วันหยุดเสาร์-อาทิตย์นี้จะเดินทางท่องเที่ยวไปที่ไหนดีและไม่ไกลจากรุงเทพมากนัก รวมทั้งไม่ต้องขับรถยนต์ส่วนตัวไปเอง เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวและได้พักผ่อนอย่างแท้จริง เราก็บังเอิญนึกถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นอันดับแรก เพราะการรถไฟเปิดเดินรถไฟขบวนพิเศษท่องเที่ยวไปต่างจังหวัดทุกวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ดังนั้นจึงไม่รอช้ารีบเปิดเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลและสถานที่ท่องเที่ยวทันที สรุปว่าทริปนี้เราจะเดินทางไปท่องเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ One day trip จุดหมายปลายทางของเราคือสวนสนประดิพัทธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองกรุงไปพักผ่อนแบบชิล ๆ นอนเตียงผ้าใบ ฟังเสียงคลื่น ชมวิวทะเลกับท้องฟ้ากว้าง ๆ สักหน่อย ผมรีบจองตั่วรถไฟขบวนพิเศษนำเที่ยวทันทีเกรงว่าถ้าช้าตั๋วอาจจะหมดแต่โชคดียังมีตั๋วเหลือในวันที่จะเดินทางพอดี เราจองตั๋วรถไฟขบวนพิเศษกรุงเทพ-สวนสนประดิพัทธ์ไปกลับชั้น 3 ในราคา 120 บาทต่อคน ขณะที่ชั้น 2 ปรับอากาศราคาไปกลับ 240 บาทต่อคน โดยพวกเราได้ไปขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟบางซื่อ เพราะว่าอยู่ใกล้บ้านของพวกเราที่สุด ไม่เช่นนั้นต้องไปขึ้นที่สถานีรถไฟหัวลำโพงกันเลยทีเดียว การเดินทางในครั้งนี้มันทำให้รู้สึกตื่นเต้นที่ได้นั่งรถไฟไปเที่ยวต่างจังหวัดอีกครั้งหลังจากที่ผ่านมาไม่ค่อยได้มีโอกาสเดินทางด้วยรถไฟบ่อยนักและที่สำคัญรู้สึกเหมือนว่าได้ย้อนกลับไปในวัยเด็กที่ได้นั่งรถไฟไปเที่ยวกับพ่อและแม่ที่ต่างจังหวัดอยู่เป็นประจำ ภายในรถไฟขบวนพิเศษนำเที่ยวชั้น 3 เป็นรถไฟธรรมดาติดพัดลม อากาศภายในตู้โดยสารไม่ถือว่าร้อนอบอ้าวอย่างที่คิดไว้ตอนแรกและเราจะต้องนั่งตามหมายเลขที่กำหนดไว้ในตั๋วไม่สามารถเปลี่ยนที่นั่งเองโดยพลการ จากนั้นขบวนรถไฟหยุดจอดพักที่สถานีนครปฐมเป็นแห่งแรก เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ไปไหว้องค์พระปฐมเจดีย์เป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและรับประทานอาหารเช้า จะรอช้าทำไมละครับ เรารีบออกจากขบวนรถไฟมุ่งหน้าเดินไปทัวร์เมืองนครปฐมยามเช้าในทันที โดยมีเวลาประมาณ 20 กว่านาที หลังจากนั้นขบวนรถไฟมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางต่อทันที่ ซึ่งตลอดระยะการเดินทางต้องยอมรับว่าเจ้าหน้าที่รถไฟดูแลได้ดีมาก ยิ้มแย้มแจ่มใส่และแจ้งให้พวกเราทราบว่าถ้าต้องการสั่งอาหาร ของฝากขึ้นชื่อสามารถสั่งซื้อได้ตามรายการที่กำหนด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะเดินนำเมนูมาให้พวกเราดูและจ่ายเงินทันทีที่เราสั่งซื้อ เราไม่รอช้าสั่งก๋วยเตี๋ยวแห้งและปลาหมึกย่างเป็นมื้อเย็นเพื่อกินรองท้องระหว่างเดินทางกลับกรุงเทพฯ จากนั้นรถไฟขบวนพิเศษนำเที่ยวได้แวะส่งนักท่องเที่ยวบางคนที่สถานีหัวหินตามความประสงค์ของผู้โดยสาร พร้อมนัดแนะเวลากลับว่าจะต้องมารอขึ้นกี่โมง จากนั้นก็มุ่งหน้ายาวจนมาหยุดจอดที่สถานีสวนสนประดิพัทธ์เป็นสถานีสุดท้ายพร้อมนัดแนะเวลาที่ต้องเตรียมตัวมาขึ้นรถไฟกลับกรุงเทพฯ ซึ่งจะมีเวลาอยู่ที่สวนสนประดิพัทธ์ประมาณ 3-4 ชั่วโมง ระหว่างที่เดินเข้าไปในชายหาดสวนสนประดิพัทธ์เราเจอร้านคาเฟ่แม่บ้าน เป็นของชมรมแม่บ้านศูนย์การทหารบกจึงแวะเข้าไปลิ้มลองรสชาติกาแฟสักหน่อย สรุปราคากาแฟก็ไม่แรงแถมรสชาติก็พอใช้ได้ หลังจากดื่มด่ำกับเครื่องดื่มอันโปรดปรานแล้ว เราก็ไปเดินเล่นชาดหาดสักเล็กน้อย ต้องบอกว่าสักเล็กน้อยจริง ๆ เพราะว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้องเราจึงเดินหาข้าวมื้อเที่ยงกินกัน โดยเป็นโรงอาหารอยู่ติดกับห้องน้ำ ซึ่งราคาอาหารไม่แพงเลย เราสั่งข้าวกระเพราะหมูไข่ดาวจานละ 45 บาทเองแกร ถูกมาก!!!!! เมื่อหนังท้องตึงเราก็มุ่งหน้าสู่ชาดหาดสวนสนประดิพัทธ์อีกรอบ คราวนี้เรามาเก็บภาพความงดงามของชายหาด ท้องฟ้า เล่นน้ำทะเล นอนเตียงผ้าใบฟังเสียงคลื่น พักสมอง ผ่อนคลายไปกับวิวสวยงามของธรรมชาติที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าของเรา ฟ้าสวยมาก สวยมากจริง ๆ ครับ ( ลองเปิดคลิปดูได้ครับ) จากนั้นก็ได้เวลากลับกรุงเทพฯเราเดินออกมารอที่ชานชาลาได้ไม่ได้นานนักรถไฟขบวนพิเศษนำเที่ยวก็มารับเรากลับกรุงเทพฯ ระหว่างทางเจ้าหน้าที่ก็นำอาหารที่สั่งไว้มาแจกจ่าย เรารู้สึกดีมากที่สั่งอาหารมานั่งกินช่วงขากลับไม่งั้นอาจหิวได้ที่ต้องมานั่งมองคนอื่นในขบวนรถนั่งกินอาหารมื้อเย็นกันอย่างเอร็ดอร่อย สรุปค่าใช้จ่ายในการเดินทางเครั้งนี้ ค่าตั๋วรถไฟไป-กลับ 120 บาท อาหารเช้า 25 บาท น้ำ 2 ขวด 20 บาท อาหารกลางวัน 45 บาท ค่ากาแฟ 65 บาท เกี๊ยวทอด 20 บาท มื้อเย็นบนรถไฟก๋วยเตี๋ยวแห้ง 1 ห่อ 20 บาท ปลาหมึกย่าง 60 บาท รวมทั้งหมด 375 บาท ใครที่ต้องการนั่งรถไฟเที่ยวทะเลแบบชิล ๆ เราขอแนะนำรถไฟขบวนพิเศษนำเที่ยวกรุงเทพ-สวนสนประดิพัทธ์น่าจะเป็นคำตอบที่ลงตัว สามารถรับชมวิดีโอนั่งรถไฟเที่ยวสวนสนประดิพัทธ์แบบคมชัดได้ที่นี่ครับ ฝากกด subscribe ในยูทูป ฝากติดตามเพจ #Guไปเรื่อย #ชีวิตจับฉ่าย เครดิตภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน