ฤดูท่องเที่ยวทะเล เที่ยวหมู่เกาะต่าง ๆ ที่เหมาะสมที่สุดคือ ฤดูร้อน เพราะทะเลจะสวยมากเมื่อถูกแสงแดด รวมไปถึงการถ่ายภาพต่าง ๆ ก็จะออกมาสวยงามยิ่งนัก หลายคนคงจะคิดถึงทะเล คลื่น ลม ท้องฟ้า เมื่อมีโอกาสในวันหยุดถ้าอยากไปเที่ยวเกาะสวย ๆ แนะนำว่าให้ไปที่เกาะหลีเป๊ะ แต่ว่าตามหัวข้อเรื่องที่ผมได้เกริ่นนำเอาไว้ ว่า มีสองเรื่องที่ผมจำ คือ มีทั้งเรื่องดี และเรื่องไม่ดี ซึ่งจะเริ่มเล่าเรื่องที่ว่าไม่ดีให้ฟังกันก่อน ( ที่ว่าไม่ดี ไม่ถึงกับดราม่าอาการหนักอะไรหรอกครับ ) จากประสบการณ์การไปเที่ยวทะเล และลงเกาะ ฤดูที่เหมาะที่สุดคือฤดูร้อน ครับ ย้ำว่า ฤดูร้อนเพราะคลื่นลม ฟ้า จะเงียบสงบที่สุด ถ้าหาคุณไปเที่ยวเกาะในฤดูมรสุมแล้วละก็ ผมไม่แนะนำให้ไปอย่างยิ่ง เพราะจากประสบการณ์ครั้งล่าสุดในการเที่ยวเกาะหลีเป๊ะของผมนั้น เราตรวจเช็คสภาพท้องฟ้าอากาศ กับกรมอุตุนิยมวิทยาว่าเป็นช่วงที่อยู่เวลามรสุม แต่ตรงพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ มีรายงานว่าสภาพอากาศปกติ มีฝนบ้างเล็กน้อย ด้วยความที่ผมตั้งใจจะไปเที่ยวอยู่แล้วและทำการจองห้องพักบนเกาะเอาไว้ จึงตัดสินใจเดินทางไป เราไปขึ้นเรื่อที่ ท่าเรือปากบารา จ.สตูล เพื่อเดินทางโดยเรือ สปีดโบ๊ท ไปยังเกาะหลีเป๊ะใช้เวลาบนเรือ สปีดโบ๊ทประมาณ 2 ชั่วโมง ผมถามกับพนักงานขายตั๋ว ว่า คลื่นลมแบนี้ไปได้หรอ ปลอดภัยไหม พวกคนขายตั๋วก็ยืนยันว่าไปได้ มีคนไปกันเรื่อย ๆ ผมจึงตัดสินใจลงเรือไป และพบว่า เมื่อเรือแล่นไปนั้น ใกล้ ๆ ฝั่งยังไม่ค่อยมีคลื่นลมมากมายอะไรแต่พอพ้นระยะ ชายฝั่งไป ที่มีแต่น้ำทะเลและเห็นแต่ขอบฟ้าไกล ลิบ ๆ นั้น คลื่น ลม ฝน เริ่มทำงานหนักขึ้น จนทำให้เรือนั้นโคลงเคลงอยู่ตลอดเวลา และด้วยความที่เรือ สปีดโบ๊ท เป็นเรือที่ใช้ความเร็ว ยิ่งทำให้มีการแฉลบไปบนคลื่น ขึ้น ลง กระแทก ขึ้น ลง และกระแทก ไปตลอดทาง เมื่อเรือเริ่ม กระแทกหนัก ขึ้น ๆ ผมเริ่มถามกับคนเรืออีกครั้งว่าแบบนี้ไปไหวไหม จะเป็นอะไรไหม คนเรือยังยืนยันว่าไปได้ ผมก็ได้แต่อดทนและนั่ง รับการกระแทกอยู่แบบนั้น ซึ่งข้างหลังผมเป็นชาวจีนสองคน ไม่ไหวแล้วฟุบลงไปและเอาหัวมาพิงที่ข้างหลังผมด้วย ด้วยความที่ผมกลัวจะโดนอาเจียนใส่ จึงขยับหลบ ( สภาพอากาศมรสุมไม่เหมาะกับคนขี้เมาเรือ ) ทุกคนบนเรือรับแรงกระแทก ขึ้น ลง อยู่แบบนั้นตลอดเวลาและหลายครั้งเรือ ต้อง หยุดเร่งเครื่องเพราะคลื่นมาแรง ถ้าเร่งเรืออาจพลิกคว่ำได้ เราเป็นเหมือนเศษไม้ เล็ก ๆ เมื่อลอยอยู่ในทะเลจริง ๆ ผ่านไป 2 ชั่วโมงเรือเริ่มวิ่งเขาไปแอบลมฝนตามริมฝั่งเกาะและเข้าเทียบท่าเรือที่เกาะหลีเป๊ะ ในที่สุดก็มาถึงสักที เมื่อเดินขึ้นฝั่งชายหาดนุ่ม ๆ สีขาว เราก็เขาเช็คอินที่พักที่เราจองไว้ และหายเหนื่อยทันที เมื่อ ที่พักอันแสนสบายนั้น ถูกจัดเตรียมไว้ต้อนรับเรา บรรยากาศ ที่พัก หน้าชายหาดมองออกไปเห็นวิวทะเล และเตียงนอนนุ่ม ๆ โซฟา อ่างอาบน้ำ รวมถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ มีให้เราครบครัน สิ่งที่ประทับใจที่นี่คือ ความเงียบสงบ โดยเฉพาะเมื่อเราจองห้องพักในช่วง โล ซีซั่น จะไม่มีคนมากนัก ซึ่งเป็นข้อดี สิ่งที่ประทับใจ อย่างมากที่ บันดาหยา รีสอร์ท คือ 1. ความสวยงามของรีสอร์ท บริเวณรอบ ๆ ตกแต่งสไตล์บาหลี มีสระว่ายน้ำ บาร์ และร้านอาหารให้บริการ 2. ห้องพักหรูหรา สะอาด สบาย 3. มีมุมนั่นอ่านหนังสือ โซฟา สบาย พร้อมเก้าอี้นอน อาบแดดหน้าห้อง 4. อ่างอาบน้ำ ซึ่งมีเทียนจุด อโรม่า ไว้บริการเพิ่มความโรแมนติก 5. อาหารเช้า ทั้งไทย และ ยุโรป บริการไม่อั้น อร่อยด้วย ข้อดีของบันดาหยา รีสอร์ท - สามารถพักผ่อนแบบเงียบสงบได้อย่างสบายใจ ไม่มีใครรบกวน - ห้องอาบน้ำแบบโอเพ่นแอร์ มีแต่ สายลมและท้องฟ้า คอยปิดกั้น เหมาะสำหรับการไปเป็นคู่สวีท ฮันนีมูนใต้แสงเทียนเป็นอย่างยิ่ง ห้องพักหน้าหาดราคาประมาณคืนละ 3,000 บาท หน้าโล หน้าไฮซีซั่นต้องเช็คดูกับทางรีสอร์ทครับ น่าจะอยู่ประมาณ 5 พันถึง 7 พัน บาทต่อคืน เมื่อเที่ยวทะเล พักผ่อน สบายใจแล้วก็ถึงเวลากลับขึ้นฝั่ง โดยมีเรือมารับตามเวลา เราก็ต้องฝ่าคลื่นกลับไปอีกครั้ง ขากลับคลื่นลมแรงกว่าเดิม และเปียกไปทั้งตัว ราวกับว่ากระโดดลงทะเลมาเลยครับ ไม่มีคำว่าแห้งเหลืออีกเลยทั้งข้างนอกข้างในเปียกชุ่ม นี่แหละการเดินทางในช่วงมรสุมซึ่งผมคงจะจำไปตลอดว่าจะไม่ขึ้นเรือในช่วงนี้อีกต่อไป เมื่อเราขึ้นฝั่งก็รับทราบข้อมูลจากทางกรมอุตุนิยมวิทยาว่า เราเพิ่งจะฝ่าคลื่นสูงกว่า 4 เมตร ในท้องทะเลที่บ้าคลั่งมา ขอบคุณพระเจ้าที่เราปลอดภัย ปกติเห็นในรายงานข่าวภาคค่ำว่า มีคลื่นสูง 2 เมตร ก็ไม่ควรให้เรือเล็กออกจากฝั่งแล้ว ด้วยความเคารพถึงผู้ประกอบการเรือทั้งหลายว่า อย่าเอาชีวิตคนไปเสี่ยงกับค่าตั๋วเรือไม่กี่บาทเลยครับ ประสบการณ์นี้ทำให้ผมจดจำไม่ลืม รีสอร์ทสวย แต่ต้องไม่มีมรสุมนะครับ เลือกไปให้ถูกฤดูครับ แนะนำย้ำอีกครั้งว่า เที่ยวทะเลควรเที่ยวหน้าร้อนและไม่มีมรสุมครับ ทะเลจะสวยมาก ๆ วิวดี มาก น่ารักมากครับ ภาพประกอบทุกภาพโดย Witoo