ไม่มีกิจกรรมใดในยามเช้า จะสุขใจเท่ากับการได้นั่งจ้อกับน้องชายอยู่หน้าบาร์กาแฟตรงนี้อีกแล้ว . . หลังจากวิ่งออกกำลังกายมาเหนื่อย ๆ ตรงนี้คือจุดนัดพบสุดท้าย ก่อนที่เราจะแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน . ใช่ครับ!! เราเป็นพี่น้อง แต่ต่างครอบครัว ต่างฐานะ ต่างภูมิลำเนา (เกือบ)ต่างเพศ เราต่างกันสุดขั้วเท่าที่ใครจะคิดได้ว่าจะมีอะไรให้ต่าง . แต่สองสิ่งที่ผมคิดว่าสามารถเชื่อมต่อเราสองคนไว้ได้แบบนี้....ข้อแรกน่าจะเป็นทัศนคติ ที่เรายอมให้โอกาสกับแนวความคิดใหม่ ๆ อยู่เสมอ หลายต่อหลายครั้งที่เราดันมีแนวคิดไม่ตรงกัน ลากกันไปจนสุดทาง และไปจบที่คำว่า "เออหวะ อันนี้ลืมคิดไปเลย" . ไม่รู้มันเริ่มจากตรงไหน แต่ผมสังเกตได้ว่า ทุกครั้งที่นั่งคุยกัน เราไม่มีสิ่งที่เรียกว่า "แพ้ไม่ได้" ต่อกัน เรายอมปล่อยให้ความคิดแย่ ๆ ตกไป เพื่อรับเอาความคิดใหม่ ๆ เข้ามาง่าย ๆ เสมอ โดยไม่สนใจว่ามันจะเป็นความคิดของใคร ถ้ามันโอเราจะรู้กัน . ในครั้งแรกที่เราเคยพบเจอและทำงานร่วมกัน ในคอร์สอบรมแห่งหนึ่ง น้องชายได้แต่ปฏิเสธแนวคิดของผม แค่เพราะอคติว่า "แม่งเป็นใครว่ะ มาสอนกู" ดีหน่อยตรงที่ไม่ได้แสดงออกมาชัด ๆ . แต่ด้วยบุญทำกรรมแต่งหรืออะไรก็ไม่รู้ ที่ทำให้เค้าเริ่มเปิดใจยอมรับ ไม่สิ! เราสองคนเริ่มเปิดใจยอมรับความคิดของอีกฝ่าย จนกลายมาเป็นที่ปรึกษาให้กันและกันเรื่อยมา และตั้งแต่นั้น ไม่มีเรื่องไหนที่จะเล็ดลอดการพูดคุยของเราไปได้ ไม่มีคำชักชวนใดที่จะถูกปฏิเสธจากอีกฝ่ายเมื่อเราเอ่ยปาก ทั้งงานบุญงานบาป หรือแม้กระทั้งงานทรมานร่างกาย อย่างการวิ่งไกล ๆ เราก็ไป . หนังสือเล่มไหนดี บทความไหนน่าอ่าน เพจไหนน่าตาม พ็อดแคสไหนน่าฟัง เราจะเอามาเล่าสู่กันฟังเสมอ ซึ่งตัวเชื่อมข้อที่สอง ผมว่าก็คือร้านกาแฟร้านตรงนี้หละ!! ตรงบาร์นี่เลย (ชี้นิ้วใส่) . . ด้วยความที่เจ้าของร้าน เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับน้องชาย และกาแฟของที่ร้านก็ "โคตรอร่อย" เราสองคนจึงเทใจให้กับ "ซัมเมอร์" กาแฟคั่วอ่อนที่เบรนเป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน รสชาติหวานอมเปรี้ยวเมื่อลงคอ หลังจากให้รสขมอ่อน ๆ ที่บริเวณลิ้น เป็นเสน่ห์ที่ทำให้คอกาแฟหลงรักได้ไม่ยาก . . หลายต่อหลายเรื่อง หลายแนวคิด ถูกบอกเล่าผ่านเคาทเตอร์บาร์แห่งนี้นับไม่ถ้วน ทั้งจากเราสองคนพี่น้อง หรือบางครั้งก็จากเจ้าของร้านที่ส่งเสียงข้ามบาร์มาจากข้างใน บางทีก็เป็นคำทักทายจากคนคุ้นเคยที่มายืนรอกาแฟอยู่บริเวณนั้น . ถึงตอนนี้ผมยังพิสูจน์ไม่ได้สักทีว่า... เรี่ยวแรงที่เรามีล้นเหลือสำหรับงานในตลอดวันนั้น เป็นเพราะฤทธิ์กาแฟ หรือว่าเกิดจากผู้คนตรงนั้นกันแน่!! . . แต่ที่รู้ ๆ คือบาร์แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของพวกเราไปแล้ว . หากเราสองคนยังไม่ตาย และร้านยังไม่ย้ายไปไหน และคุณได้มีโอกาสแวะมาหาอะไรดื่มช่วง 8:00-9:00 น. คุณจะเจอคนบ้า2คน ที่พูดคุยกันเหมือนไม่เคยเจอกันมาเป็นปี และบางครั้งอาจจะหันไปเชียร์ให้คุณลองสั่ง "ซัมเมอร์" ดูสักครั้งก็เป็นได้ . ถ้าเป็นอย่างนั้นโปรดอย่าถือสา และได้โปรดทักกลับมาว่า "เฮ้ยย กูเคยอ่านเรื่องพวกมึง" ก็พอ เพราะมันอาจจะทำให้เรา มีแรงไปสู่กับงานเพิ่มขึ้นอีกมากโขเลยทีเดียว . Asterisk Espresso คือร้านที่เราต้องใส่ดอกจันตัวโต ๆ ไว้เลยครับว่า... ***เป็นร้านกาแฟที่ให้พลังงานเรา....โคตรดีย์!