ถ้าใครเคยเดินทางมาภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดฝั่งอันดามัน แล้วชอบตื่นยามเช้าเพื่อตระเวนลิ้มลองอาหารท้องถิ่นไม่ว่าจะเป็นตรัง กระบี่ ระนอง พังงา ภูเก็ต และสตูล หากสังเกตที่เมนูเครื่องดื่มจะมีเมนู “โกปี้” หรือกระทั่งชื่อร้านอาหารท้องถิ่นสไตล์จีนชื่อ “ร้านโกปี้” ก็มีหลายร้าน แน่นอนแหละว่าโกปี้ก็คือเครื่องดื่มประเภทกาแฟชนิดหนึ่งที่ชาวจีนเรียก “Coffee” ว่า โกปี้ บางร้านอาจจะเรียกเครื่องดื่มโกปี้นี้ว่า “กาแฟโบราณ” ก็มีเหมือนกัน ผู้เขียนเองก็สงสัยมานานว่า โกปี้ที่ว่านี้แตกต่างจากกาแฟซองแบบทูหรือทรีอินวัน หรือกาแฟสดตามร้านคาเฟ่อย่างไร จนข้อสงสัยนี้ได้รับความกระจ่างจากการเดินทางไปท่องเที่ยวที่ชุมชนบ้านโตนปาหนัน หมู่ 5 ต.ทุ่งนุ้ย อ.ควนกาหลง จ.สตูลชุมชนแห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็น "ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี" เป็นชุมชนมุสลิมที่มีทุนชุมชนและทุนทางวัฒนธรรมมากมาย หนึ่งในนั้นคือการเป็นแหล่งปลูกกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าเมื่อในอดีต ต่อมามีพืชหลายชนิดที่ปลูกแล้วเป็นเงินเป็นทองมากกว่าการปลูกกาแฟ เช่น ยางพารา ทุเรียน เงาะ ลองกอง ฯลฯ ต้นกาแฟที่เคยปลูกก็เลยถูกโค่นทิ้งปลูกพืชชนิดใหม่แทน ปัจจุบันชาวบ้านที่บ้านโตนปาหนันได้ร่วมกันฟื้นฟูวิถีการปลูกกาแฟขึ้นมาใหม่ด้วยการปลูกแซมในสวนยางพารา สวนผลไม้ และริมรั้วบ้าน เมื่อได้ผลผลิตมาแล้วก็รวมกันในนาม "วิสาหกิจชุมชนบ้านโตนปาหนัน" เพื่อนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนกาแฟโบราณที่ชาวใต้เรียกว่า “โกปี้”การผลิตกาแฟคั่วบดที่เรียกว่าโกปี้ดังกล่าว เป็นหนึ่งในกิจกรรมการท่องเที่ยวของชุมชนบ้านโตนปาหนัน นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่นี่จะได้เรียนรู้วิธีการผลิตโกปี้ของชาวบ้านในแทบทุกขั้นตอนอย่างกระจ่างชัด ช่วยคลายข้อสงสัยว่าโกปี้แตกต่างจากเครื่องดื่มกาแฟทั่วไปอย่างไรบ้าง เรามารู้จักแต่ละขั้นตอนการผลิตกาแฟโบราณของชาวปักษ์ใต้กันครับ ขั้นตอนที่ 1 | รับซื้อเมล็ดกาแฟจากชาวบ้านที่ตากจนแห้งและกระเทาะเปลือกออก นำมาคั่วเป็นระดับกาแฟคั่วเข้มขั้นตอนที่ 2 | เคี่ยวน้ำตาลทรายแดงให้เหนียวหนืดเหมือนยางมะตอย โดยใช้สัดส่วนน้ำตาลทรายแดงต่อเมล็ดกาแฟ คือ 4 กิโลกรัมต่อเมล็ดกาแฟ 1 กิโลกรัมขั้นตอนที่ 3 | เมื่อน้ำตาลทรายแดงถูกเคี่ยวจนข้นเหนียวแล้วก็เทเมล็ดกาแฟลงไปในกระทะที่น้ำตาลทรายแดงกำลังถูกเคี่ยวจนกลายเป็นสีดำ ร้อนปุด ๆ ใช้ไม้กวนให้เข้ากันประมาณ 5 นาทีขั้นตอนที่ 4 | เมื่อกวนเข้ากันแล้วก็เทใส่ถาด เกลี่ยให้เป็นแผ่นบาง ๆ วางไว้ให้เย็น จากนั้นตัดเป็นแผ่นเล็ก ๆขั้นตอนที่ 5 | นำมาตำในครกไม้ให้ละเอียดขั้นตอนที่ 6 | ร่อนหรือกรองเอาเฉพาะส่วนที่ละเอียดเท่านั้น ส่วนที่ยังเป็นก้อนเล็ก ๆ อยู่ก็นำไปตำอีกรอบหนึ่งขั้นตอนที่ 7 | เมื่อได้ผงกาแฟละเอียดแล้วก็นำมาชงหรือนำมาบรรจุเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ของชุมชนเพื่อจำหน่ายต่อไปวิธีการชงโกปี้วิธีการชงโกปี้นั้นสามารถนำผงกาแฟที่ได้มาผสมน้ำร้อน คนให้ละลาย แล้วนำไปกรองด้วยผ้าขาวที่ใช้สำหรับกรองกาแฟโบราณหรือชานั่นเอง หากใครไม่มีก็ใช้กระดาษกรองสำหรับดริปกาแฟก็ทดแทนกันได้เช่นกันครับ หากชอบหวานก็เติมน้ำตาลเข้าไป หรืออาจจะใส่นมข้นหวานก็แล้วแต่รสนิยมของแต่ละคนครับ ถ้าต้องการโกปี้เย็น ๆ ก็ใส่น้ำแข็ง เพียงเท่านี้ก็ได้เครื่องดื่มโกปี้โบราณอร่อย ๆ แล้วครับสำหรับการเดินทางไปเยี่ยมชมโรงคั่วกาแฟแห่งนี้ สิ่งที่น่าประทับใจสำหรับผู้เขียนอีกอย่างหนึ่งที่อยากแบ่งปันคืออัธยาศัยของคณะกรรมการชุมชน และชาวบ้านที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการท่องเที่ยวชุมชน แต่ละท่านจะให้ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับโรงคั่วกาแฟเป็นอย่างดีตั้งแต่ต้นกาแฟโรบัสต้า กระบวนการผลิตในโรงคั่วกาแฟ และลิ้มรสกาแฟโบราณของชุมชน เมื่อผู้เขียนเห็นกระบวนการผลิตกาแฟโบราณแล้ว รู้สึกว่ากว่าจะเป็นโกปี้ที่เราดื่มด่ำในร้านอาหารเช้าต่าง ๆ ในภาคใต้นั้น มันต้องใช้ระยะเวลาการผลิตนานกว่าที่คิด โดยเฉพาะกระบวนการผลิตแบบโบราณดังที่ชุมชนแห่งนี้ทำ ซึ่งต้องใช้แรงงานคนไม่น้อยที่ต้องสามัคคีกัน นอกจากนี้ผู้เขียนยังประทับใจในรอยยิ้มอันจริงใจของชุมชน ประทับใจในวิถีชีวิตที่เรียบง่าย กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็พบว่าหนึ่งวันในชุมชนแห่งนี้กำลังหมดไปอย่างรวดเร็วนี่เป็นวิถีชุมชนโตนปาหนันที่กำลังได้รับการฟื้นฟู ไม่เพียงแต่เรื่องกาแฟโบราณเท่านั้นที่นี่ยังมีอาหารพื้นเมืองหลายอย่างที่คอนเฟิร์มว่าอร่อย เด็ดมากครับ แถมยังมีกิจกรรมท่องเที่ยวตามธรรมชาติอีก ทั้งการเดินป่า พักค้างแรม ชมน้ำตก แช่น้ำพุร้อน หรืออาจจะเล่นน้ำในคลองเย็น ๆ ก็ได้เหมือนกันครับ กิจกรรมท่องเที่ยวที่ชุมชนแห่งนี้ ต้อนรับทุกท่านกลุ่มละประมาณ 9-10 คน สามารถออกแบบกิจกรรมร่วมกับชุมชนได้ ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่วิสาหกิจชุมชนบ้านโตนปาหนัน ครับเครดิต : เนื้อหาและภาพทั้งหมดเป็นของผู้เขียน พิกัด ห้องส่องร้านดังมาแรง รวมของกินอร่อยต้องโดน บอกสูตรเมนูลับที่ไม่ลับอีกต่อไป