ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งวัดใจคนชอบปีนเขา ท้าทายความสูงเลยทีเดียว สำหรับ "เขาล้อมหมวก" เมืองสามอ่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมเฉพาะช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้น โดยทริปนี้เราใช้เวลาเดินทาง 2 วัน 1 คืน คนมีเวลาน้อยก็เที่ยวได้ ไม่มีรถส่วนตัวก็เดินทางสะดวกด้วยนะ ถ้าอยากรู้แล้วล่ะก็ ออกไปเที่ยวด้วยกันเลยจ้า ขอเกริ่นก่อนเลยว่า ทริปนี้เราเดินทางคนเดียว (ผู้หญิงตัวคนเดียวน๊า) เนื่องจากมีวันหยุดเพียงน้อยนิดเท่านั้น ต้องบริหารเวลา 2 วัน 1 คืนให้คุ้มค่าที่สุด แล้วทำไมต้องลงเอยที่เขาล้อมหมวก? ก็เพราะว่าเป็นอีกสถานที่ ที่เราลิสต์เอาไว้ว่า สักครั้งในชีวิตต้องมา หรือก่อนแก่ต้องมา 555 ก่อนจะเดิน ปีนป่ายไม่ไหวน่ะสิ บวกกับว่า ได้เห็นภาพของนักท่องเที่ยวหลาย ๆ คน ว่าบนยอดเขาวิวจะสวยมาก น้ำทะลตอนสะท้อนกับแสงแดด สีของมันสวยเกินคำบรรยายจริง ๆ ในการเดินทางคนเดียว ยิ่งเป็นผู้หญิงด้วย วางแผนยังไงดี เชื่อว่าสาว ๆ อีกหลายคน ยังมีความกังวลเวลาต้องเดินทางคนเดียว จะน่ากลัวมั้ย อันตรายหรือเปล่า ล้วนเป็นคำถามที่เราก็เคยถามตัวเองเหมือนกัน และในทุกทริป เราจะเลือกจองโรงแรมในย่านที่ปลอดภัย มีคนพลุกพล่าน เดินทางสะดวก ส่วนการเดินทาง เราเริ่มต้นที่กทม. ไปประจวบคีรีขันธ์ ต้องรีบทำเวลา อย่าให้ไปถึงจุดหมายปลายทางเย็นหรือมืดจะเกินไป ถ้าใครมีเพื่อน หรือมีคู่เดินทางไปด้วยก็ไม่ต้องกังวลเลย อ่านบทความนี้จบ หาวันหยุดในช่วงนักขัตฤกษ์ แล้วออกเดินทางโลด ข้อมูลสำคัญที่ต้องรู้ - เขาล้อมหมวก สูงประมาณ 900 ฟุต นี่คือข้อมูลเบื้องต้น ตามหลักภูมิศาสตร์เลยนะ - เปิดให้นักท่องเที่ยวปีนขึ้น ในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้น ในแต่ละปีจะมีตารางบอก สามารถเสริช์หาได้เลยจ้า ตอนนี้ก็แพลนหาตารางของปี 2563 รอได้เลยนะ - สถานที่ปีนเขา คือ กองบิน 5 อ่าวมะนาว (บรรยากาศภายในกองบินสวยมาก ๆ ทะเลที่อยู่ในเขตกองบินน้ำก็ใสมากเช่นกัน ลงเล่นได้ด้วยนะ) -ต้องเดินทางผ่านรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และรถจักรยานเท่านั้น เดินเท้าไม่อนุญาต -สวมรองเท้าผ้าใบ เท่านั้น เพราะว่าต้องไปต่อสู้กับโขดหินนับร้อย และช่วยยึดเกาะกับพื้นภูเขาได้ปลอดภัยด้วย เริ่มเดินทาง Day 1 11.00 น. ขึ้นรถตู้ อาคารขนส่งผู้โดยสารหมอชิต ถือเป็นอีกหนึ่งการเดินทางที่สะดวกมาก ไม่ต้องรอคิวนานเลย เดินไปซื้อตั๋วที่ช่องรถไปอ่าวมะนาว-ประจวบฯ ได้เลย (ราคา 230-260 บาท) (ส่วนตารางเดินรถมีเที่ยวแรกตั้งแต่ 04.00 น. - 19.00 น. ระยะเวลาเดินทาง 4-5 ชม. ) 16.00 น. รถตู้ส่งหน้าโรงแรมที่พัก เรานอนที่ประจวบบีช (Prachuap Beach Hotel) ราคา 507 บาท จองผ่านแอปทราเวลโลก้า รวมส่วนลดแล้ว 17.00 เดินเที่ยวถนนคนเดินประจวบฯ มีเฉพาะวันศุกร์-เสาร์ สามารถเดินเท้าจากโรงแรมมาได้ ของกินเพียบ 20.00 พักผ่อนตามอัธยาศัย (ปล. ต้องรีบนอนพักผ่อน เพราะว่าเช้าต้องรีบตื่น และใช้พละกำลังเยอะมาก เดี๋ยวจะวูบบนเขาเอาได้นะ) อย่างที่เราบอกไปว่า การเดินทางสำหรับผู้หญิงคนเดียว การเลือกที่พัก โรงแรมสำคัญมาก เราเลือกพักที่ประจวบบีช เนื่องจากด้านหลังของโรงแรมอยู่ติดริมทะเล มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม แบบว่าเปิดประตูห้องมา ก็เจอวิวภูเขา และน้ำทะเลสีครามรอต้อนรับอยู่ และยังสามารถเดินไปยังถนนคนเดิน ที่มีของกินมาขายเยอะมาก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นชาวบ้านในย่านนี้ ถนนยาวสุดลูกหูลูกตา ของกินราคาถูกมากด้วย ประทับใจสุด ๆ ราคาที่พัก เรามองว่า มานอนคืนเดียว ตั้งงบมาไม่เกิน 1 พันบาท ซึ่งประจวบบีชก็ตอบโจทย์ วิธีหาให้ได้ราคาที่โดนใจ คือ เราจะเปรียบเทียบจากหลาย ๆ เว็บไซต์ จนมาลงเอยที่ทราเวลโลก้า ตอนแรกราคาจะประมาณ 700 แต่เราชอบกดดูตรงโปรโมชั่นก่อน เลยเจอว่าใช้โค้ชส่วนลดได้ ลดไปอีกหลายบาท จนเหลือเพียง 507 บาท เองจ้า แต่ไม่รวมอาหารเช้านะ ทริคของเราก็คือ อย่าใจร้อน มันจะมีส่วนลดมาเรื่อย ๆ หรือถ้านอนวันอาทิตย์ และวันธรรมดา ก็น่าจะราคาถูกลงกว่านี้ พอเห็นภาพห้องพัก แม้ว่าจะกลายมีบางมุมดูเก่าไปบ้าง แต่อยู่ในสภาพรับได้เลยล่ะ เตียงนอนโอเค นุ่มสบาย วิวก็ตามภาพเลยจ้า เปิดประตูห้องมาก็เจอวิวทะเลต้อนรับแบบนี้ โอ๊ย!!! สดชื่นมาก เหมือนได้รับวิตามินซี และนี่ก็คือถนนคนเดินที่เราชอบมาก ๆ เพราะเดินออกจากหลังโรงแรม ตรงมาบนถนนริมหาดก็ถึงเลย ร้านรวงเยอะแยะ เลือกกินไม่หมด อย่างปลาเผาเกลือ ราคาเพียง 120- 150 เอง ตามขนาดความใหญ่ของตัว น้ำจิ้มแซ่บมาก แล้วคนที่นี่ใจดีมากเลย เห็นเรามาคนเดียว ถามมาจากไหน เราบอกกทม.ค่ะ เขาอึ้งหน่อยแหละ มาเที่ยวคนเดียวเลยหรอหนู บางร้านก็ลดราคาให้ แต่ข้อเสียของการมาคนเดียว ก็คือ จะทานอาหารได้ไม่กี่อย่าง มันอิ่มก่อน ถ้ามันกันหลาย ๆ คน ไม่ต้องไปทานร้านอาหารที่ไหนเลย มาถนนคนเดิน อิ่มจนพุงกางแน่นอน คุ้นน้าคุณป้าคนนี้มั้ยคะ ? เขาดังในยูทูปด้วยนะ จะมีพวกยูทูปเปอร์แวะเวียนมาถ่ายคลิปตอนเขาขายอาหารบ่อยมากเลย แกชื่อป้าเล็ก ขายพวกยำ แต่ยำในครกนะ อารมณ์เหมือนกินส้มตำ ราคา 40 - 100 บาท เราสั่งยำครองแครงข้าวโพดไป ในราคา 60 บาท ได้มาเต็มถ้วย ข้อเสียคือของอร่อยมักคิวนาน แต่ถ้าอยากกินจริง ๆ ให้สั่งไว้ก่อน แล้วไปเดินเล่น หาของรองท้อง แล้วกลับมาเอาจ้า ได้ไม่โมโหหิว ในส่วนของเช้าวันที่ 2 การไม่มีรถมา ไม่ใช่อุปสรรค เราถามพนักงานที่โรงแรมไว้ตั้งแต่วันแรกแล้วว่า มีรถบริการรับส่งในกองบินมั้ย เขาบอกว่าจะติดต่อคุณลุงในชุมชนมารับตอนเช้า ถือเป็นการช่วยอุดหนุนคนท้องถิ่น ราคา 60 บาท ต่อเที่ยว คือเอาจริง ๆ ระยะทางมันใกล้มาก จากหน้าโรงแรมไปกองบิน แต่ไม่สามารถเดินเท้าเข้าไปได้ เราก็นั่งรถพ่วงข้างของคุณลุง พร้อมขอให้แวะจอดที่เซเว่น เพื่อซื้อน้ำ ขนมให้พลังงานต่าง ๆ พกติดไปด้วย Day 2 06.00 น. เตรียมร่างกายให้พร้อม ทานอาหารเช้า 06.30 น. ใช้บริการรถพ่วงของชาวบ้าน ราคา 60 บาท เข้าไปส่งในพื้นที่กองบิน 5 07.00 น. ลงทะเบียนก่อนขึ้นปีนเขา วัดความดัน (หากต้องการใบประกาศนียบัตร ราคา 30 บาท) 07.30 น. เริ่มเดินขึ้นเขา ขั้นแรกๆ จะเป็นบันไดปูน ยังเดินชิวๆ ได้อยู่ ---ควรเดินขึ้นเขาในช่วงเช้า เพราะแดดจะไม่ร้อนจนเกินไป--- เราใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม. จะเดินถึงยอดเขา ที่มีป้ายบอกจุดพิชิตเขาล้อมหมวก ระหว่างทางคนเยอะ ต้องต่อคิวไต่เชือก ควรพกถุงมือมาด้วย เพื่อความคล่องตัว 09.00 น. ถึงยอดเขา ถ่ายรูป กินลม ชมบรรยากาศ 09.30 น. เดินทางจากยอดเขา ขากลับจะรวดเร็วกว่า แต่ระวังความลื่นชัน อาจทำให้กระแทกก้อนหินได้ 10.30 น. ลงมาถึงพื้นที่ด้านล่างของกองบิน โทรเรียกรถพ่วงมารับกลับที่พัก (จ่าย 60 บาท เหมือนเดิมนะ) 12.00 น. เดินทางกลับกทม. (นั่งรถตู้) สามารถให้พนง.โทรจอง แล้วมารับหน้าโรงแรมได้เลย 18.00 น. ถึงกทม.โดยสวัสดิภาพ ค่าใช้จ่าย / 1 คน ค่าเดินทางรถตู้ ไป-กลับ 500 บาท ค่าที่พัก 507 บาท ค่ารถเข้ากองบิน ไป-กลับ 120 บาท ค่าอาหารต่างๆ 300 บาท ทริปนี้เหมาะสำหรับคนมีเวลาน้อย เดินทางคนเดียวสะดวก ชอบกิจกรรมแอดเวนเจอร์ ผจญภัย สายลุยต้องมานะขอบอก อาหารการกินราคาไม่แพง ของทะเลสดใหม่ สำหรับคะแนนความสวยของวิวเขาล้อมหมวก ให้ 10 คะแนนเต็มไปเลย ถ้าจะให้บรรยายความรู้สึก คือเหนื่อยมาก ตอนเดินขึ้น ปนอากาศร้อนและคนเยอะ แต่โชคดีที่เราพอมีแต้มบุญ ออกกำลังกายมาบ้าง เลยเอาโอกาสนี้แหละมาลองวัดใจ ท้าทายความกล้าของตัวเอง พอเดินขึ้นไปจนถึงยอดเขา มันหายเหนื่อยของมันเอง เจอวิวอลังการเข้าไป ความเหนื่อยล้าก็เหมือนค่อย ๆ หายไปอย่างไม่น่าเชื่อ ความยากง่ายในการปีน ถือว่าชิล ๆ ได้อยู่ และใครที่คิดว่าไปคนเดียวจะไม่มีเพื่อน จะไม่สนุก ใครจะถ่ายรูปให้ ไม่ต้องกังวลเลยเพราะเราจะเจอเพื่อน ๆ กลางทาง ทุกคนน่ารักมาก ผลัดกันเป็นตากล้อง ได้รูปสวย ๆ มาอัพลงอินตราแกรมได้ทั้งเดือนเลยล่ะ สำหรับทริปนี้เราเหมือนได้ปลดล็อคบางอย่างให้ตัวเอง คือ การปีนเขา ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกันนะ ยิ่งบอกใครว่า จะไปปีนเขา แล้วไปคนเดียวด้วย ก็ยิ่งทำหลายคนงงไปใหญ่ แต่เราก็พิสูจน์แล้วว่า ผู้หญิงคนเดียวสามารถไปได้ ไม่อันตรายหรือน่ากลัวเลย ในการเดินทางครั้งนี้เราได้ช่วยถ่ายภาพให้นักเดินทางหลายคนเลยทีเดียว และเราก็วานให้เขาถ่ายภาพให้บ้างเช่นกัน แต่เวลาจะหามุมถ่ายภาพ เลือกดี ๆ ก่อนนะ อย่าเดินไปจนชิดมุมยอดเขา หรือขอบโขดหินมากเกินไป เพราะถ้าเผลอเหยียบผิด พลิกตัวผิดจังหวะ ได้ลงไปข้างล่างแน่นอน ช่วงไหนคนเยอะต้องเดินระวัง มีน้ำใจแบ่งปันคนรอบข้างด้วยน๊า วิวของจริงกับภาพถ่าย ต้องบอกว่าต่างกันลิบลับ ของจริงอลังการงานสร้างกว่านี้มาก ส่วนภาพฝั่งกองบินห้ามถ่ายรูปนะจ๊ะ เพราะว่าเป็นกฎด้านความมั่นคงของทางกองบิน หวังว่าบทความนี้จะเป็นไอเดียที่ดี ที่ทำให้หลายคนออกไปท่องเที่ยว ปีนเขา ชมบรรยากาศสวย ๆ ในบ้านเรามากขึ้น ส่วนใครที่เคยไปมาแล้ว ก็มาบอกเล่ากันได้นะคะ ว่าคุณประทับใจอะไรที่เขาล้อมหมวกบ้าง ไว้เจอกันทริปหน้านะคะ เราจะกลับมาแบ่งปันที่เที่ยวสวย ๆ อีกแน่นอน