อควาเรีย ภูเก็ต(Aquaria Phuket) อีกหนึ่งสถานที่ที่คนที่ชื่นชอบในธรรมชาติใต้ท้องทะเล ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะที่นี่ถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร และด้วยทุนสร้างที่สูงถึง 600 ล้านบาท พร้อมจัดเต็มด้วยทัพสัตว์น้ำมากกว่า 300 สายพันธุ์ รวมกว่า 51,000 ตัว มาจัดแสดงไว้ที่นี่แบบจัดเต็ม พร้อมทั้งภายในก็ยังมีทั้งแหล่งการเรียนรู้ และกิจกรรมอื่นๆ อีกเพียบ สำหรับอควาเรีย ภูเก็ต นั้น ถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ แห่งใหม่ล่าสุดของไทย เพราะที่แห่งนี้พึ่งเปิดให้บริการไปเมื่อข่วงปลายเดือน สิงหาคม พ.ศ.2562 ที่ผ่านมานี้เอง โดยถูกสร้างภายใต้คอนเซ็ปต์ "An Ocean of Myth and Legend" ที่จะเป็นการผสมผสานโลกใต้ทะเล เข้ากับเรื่องราวเทพนิยายของไทย ซึ่งได้มีการแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ ให้ได้แวะได้ชมกัน โซนแรกที่เข้ามาจะเป็น Mystic Forest หรือ พงไพรลี้ลับ ที่จะพาเราเข้าไปพบกับเหล่าสัตว์น้ำหายาก จากแม่น้ำทั่วทุกมุมโลก โดยภายในตู้ปลานั้น ได้มีการจำลองบรรยากาศจากป่าในวรรณคดีไทย พร้อมทั้งได้มีการจัดแสดงพันธุ์ไม้น้ำต่างๆ เพื่อเพิ่มความสมจริงให้เหมือนกับพื้นที่ในส่วนนี้ คือป่าในโลกเทพนิยายจริงๆ ซึ่งตู้ไม้น้ำของที่นี่ ก็ถือว่าเป็นตู้ไม้น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย ถัดมาจะเป็นโซน River Cave ที่เป็นส่วนที่มีการจัดแสดงสัตว์น้ำจืดหายากมากมาย พร้อมทั้งชมความน่ารักของครอบครัวตัวนาก นอกจากนี้ยังมีส่วนย่อยที่มีชื่อว่า Jewels of the Jungle ที่จะเป็นส่วนที่มีการจำลองบรรยากาศแบบป่าดงดิบ มาตั้งไว้ในที่แห่งนี้ โดยโซนนี้จะจัดแสดงบรรดาสัตว์เลื้อยคลานไม่ว่าจะเป็น งู กิ้งก่า พันธุ์ต่างๆ ไปจนถึงแมลงที่หาชมได้ยาก ไม่ว่าจะเป็น ตั๊กแตน แมงมุม ตะขาบ ฯลฯ สำหรับส่วนที่เป็นไฮไลท์ของที่แห่งนี้ ก็จะมีทั้งโซน River Giant ที่จะเป็นส่วนที่จัดแสดงสัตว์น้ำจืดขนาดยักษ์ ไม่ว่าจะเป็นปลาช่อนยักษ์จากแม่น้ำอะเมซอน ,ปลากระเบนลาว หรือปลาบึก จากแม่น้ำโขง สำหรับใครที่อยากชมสัตว์ทะเลหายาก ที่นี่ก็มีโซน Coastal Heaven ที่เป็นส่วนที่จัดแสดงปลาทะเลหลากชนิด พร้อมทั้งชมความน่ารักของฝูงเพนกวินสายพันธุ์ Humboldt ที่มาจากทวีปอเมริกาใต้ นอกจากนี้ยังมีโซน South China Sea ที่ได้มีแท็งค์น้ำเค็มที่ใหญ่ที่สุดในไทย โดยภายในได้มีการจัดแสดงบรรดาสัตว์น้ำจากทะเลจีนใต้มาให้ชมกัน และสุดท้ายที่โซน Touch Pool ที่จะให้ทุกคนได้ลองสัมผัสกับสัตว์ทะเลตัวน้อยด้วยตัวเอง หลังจากที่ชมเหล่าสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลกันอย่างเต็มอิ่มแล้ว ภายในอควาเรียแห่งนี้ยังมีร้านอาหารที่มีชื่อว่า “Andasi" ห้องอาหารที่จะให้ทุกคนได้ทานอาหารแสนอร่อย ท่ามกลางบรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยโลกใต้ทะเลสุดตระการตา โดยเฉพาะในช่วง 1 ทุ่มของแต่ละวัน จะมีการจัดเซ็ตดินเนอร์สุดหรูจัดด้านข้างตู้ปลาขนาดใหญ่ เพิ่มบรรยากาศสุดโรแมนติกเข้าไปอีก นอกจากนี้ภายในอควาเรีย ยังมีอีกหนึ่งโซนพิเศษที่มีชื่อว่า “AR Trick Eye Museum" ที่เป็นทริคอายมิวเซียมของที่นี้ แต่ความพิเศษคือทริคอายที่นี่นั้น ถือว่าเป็นแห่งแรกในไทย ที่ได้นำระบบ AR มาใช้ ซึ่งหากใครที่เข้ามาในส่วนนี้จะต้องดาวน์โหลดแอ้ปพลิเคชั่น เพื่อสามารถถ่ายภาพในรูปแบบ 4 มิติ จากจุดต่างๆ ของที่นี่ แถมยังเพิ่มลูกเล่นสำหรับการถ่ายภาพเข้าไปอีกด้วยการมีภาพเคลื่อนไหว มีเสียง และเอ็ฟเฟ็กต์ต่างๆ ที่ทำให้ทริคอายที่นี่มีความสมจริงกว่าที่อื่นๆ สำหรับใครที่อยากมาชมความตระการตา และสัมผัสกับพิพิธภัณฑ์โลกใต้น้ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สามารถเดินทางไปชมได้ทุกวัน โดย อควาเรีย ภูเก็ต จะตั้งอยู่ที่ ชั้น B1 ฝั่งฟลอเรสต้า ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต ซึ่งจะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 10.30-19.00 น. ราคาสำหรับชมอควาเรียอย่างเดียว ผู้ใหญ่ 490 บาท และเด็ก 290 บาท สำหรับบัตรเข้าชมอควาเรีย และทริคอาย ผู้ใหญ่ 650 บาท และเด็ก 390 บาท ขอขอบคุณรูปภาพจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต