนจบได้อยู่แล้วตั้งแต่กลางเรื่องถามว่ามีการหักมุมไหม ต้องเรียกว่า “งอมุม” ดีกว่า ในเนื้อเรื่องมีการหักมุมแต่ก็ไม่รู้ว่าจะหักไปทำไม จบแบบก่อนจะหักมุม มันจะขยี้อารมณ์ในซีนอารมณ์ได้ดีกว่านี้มาก ๆ ด้านการตัดต่อเป็นการตัดต่อสลับเหตุการณ์ 2 ฝั่ง ระหว่างเนื้อเรื่องฝั่งภาคพื้นดินและเนื้อเรื่องฝั่งน่านฟ้าเป็นการตัดสลับที่ดูสนุก ดูเข้าใจไม่งงเพราะเวลาของเหตุการณ์จะไหลไปพร้อม ๆ กัน พูดถึงฉากที่ชอบที่สุดผมก็ยังคงให้ฉากเครื่องบินเสียการควบคุม ทำได้สมจริงมากเมื่อผมลองหาข้อมูลถึงได้รู้ว่าทีมงานได้นำเครื่องบินของจริงมาผ่าท่อนและจำลองเหตุการณ์เครื่องเสียการควบคุ้มในนั้น สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้การตัดต่อไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยดูได้เพลิน ๆ ไม่งงแน่นอนด้านการแสดงนักแสดงทุกคนแสดงออกมาได้ดีมาก ๆ ครับ (ก็อย่างว่าแหละฝีมือการแสดงของแต่ละคนมันธรรมดาซะที่ไหนกัน) ต้องยอมใจทีมงานที่ทำการบ้านมาดีมาก ๆ รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับงานบริการบนเครื่องจริง ๆ ซึ่งตรงจุดนี้นี่เองเมื่อรวมกับการแสดงของนักแสดง ถือว่าเป็นอะไรที่ลงตัวและดูสมจริงสมจังมาก ๆ สำหรับนักแสดงตัวละครหลักในเรื่องเราจะไม่รู้สึกขัดใจหรือติดขัดอะไรเลยเพราะนักแสดงทุกคนเล่นเข้าถึงบทบาทและแสดงออกมาได้ถึงอารมณ์ ถ้าจะให้จับผิดกันจริง ๆ แล้วละก็ จะมีอยู่ไม่กี่ตัวละครที่นักแสดงเล่นออกมาแล้วดูปลอม การแสดงดูลอยกว่าคนอื่น ๆ แต่ขอบอกว่าไม่มากไม่เยอะจนคนดูรู้สึก การแสดงของตัวประกอบต้องเรียกว่าเทียบชั้นกับนักแสดงตัวละครหลักได้เลยเพราะจะมีอยู่ตัวละครนึงที่ผมเกลียดมันมากและนักแสดงก็แสดงมันออกมากได้สำเร็จ สามารถทำให้ผมเกลียดเขาได้จริง ๆ ขอใบ้นิดนึงว่าเป็นมนุษย์ลุงซึ่งในภาพยนตร์ทำนองนี้มักจะมีมนุษย์ลุงหรือมนุษย์ป้าที่ชอบสร้างหายนะทำให้เหตุการณ์ตึงเครียดมากขึ้นไปอีก ตัวละครที่ชอบในเรื่อง “Emergency Declaration ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ” นี้ตัวละครที่ผมชอบที่สุดคือSook-hee แสดงโดย Jeon Do-yeon (จอนโดยอน)การแสดงของเธอในบทบาทรัฐมนตรี ต้องยอมรับว่าเธอเป็นหญิงที่แกร่ง สู้เพื่อความถูกต้องในเรื่องแทบจะเป็นคนเดียวเลยที่มีอำนาจในรัฐบาลหรือติดต่อกับนานาประเทศเพื่อขอเคลียร์ทางให้เครื่องบินได้ลงจอด เป็นตัวละครที่เด็ดเดี่ยวมีความเชื่อมั่นและการแสดงของ Jeon Do-yeon (จอนโดยอน) สามารถส่งความรู้สึกนั้นออกมาถึงคนดูได้ผมจะชอบทุกครั้งที่ตัวละครตัวนี้ออกฉาก มันทำให้คนดูรู้สึกเชื่อมั่นในตัวเธอ เชื่อว่าเธอคนนี้สามารถช่วยเหลืออะไรเราได้ด้วยระยะเวลา 141 นาที ของภาพยนตร์เรื่อง “Emergency Declaration ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ” จะมีความลุ้นระทึก เกร็งและคลั่งสมชื่อเรื่องจริง ๆ แต่ทว่าผมมีปัญหากับเนื้อเรื่องช่วงท้ายอย่างเดียว ถ้าจะให้เปรียบก็เหมือนกับเครื่องบิน ที่ในช่วงต้นมีการไต่ระดับอารมณ์ขึ้นไป จนสุดท้ายก็ไต่ระดับลงจอดแน่นิ่งสนิท ผมขอให้คะแนน 7/10 ที่หักคะแนนมีส่วนเดียวเลยคือช่วงท้ายเรื่องที่ขยี้อารมณ์ได้ไม่สุด ขยี้ได้มากสุดก็แค่ซึ้งแต่ไม่ถึงกับร้องไห้ ถ้าถามว่าผมจะแนะนำภาพยนตร์เรื่องนี้ให้กับคนอื่นดูไหม? ขอตอบว่า “แนะนำ” ครับ ถึงแม้ผมจะไม่ชอบตอนจบแต่ผมก็ไม่อาจจะทิ้งส่วนดี ๆ ของหนังในช่วงต้นเรื่องและกลางเรื่องไปได้ เพื่อน ๆ ที่กำลังลังเลว่าจะตีตั๋วเข้าไปดูดีไหม? หยุดลังเลและเดินเข้าไปดูเลยครับ ไม่งั้นเพื่อน ๆ จะพลาดหนังฟอร์มยักษ์ที่ดี ๆ ไปหนึ่งเรื่องในปีนี้ตัวอย่างภาพยนตร์ โดย Major Groupรูปที่1 โดย Sahamongkolfilm International รูปที่2, รูปที่3, รูปที่4, รูปที่5, รูปที่6, รูปที่7, รูปที่8, รูปที่9 โดย Major Group รูปที่10, รูปที่11, รูปที่12 โดย SF Cinema*STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี`คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 11 สิงหาคม 2565