เมื่อเร็ว ๆ นี้ผู้เขียนได้เข้าร่วมกิจกรรม สื่อสร้างสรรค์ รัฐ-ประชาชน หนุนสื่อฟังเสียงประชาชน และภายในกิจกรรมดังกล่าวทางจังหวัดภูเก็ตมีการนำขนมอังกู๊มาต้อนรับ จึงทำให้ผู้เขียนมีโอกาสได้ลิ้มลองขนมอังกู๊ หรือ ขนมเต่าจากการสอบถามปรากฎว่าขนมชนิดนี้เรียกตามรูปร่างลักษณะและสีสันของขนม คือ คำว่า "อังกู๊" เป็นภาษาจีนฮกเกี้ยน ถ้าเป็นภาษาจีนกลางจะเรียกว่า "หงกุย" (红龟) ซึ่งแปลได้ว่า "เต่าแดง" สำหรับภาษาไทยจะเรียกว่า ขนมเต่า ในความเชื่อของชาวจีน สีแดง หรือ อัง เป็นสีมงคล ซึ่งจะเห็นได้จากงานมงคลต่างๆจะนิยมใช้สีแดงเป็นธีมหลัก เช่น งานแต่งงาน งานตรุษจีน เป็นต้น ส่วนคำว่า กู๊ แปลว่า เต่า ก็ถือเป็นสัตว์มงคลเช่นกัน ซึ่งหมายถึง อายุยืนยาว ความเป็นอมตะ เมื่อนำมารวมกันก็จะเป็นมงคลคูณสองเลยทีเดียว และเมื่อผู้เขียนได้รับเรื่องราวต้องบอกว่ามันเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจอย่างแท้จริง ทั้งลักษณะโดดเด่นสะดุดตาด้วยสีแดงสดและการออกแบบที่คล้ายกับกระดองเต่า ขนมมีขนาดไม่ใหญ่มาก พอดีคำ รสชาติของอังกู๊ก็อร่อยไม่แพ้กัน ลักษณะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ แป้งด้านนอกสีแดงมีลักษณะเหนียวนุ่ม หนึบหนับ ส่วนที่สอง เป็นส่วนของไส้ มีความหอมของถั่วเขียว หวานเล็กน้อย อร่อยพอเหมาะ เมื่อรวมกันแล้วทั้งแป้งด้านนอกและไส้ได้สร้างความสมดุลที่สมบูรณ์แบบของรสชาติที่จะถูกอกถูกใจ ผู้เขียนยังชื่นชอบในความใส่ใจในรายละเอียดในการทำขนมอังกู๊ โดยเริ่มตั้งแต่การทำไส้ โดยเลือกสรรจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง ไม่ว่าจะเป็น แป้ง ข้าวโพด และน้ำตาล ส่วนตัวขนมใช้แป้งข้าวเหนียว นวดกับน้ำจนนิ่มและผสมสีผสมอาหารสีแดงเพื่อความสวยงาม หลังจากนั้นก็นำไส้ที่ทำไว้เสร็จแล้วมาห่อเป็นก้อนๆ และมากดที่พิมพ์รูปเต่า เคาะออกจากแม่พิมพ์และนำไปนึ่ง จนสุกพร้อมรับประทานโดยรวมแล้วผู้เขียนขอแนะนำอังกู๊ให้กับทุกคนที่ยังไม่เคยรับประทานขนมอังกู๊ เพราะเป็นขนมที่อร่อยและสวยงาม ซึ่งขนมนี้จะมีให้รับประทานเฉพาะในงานมงคลต่างๆ ของชาวไทยเชื้อสายจีนเท่านั้น เช่น ขึ้นบ้านใหม่ แต่งงาน รับขวัญเด็กแรกเกิดและงานวันตรุษจีน เป็นต้น รับรองว่าหากได้ลองรับประทานสักครั้งจะต้องถูกใจอย่างแน่นอน และเป็นขนมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ขอแนะนำเป็นอย่างยิ่ง!ภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียนภาพบุคคลที่ปรากฎในบทความนี้เป็นเจ้าของบูธและเพื่อนของผู้เขียนซึ่งได้รับอนุญาตให้สามารถใช้งานได้ห้องส่องร้านดังมาแรง รวมของกินอร่อยต้องโดน บอกสูตรเมนูลับที่ไม่ลับอีกต่อไป