ภาพหน้าปกโดย : ผู้เขียน สวัสดีค่ะ.............ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่านค่ะ Kru_tai มีโอกาสได้ไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านค่ะ เป็นทริปสั้น ๆ ไปเช้า-เย็นกลับ ณ เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย เป็นทริปที่ไปกับกับสามี ๒ คน ค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้เยอะมากเท่าไหร่ แต่ดิฉันเป็นคนจังหวัดปัตตานี จึงต้องไปค้างคืนที่จังหวัดสตูลเป็นเวลา ๑ คืน ค้างแรมเพื่อออกเดินทางในตอนเช้า เนื่องจากเรือเฟอรรี่ที่โดยสารไปเกาะลังกาวีนั้นออกในเวลาเช้า ถ้าเดินทางออกจากปัตตานี ในเวลานั้นคงจะเหนื่อยและเสี่ยงกับเวลาที่จะขึ้นเรือ เพื่อเป็นการพักผ่อนในตัว ดิฉันกับสามีจึงตัดสินใจไปนอนพักค้างแรมที่จังหวัดสตูล ๑ คืนค่ะ รุ่งเช้า หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าและทำภารกิจเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็เดินทางมุ่งหน้าสู่ท่าเรือตำมะลัง เพราะการเดินทางไปท่องเที่ยวเกาะลังกาวี นั้น การขึ้นเรือจากท่าเรือตำมะลัง คิดว่าใช้เวลาในการเดินทางได้เร็วที่สุด และคุ้มค่าที่สุด (ควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ)เดินทางได้สักพัก ก็ถึงท่าเรือตำมะลัง ซึ่งท่าเรือนี้ ตั้งอยู่ที่ตำบลตำมะลัง อำเภอเมือง จังหวัดสตูล การเดินทางไปลังกาวีนั้น จะมีเวลา ๒ รอบ เวลาเดินทางออกไทยเวลา ๐๙.๐๐ น.และเวลา ๑๕.๓๐ น. (เวลาไทย) ค่าตั๋วเดินทางเที่ยวละ ๗๐๐ บาท/เที่ยว/คน ค่าตั๋วของทริปดิฉันวันนี้ คือ ๑,๔๐๐ บาท/คน ค่าตั๋วสรุปแล้ว ๒ คนรวมทั้งสิ้น ๓,๔๐๐ บาท แต่ในการเดินทางครั้งนี้ ต้องไม่ลืมหนังสือเดินทางน่ะค่ะ เวลาซื้อตั๋วนั้น ต้องยื่นหนังสือเดินทางร่วมด้วยค่ะ (ทริปครั้งนี้ ไม่ต้องใช้บัตรประชาชนเลย และสามารถแลกเงินมาเลย์ ณ ท่าเรือนี้ได้เลย ) ภาพโดย : ผู้เขียน ถึงเวลาออกเดินทาง อยากจะบอกว่า การตรวจเข้มมากเลยค่ะ เนื่องจากเคยมีข่าวว่า ปลอมแปลงเอกสารหนังสือเดินทางเพื่อหลบหนีเข้าไปยังประเทศมาเลเซีย นี่คือเหตุผลที่มีการตรวจเข้ม จ้องหน้าแล้วจ้องหน้าอีก ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติค่ะ พวกเราใช้เวลาในการนั่งเรือประมาณ ๑ ชั่วโมง โดยส่วนตัวแล้วคิดว่านานพอสมควรน่ะ เพราะเป็นคนไม่ชอบนั่งเรือที่สุด ระหว่างนั่งเรือดิฉันสังเกตเห็นบรรยากาศรอบ ๆ น้ำทะเลเงียบสงบ อากาศสดชื่นมากเลยทีเดียวค่ะ นั่งเรือได้สักพักก็ถึงฝั่งแดนมาเลเซีย พวกเราก็รีบดิ่งตรงไปเช่ารถพร้อมคนขับ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มคือ ทั้งรถและคนขับ ราคาเหมาจ่าย ๑,๕๐๐ บาท เช่าตลอดทั้งวัน แต่มีเงื่อนไข คือ พวกเราต้องกลับมาให้ทันก่อนที่เรือออกในเวลา ๑๖.๓๐ น. พวกเราไม่รอช้า รีบให้เขาขับรถไปที่สุสานไมสุหรี ซึ่งเป็นผู้สาปแช่งเกาะลังกาวีให้พบเจอกับความหายนะมาตลอด ๗ ชั่วโคตร ใช้เวลาในการท่องเที่ยวจุดนี้ ๒ ชั่วโมง ๔๐ นาที โดยประมาณ ภาพโดย : ผู้เขียน จุดที่ ๒ ที่พวกเราไปท่องเที่ยว คือ ทะเลดำ ตำนานเล่าขานกันว่า สถานที่แห่งนี้ เป็นที่ฝังศพของมารดาของเจ้าเมืองเกาะลังกาวี (แม่ยายของไมสุหรี) หลังจากที่แม่ยายเสียชีวิต ไม่มีแผ่นดินไหนที่รองรับศพของพระมารดาเลย สุดท้ายจึงต้องเอาไปฝังไว้ที่ทะเลแห่งนี้ เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น หลังจากนั้นมา หาดทรายทะเลแห่งนี้ก็กลายเป็นสีดำ และเริ่มเป็นสีขาวบางส่วน เมื่อทายาทรุ่นที่ ๗ ปรากฎขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เอง พวกเราใช้เวลาในการท่องเที่ยวจุดนี้ ประมาณ ๑ ชั่วโมง ๓๐ นาที ภาพโดย : ผู้เขียน จุดสุดท้ายที่พวกเราไปเที่ยวก็คือ Langkawi SKY bridge แต่พวกเราไม่ได้ขึ้นไปหรอก เพราะคำนวณเวลาแล้ว คงกลับไปไม่ทันเรือออกแน่นอน เพราะการนั่งกระเช้านั้นแต่ละรอบใช้เวลารอนานมากกว่าจะได้นั่งกระเช้า จุดสุดท้ายก้ได้แค่บันทึกภาพสวยๆค่ะ เมื่อเข้าเกาะลังกาวีทั้งที ก็ไม่ลืมที่จะแวะดูและชมสินค้าปลอดภาษี เป็นสินค้าแบรนเนมราคาถูก ครั้งนี้ ดิฉันเลือกที่ซื้อกระเป๋าสะพายให้กับสามี ราคาตามป้ายคิดเงินไทยแล้ว ราคา ๔,๑๖๐ บาท ก็ถือว่าไม่แพงค่ะ ภาพโดย : ผู้เขียน ออกจากห้างนั้น ก็มุ่งสู่ท่่าเรือทันที ใช้เวลาที่เหลือเพื่อถ่ายภาพบนเกาะ และนั่งทานกาแฟในร้านกาแฟบนเกาะด้วย ราคาก็สูงพอใช้ได้ เปรียบราคาเสมือนสนามบินในบ้านเรา แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรค พวกเราก็เลือกที่จะจ่ายมัน พอถึงเวลาที่ต้องจากเกาะลังกาวี พวกเราคิดว่า คงมีโอกาสได้มาเยือนและเหยียบแผ่นดินเกาะลังกาวี ดินแดนต้องคำสาปอีกแน่นอนค่ะ.............และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทริปสั้น ๆ พอจะมีประโยชน์กับท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย........ขอบคุณและสวัสดีค่ะ............. เรื่องราวโดย : ผู้เขียน