หลายคนหลงรักการท่องเที่ยวเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการออกเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ หาสถานที่ดี ๆ เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ไปเที่ยวทะเล หรือเดินเท้าเข้าป่ามองหาธรรมชาติ เพื่อหาแรงบันดาลใจดี ๆ ให้กับชีวิต บางคนอาจจะเหนื่อยล้ากับการทำงาน ผู้เขียนเองก็หลงรักการเดินทางเช่นกันค่ะ ทริปนี้เป็นอีกทริปหนึ่งที่ผู้เขียนอยากจะมาบอกเล่าประสบการณ์ที่ไม่เคยทำมาก่อน กับสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง เชื่อว่าหลายคนคงรู้จัก แต่ก็มีหลายคนที่ไม่เคยรู้จักสถานที่แห่งนี้ นั่นคือ เขาล้อมหมวก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทริปนี้เกิดจากการที่ผู้เขียนอยากลองทำอะไรใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยทำมาก่อนคือ การปีนเขา ขอบอกก่อนเลยค่ะว่าจริง ๆ แล้ว เป็นคนที่หลงรักทะเลมากและไม่ชอบการปีนเขาสักเท่าไหร่ กิจกรรมปีนเขาอาจจะดูไกลตัวสำหรับเรา และไม่เข้าใจเหตุผลของคนที่หลงใหลการปีนเขาว่าจะขึ้นไปเพื่ออะไร เหตุผลคืออะไรกันนะ “แต่ถ้าเราได้แต่นั่งคิด เราไม่พิสูจน์หาคำตอบเราก็ไม่มีทางรู้จริงมั้ยคะ” ผู้เขียนจึงลองค้าหาที่ปีนเขาสำหรับผู้ที่เริ่มต้นที่ไม่ยากจนเกินไป จึงได้มาเจอกับเขาล้อมหมวก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ ประจวบคีรีขันธ์นี่เองค่ะ เป็นเป้าหมายที่น่าสนใจมาก ๆ เพราะมีทั้งทะเลที่เราชอบ และมีภูเขาที่เราอยากลองปีนดูสักครั้งในชีวิต ไม่รอช้าค่ะเพราะว่าไฟกำลังมา รีบนัดเพื่อน หาวันหยุด กาปฏิทิน เพื่อออกไปหาแรงบันดาลใจในทันที เขาล้อมหมวกตั้งอยู่บริเวณ กองบินห้า อ่าวมะนาว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ค่ะ ซึ่งเป็นสถานที่ปีนเขาที่ไม่ได้เปิดให้ปีนเขาทุกวันนะคะ จะเปิดให้บริการเฉพาะวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้น จึงหาวิธีการเดินทาง หาที่พักและศึกษาสิ่งที่เราจะต้องเตรียมตัวเพื่อไปปีนเขาล้อมหมวกค่ะ ทริปนี้เราไปสองวันกับหนึ่งคืนค่ะ เราตัดสินใจเดินทางด้วยรถไฟ เพราะเราและเพื่อนไม่มีรถยนต์ส่วนตัว จึงแพ็คกระเป๋ามุ่งหน้าไปหัวลำโพง จองตั๋วรถไฟและไปลงที่สถานีจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จุดหมายปลายทางของเราค่ะ มนต์เสน่ห์ของการนั่งรถไฟคือ การที่เราได้กลับมานั่งคิด ได้อยู่กับตัวเอง ได้ทอดสายตามองริมทาง มองทุ่งนา มองชุมชน มองผู้คน มองธรรมชาติ มันพิเศษมาก ๆ เลยล่ะค่ะ เมื่อถึงสถานีรถไฟโดยสวัสดิภาพแล้ว จึงมองหารถโดยสารท้องถิ่น เพื่อที่จะพาเราไปยังที่พักซึ่งอยู่ภายในกองบินห้านั่นเองค่ะ เราได้จองที่พักอาคารที่พักสวัสดิการ ทอ. อ่าวมะนาว ฟ้าชมคลื่น เป็นที่พักที่สะดวกสบายและราคาไม่แพงสำหรับบุคคลทั่วไปแถมติดชายหาดอีกด้วยค่ะ บริเวณที่พักสามารถเดินเล่นผ่อนคลาย เล่นน้ำทะเลก็ได้หรือจะปั่นจักรยานสำรวจก็มีค่ะ ตกเย็นเดินสำรวจร้านอาหาร แต่เนื่องจากเราเป็นสายลุย แต่ไม่มีรถยนต์ เราจึงหามอเตอร์ไซค์เช่าค่ะ ราคาประมาณ 200 บาทต่อวัน เราจึงขับสำรวจเส้นทาง สามารถสอบถามพี่ ๆ ในกองบินได้เลยค่ะ ตกค่ำรีบกลับเข้าที่พักเพื่อที่เราจะต้องเตรียมตัวไปปีนเขารุ่งเช้า และเช้าของการปีนเขาได้เริ่มต้นขึ้น เราตื่นกันตั้งแต่ตี 5 เพื่อเตรียมตัวและเช็คอุปกรณ์ต่าง ๆ เราจะต้องเตรียมพร้อมในการปีนเขา แน่นอนว่ามือใหม่อย่างเราไม่เคยปีนเขามาก่อน จึงจะต้องเตรียมตัวเป็นอย่างดี สวมรองเท้าผ้าใบ ใส่ชุดทะมัดทะแมงคล่องตัว เตรียมน้ำดื่มไปด้วยสำคัญมากนะคะ และอย่าลืมถุงมือเพราะจะมีบางช่วงที่จะต้องไต่เชือกขึ้นไป เมื่อไปถึงที่หมาย ก่อนขึ้นเขาจะมีเจ้าหน้าที่เปิดลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้าและวัดความดันก่อนขึ้นเขาเพื่อเช็คสภาพร่างกาย ต้องเตรียมตัวให้ดีก่อนนะคะ เจ้าหน้าที่แนะนำดีมากเลยค่ะ ใครที่มีโรคประจำตัว ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ไว้ก่อนนะคะ เมื่อเริ่มออกเดิน ช่วงตีนเขาจะเป็นบันไดให้เราเดินขึ้นไปอย่างสบายๆ เหมือนเดินขึ้นเขาทั่ว ๆ ไป แต่ก็ชวนหอบเหนื่อยอยู่บ้าง หัวใจสูบฉีดแรงดีค่ะ แต่หลังจากผ่านขั้นบันไดประมาณ 400 ขั้น ต่อไปก็จะเป็นด่านไต่เชือกจนถึงยอดเขา เพราะเราไม่เคยปีนเขาและทางค่อนข้างชัน แต่ใจพร้อมกายพร้อมซะอย่างเชื่อมั่นว่าเราทำได้ รู้สึกปลอดภัยมากค่ะ ไม่กังวลเลยเพราะจะมีพี่ๆเจ้าหน้าที่กองบินคอยดูแลเราเป็นอย่างดีค่ะ อีกทั้งยังได้รับน้ำใจจากเพื่อนร่วมทาง บ้างก็เป็นชาวไทย บ้างก็เป็นชาวต่างชาติ ขาขึ้นและขาลงพูดให้กำลังใจกันตลอดทางค่ะ ที่สำคัญยังมีน้องค่างแว่น คอยต้อนรับเราด้วยค่ะ น่ารักมาก ๆ ระหว่างทางที่เดินขึ้นไปได้เรื่อย ๆ ความสูงค่อย ๆ เพิ่มขึ้น...ความชันก็ตามมา ระหว่างทางจิบน้ำที่เตรียมไว้….หยุดพักให้ร่างกายได้คุ้นชิน...เดินตามกันไปเรื่อยๆเหนื่อยก็พัก….จนในที่สุดเราก็พิชิตยอดเขาล้อมหมวกค่ะ เย้! ขอบอกเลยว่า วิวสวยมาก ๆ เลยค่ะ การได้มามองอ่าวทะเลที่กว้างใหญ่แบบ 360 องศา ไม่ว่าจะเป็นอ่าวประจวบ อ่าวน้อย และอ่าวมะนาว บนความสูงกว่า 900 ฟุต ต้องมาดูให้เห็นกับตาค่ะ มันงดงามมากจริงๆ และเราเผื่อเวลาในการปีนเขาครั้งนี้ค่อนข้างที่จะเช้า ทำให้เรามีเวลาในการดื่มด่ำได้นั่งชมความงามบนยอดเขาแห่งนี้ ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ในความทรงจำ ได้พูดคุยกับกลุ่มคนที่มาปีนเขาบ้างก็บอกมาครั้งแรก บ้างก็บอกมาปีนหลายครั้งแล้วค่ะ สุดยอดมาก ๆ ที่สำคัญที่สุดของทริปนี้ คือการได้ตอบคำถามที่ตัวเองสงสัยว่า เพราะอะไรกันหลาย ๆ คนถึงได้ชอบปีนเขา ทั้ง ๆ ที่มันเหนื่อย เราจะปีนเขาไปทำไมให้ลำบาก...แต่หลังจากได้ลองปีนเขาครั้งแรกในชีวิต คิดว่าได้คำตอบแล้วล่ะค่ะ คำตอบนั่นก็คือ...ความภูมิใจที่เราสามารถทำเป้าหมายที่เราวางไว้สำเร็จ ไม่ได้เว่อร์นะคะ รู้สึกจริง ๆ เราได้ยินดีกับตัวเอง ได้อยู่กับความคิดตัวเองระหว่างทางที่กำลังเดิน ได้อยู่เงียบ ๆ พักใจกับธรรมชาติยิ่งใหญ่ที่ไม่มีในเมืองหลวง ได้ฝึกให้เรามีสติและคิดทุกๆก้าวเดิน ได้มุมมองใหม่ ๆ ที่แลกมาด้วยความมุ่งมั่นและความตั้งใจของเรา เพราะถ้าเราไม่ตั้งใจมันจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย อีกทั้งได้ให้กำลังใจกันและกัน ได้ทำความรู้จักเพื่อนใหม่อีกด้วย มีทุกเพศทุกวัยเลยค่ะ ได้ทักทายเด็กน้อยหรือคุณลุงคุณป้าที่ยังแข็งแรงกว่าเราอีกด้วยซ้ำ การปีนเขาครั้งนี้ทำให้เราเปิดมุมมองใหม่ ๆ ไม่อยู่ในมุมเดิม ๆ อีกต่อไป และทำให้เราได้รับพลังดี ๆ เพื่อกลับไปทำงานอย่างมุ่งมั่น และอยากที่จะออกไปผจญภัยต่อไปเรื่อย ๆ เมื่อมีโอกาส ใครที่ไม่เคยปีนเขาหวังว่าบทความนี้จะเป็นแรงบันดาลใจดี ๆ ให้ผู้อ่านอยากลองทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน ลองหาเวลาว่างออกไปผจญภัยที่เขาล้อมหมวกกันนะคะ มีภูเขา ทะเล และธรรมชาติรอทุกคนอยู่ค่ะ ((ภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียน))