คุณเคยเห็นภูเก็ตที่เงียบสงบแบบนี้หรือไม่ ? สวัสดีทุกท่าน เรื่องที่กระผมจะมาเล่าให้ทุกท่านได้อ่านในบทความนี้เป็นเรื่องของไวรัสโคโรน่าที่แพร่กระจายไปทั่วเกาะภูเก็ต ทำให้ประชาชนเกิดความยากลำบากในการใช้ชีวิต ทั้งประชาชนที่เป็นคนภูเก็ตแต่เดิม และประชาชนต่างถิ่นที่เข้ามาทำงานในเกาะภูเก็ต ไวรัสโคโรน่า 2019 เป็นโรคไวรัสที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว บางสถานที่ไม่มีการป้องกันที่ชัดเจนตั้งแต่แรกทำให้เกิดความโกลาหนและรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวไม่ทัน ไม่นานนักไวรัสนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วโลก ไม่เว้นประเทศใด ส่งผลให้รัฐบาลหรือผู้นำในทุก ๆ ประเทศต้องหันมาให้ความสำคัญกับการแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวอย่างเร่งด่วน โดยใช้มาตรการต่าง ๆ ในการช่วยเหลือและมอบอำนาจการสั่งการให้ผู้นำแต่ละจังหวัด (ผู้ว่าราชการจังหวัด) ไม่ว่าจะเป็นการจัดสรรงบประมาณเพื่อเยียวยาประชาชนผู้เดือดร้อน หรือการประกาศเคอร์ฟิว จนกระทั่งการประกาศปิดรอยต่อระหว่างตำบล เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วและลดความสูญเสียของชีวิตและทรัพย์สินให้ได้มากที่สุด แต่ความเป็นจริงมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่พูดหรอก ยกตัวอย่างภูเก็ตที่กระผมอาศัยอยู่ ในวันที่ 29 มีนาคม 2563 มีประกาศจังหวัดจากผู้ว่าราชการจังหวัด มีความว่าให้ปิดจังหวัดและทำการคัดกรองผู้ที่สัญจรเข้าออกจังหวัด ผู้ที่เข้าและออกได้จะต้องอยู่ในเกณฑ์ที่ทางประกาศจังหวัดกำหนด ซึ่งเมื่อข่าวประกาศออกมาก็มีการเผยแพร่ไปทางสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือในเฟซบุ๊ก โดยมีฟีดแบ็กตามมาจากผู้ที่ได้เห็นข้อความในประกาศ คือ การวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสื่อออนไลน์จากประชาชนผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงเกี่ยวกับการประกาศมาตรการดังกล่าว ไม่มีใครสามารถรับมือและปรับตัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้โดยเร็ว ทำให้คนที่อยู่ภูเก็ตหรือมาทำงานในภูเก็ต แต่เป็นคนภูมิลำเนาจังหวัดอื่น ๆ มีความคิดที่จะกลับบ้านโดยทันที อย่างไรก็ตามเมื่อมีประกาศออกมาแล้วทุกคนที่อยู่ในจังหวัดไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าเมืองหรือผู้ว่าราชการจังหวัดได้ วันถัดมา 30 มีนาคม 2563 หลังจากที่มีการเรียกร้องและมีการโต้ตอบประกาศดังกล่าว ทางผู้ว่าราชการจังหวัดจึงมีการผ่อนปรนให้กับผู้ที่จำเป็นที่จะต้องเดินทางกลับภูมิลำเนา โดยให้เวลาในการเดินทางสัญจรเข้าออกภูเก็ต 1 วัน และจะทำการปิดจังหวัดอย่างจริงจังในวันที่ 31 มีนาคม 2563 หลังเที่ยงคืนเป็นต้นไป ภูเก็ต... เมื่อเข้าสู่การปิดจังหวัดแบบ 100% ในช่วงเดือนเมษายน ก็ยังมีการรายงานปรากฎเกี่ยวกับการติดเชื้อเพิ่มในจังหวัด จนทำให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดต้องมีประกาศอีกครั้งในการปิดรอยต่อระหว่างตำบล เพื่อไม่ให้ประชาชนสัญจรไปมาระหว่างตำบลต่อตำบล เหตุนี้เองส่งผลให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านเช่าไม่ได้ไปทำงานและกลายเป็นผู้ที่เดือดร้อนในทันที ทำให้ต้องใช้จ่ายประหยัดมากขึ้น หรือบางท่านอาจไม่มีเงินใช้เลยสักแดงเดียว แต่โชคยังดีที่คนภูเก็ตไม่ทิ้งกัน ต่างพากันช่วยเหลือในยามวิกฤตโดยมีการทำข้าวกล่องหรือนำข้าวสารอาหารแห้งมาแจกจ่ายประชาชนผู้เดือดร้อนตามจุดต่าง ๆ ในจังหวัดภูเก็ต ทำให้เห็นว่าบางทีปัญหามันก็หนักหนาเกินกว่าที่รัฐบาลจะแก้ไขได้เพียงผู้เดียว ทั้งนี้ทางเทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตำบลต่าง ๆ ในจังหวัดภูเก็ตก็ได้มีการเปิดให้ผู้ที่เดือดร้อนลงทะเบียนรับถุงยังชีพอีกด้วย ในช่วงที่บ้านเมืองเกิดปัญหาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แบบนี้อย่างน้อยการให้สิ่งของบริจาคก็เป็นการช่วยเหลือให้ผู้เดือดร้อนสามารถประทังชีวิตต่อไปได้ แม้เหตุการณ์นี้ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น แต่เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนหันมาให้ความสนใจกับการมีสุขอนามัยที่ดี ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญ และหากมองในมุมกว้าง ๆ ก็จะเป็นผลดีกับการฟื้นฟูธรรมชาติให้กลับคืนสู่สภาพดีดังเดิมอีกด้วย ขอบคุณรูปภาพจาก Mullika Limsakul ภาพประกอบการทำหน้าปก ขอบคุณรูปภาพจาก โด่ง นิกาตะปลาคาร์พภูเก็ต ภาพประกอบที่ 1 / ภาพประกอบที่ 2 ขอบคุณรูปภาพจาก Phuketandamannews ภาพประกอบที่ 3 / ภาพประกอบที่ 4 ขอบคุณรูปภาพจาก จี้หยอย ป่าตอง ภาพประกอบที่ 5