หลายวันมาแล้ว ที่ผู้เขียนมีแต่เมนูของหวาน เช้าวันนี้ ก่อนไปทำงานผู้เขียนได้เจอลูกกะท้อน ใส่ถุงตั้งขายริมถนน ข้าง ๆ กับร้านที่ขายหมี่ผัดเจ้าประจำที่ผู้เขียนชอบซื้อไปกินตอนเช้า ๆ แต่วันนี้มีโต๊ะมาตั้งข้าง ๆ วางลูกกะท้อนอยู่หลายถุง ถุงสองลูกจะลูกใหญ่หน่อย ถ้าถุงสามลูกก้อจะลูกเล็กหน่อย แม่ค้าเอ่ยปากว่า ถุง สามสิบบาทค่ะ แต่ฝนจะตก ลดเหลือ ถุงละ ยี่สิบบาทแล้วค่ะ เท่านั้นละ ผู้เขียนก็รีบหยิบฉวยมาทันทีถุงหนึ่งสามลูก แต่จ่ายตังค์นะ ไม่ได้ฉวยเฉย ๆ ฮ่า ๆ เห็นลูกสวย ๆ ด้วยละ น่าจะมีเนื้อเยอะดี ส่วนพันธ์ุอะไรนั้น ผู้เขียนก็ลืมถามแม่ค้า สำหรับผู้เขียนแล้ว กินได้ทั้งนั้น สำหรับลูกกะท้อน ชอบมาก เป็นพิเศษ กินได้ทั้งยำ ทั้งแกงกะทิ พูดแล้วน้ำลายจะไหล แต่ที่ซื้อไปนี้คิดว่าจะไปแบ่งน้อง ๆ พี่ ๆ ที่ทำงานด้วย กินคนเดียวคงไม่หมดแน่ ๆ ลูกหนึ่งว่าจะทำ "ยำลูกกะท้อน" ให้น้อง ๆ ได้กินกันสักหน่อย มาดูกันครับว่า เมนูนี้มีอะไรบ้างส่วนประกอบ วัตถุดิบในการทำยำลูกกะท้อนที่แสนจะง่ายและส่วนประกอบน้อยมาก ๆ มีดังนี้นะครับ 1.ลูกกะท้อน กึ่งสุก กึ่งดิบ 2.น้ำปลา 3.พริกป่น 4.น้ำตาล ส่วนประกอบก็มีเท่านี้จริง ๆ นะ สำหรับเมนูนี้ แต่รับประกันว่า อร่อยแซ่บถึงทรวง และ หมดไปในพริบตาแน่ ๆ มาคอยลุ้นกับผู้เขียนกันดูครับ เพราะช่วงบ่าย ๆ แบบนี้ อิ่มข้าวเที่ยงกันมา ตามักจะปรือ ๆ เลยต้องเอาของกินรสออกเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ มาทำให้น้อง ๆ กระชุ่มกระชวยกันสักหน่อย ไม่งั้นเดี๋ยวหลับกันหมด ยิ่งช่วงนี้ไม่มีลูกค้าด้วย เพราะอยู่ในช่วง โควิด-19 กันอยู่ เอาละมาดูขั้นตอนแสนง่าย ๆ กันครับ ขั้นตอนที่ 1 ล้างลูกกะท้อนที่ได้มา เพราะเราไม่รู้ว่า ไปติดอะไรมาบ้าง ผู้เขียนมีเทคนิคการเลือกลูกกะท้อนมาฝากกันนิดหนึ่งนะครับ หากต้องการลูกกะท้อนมาทำเมนูยำ หรือเมนูแกงควรจะเลือกกะท้อนที่มีผิวเปลือกสีเขียวแจมนิด ๆ รสจะออกเปรี้ยว ๆ เวลาผสมกับน้ำยำแล้วจะลงตัวพอดี ถ้าแกงจะเข้าน้ำกะทิ พอดีเช่นกัน แต่หากจะเอาไปกินเปล่า ๆ ต้องเลือกแบบที่มีผิวเปลือกสีออกสีเหลืองทอง ๆ และต้องไม่มีร่องรอยของรูแมลงเจาะที่เปลือกด้วยนะ ลักษณะลูกกลมผิวตึง ๆ ด้วยจะยิ่งหวาน ยิ่งอร่อย ขั้นตอนที่ 2 เมื่อล้างเรียบร้อยแล้ว ให้ปอกเปลือกออกให้เกลี้ยงเลยนะครับ ไม่งั้นจะมีรสฝาดของเปลือกติดมาด้วยเวลากิน จะไม่อร่อย เสียรสของยำหมด ขั้นตอนที่ 3 หลังจากปอกเปลือกเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้มีดสับ ๆ ให้ทั่ว บริเวณเนื้อของลูกกะท้อนทั้งหมด ยิ่งสับเยอะยิ่งทำให้น้ำยำเข้าเนื้อกะท้อนได้ดี แต่อย่าสับจนละเอียดเกินไปนะครับ เอาแต่พอดี ๆ ครับ สวย ๆ น่ากิน งานนี้ผู้เขียนสับไป น้ำลายไหลไป มีแอบชิมที่หลุดออกมา ลูกนี้เปรี้ยวหวานกำลังดีเลยทีเดียว ถือว่ากะท้อนต้นนี้ เนื้อเยอะดี ขั้นตอนที่ 4 ทำน้ำยำ ง่ายๆ ด้วยการ นำถ้วยเล็ก ๆ สักใบ เทน้ำปลาลงไป พอประมาณ กะเอาตามปริมาณของลูกกะท้อนของเรานะครับ ถ้าลูกใหญ่หน่อยน้ำปลาก็จะเยอะหน่อย กะให้พอดี ไม่งั้นได้เค็มจัดแน่ ๆ เทพริกป่นลงไปครับ ตามด้วยน้ำตาล คนให้สามอย่างเข้ากัน ให้น้ำตาลละลาย ก็ใช้ได้แล้วครับ ส่วนที่เหลือก็แค่ ชิมน้ำยำ ให้ได้รสตามที่ต้องการเท่านั้นครับ ตอนนี้ผู้เขียนชิมว่าได้ที่แล้ว ไม่เค็มมาก ไม่หวานมาก และไม่เผ็ดมาก เพราะน้อง ๆ บางคนกินเผ็ดกันไม่ได้ ขั้นตอนที่ 5 จัดการเทน้ำยำลงไปคลุกเคล้าให้ทั่วทั้งลูก เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ สำหรับเมนู ยำลูกกะท้อน ของเรา สำหรับผลของการชิมของน้อง ๆ ผลตอบรับออกมาดี เดินเข้าเดินออกออฟฟิศกันเป็นว่าเล่น เดินมาชิมกันนะครับ ไม่ใช่เดินอะไร แต่ละคนต่างยกนิ้วให้ในความอร่อย บางคนถึงกับตาสว่างกันเลยทีเดียว วันนี้ถือว่าได้ลูกกะท้อนที่ดีมาก ๆ ผลสวย เนื้อเยอะ เม็ดเล็ก กินแล้วได้เต็มปากเต็มคำดี ไม่แน่ใจว่าแบบนี้หรือเปล่าที่เขาเรียกว่า พันธุ์ปุยฝ้าย อะไรสักอย่าง เพราะเนื้อจะออกปุย ๆ เปรี้ยวหวานกำลังดี ช่วงนี้กะท้อนออกสู่ตลาดเยอะ ใครที่หาได้ลองเอามาทำกินกันดูนะครับ วันหน้าว่าจะหามาทำแกงกะทิลูกกะท้อน สักเมนู ไม่ได้กินกันนานแล้วสำหรับเมนูนี้ หรือ กะท้อนลอยแก้วดีนะ คอยติดตามละกันครับ มีเมนูลูกกะท้อนมาฝากกันอีกแน่ ๆ เพราะผู้เขียนชอบ ๆ รอน้ำลายไหลกันได้เลยครับ ภาพทั้งหมด โดย ผู้เขียน