คนเรามักมีความทรงจำครั้งแรกกับสถานที่ท่องเที่ยวที่เคยไปเป็นครั้งแรกเสมอ และความทรงจำเหล่านั้น มักจะทำให้เราตัดสินใจว่า 'ควรจะกลับมาเที่ยวที่นั่นอีกไหม...' และไม่ใช่ว่าการไปครั้งแรกจำเป็นต้องชอบ ต้องประทับใจ หรือสมหวังไปซะทุกอย่าง ถึงจะทำให้อยากจะกลับไปเที่ยวอีก บางทีการที่เรายังไม่สมหวังกับสิ่งที่คาดว่าจะพบเจอในสถานที่นั้น อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ใครหลายๆ คนอยากกลับไปเที่ยวในสถานที่เดิมอีกครั้ง หรือที่เรียกง่ายว่า 'กลับไปซ่อม กลับไปซ้ำ' อะไรประมาณนี้ นี่คือเกริ่นมาแบบอลังการงานสร้างมาก โปรยเรื่องให้ใหญ่ไว้ก่อน จริงๆ ไม่มีอะไรมากนอกจากแค่จะมาเล่าเรื่องการไปเที่ยวเกาะหลีเป๊ะครั้งแรกของเราและเพื่อน เป็นทริปข้ามปีเลยนะคะ วางแผนกันมาดีมาก อิอิ แบบว่าหลังจากที่เราและเพื่อนสามารถนัดรวมกันเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลานได้หลังจากเรียนจบมานานหลายปี เราจึงมีทริปที่ 2 ตามมาซึ่งลงความเห็นกันแล้วว่าพวกเราต้องการทะเล แล้วทะเลที่พวกเราเลือกก็คือ หลีเป๊ะ นั่นเองค่ะ ที่ๆ ได้รับขนานนามให้เป็น มัลดีฟเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้นะเออ สำหรับทริปนี้ก็อย่างที่บอกละค่ะ ว่านัดกันล่วงหน้ามานานพอสมควร เราก็เตรียมการทุกอย่างไว้ให้พร้อม และแน่นอนว่าขั้นตอนแรกของการเตรียมการคือ การจองตั๋วเครื่องบิน เพราะการรีบจองตั๋วเครื่องบินให้เรียบร้อยจะป้องกันการโดนเทจากเพื่อนได้ถึง 80% เลยนะคะ (ดูดีมีหลักการ^^) ตัวเลขเปอร์เซ็นต์ที่ใส่ไปอ่ะ มั่วเอา อิอิ แต่เรื่องการจับเพื่อนจองตั๋วไว้ก่อน ป้องกันการโดนเทนี่ใช้ได้จริงนะ ยิ่งทริปต่างประเทศนะใช้ได้จริงชัวร์ แต่ไม่ 100% นะจ๊ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นที่ได้ให้คำแนะนำมาทั้งหมดนี่ ใช้ไม่ได้กับตัวเราเลยแม้แต่น้อย เพราะเรามักจะบอกเพื่อนว่า 'ถ้าเพื่อนพร้อมจองตั๋วแล้ว จองไปก่อนเลย เดี๋ยวเราจองตามไป' และเรามักจะถูกเพ่งเล็งว่านี่แกจะเทเพื่อนหรือเปล่า แต่เราไม่เทนะจ๊ะ เราบอกไปก็คือไปจ้า ทริปนี้ก็เช่นกัน เพื่อนจองตั๋วล่วงหน้าราคาไม่สูงกันไปเรียบร้อย เราก็จองตั๋วทีหลังในราคาที่สูงกว่าคนอื่น แฮร่ๆ ในส่วนอื่นๆ ของทริปไม่ว่าจะเป็นรถรับ-ส่ง เรือ ที่พัก ที่เที่ยว เรากับเพื่อนตัดสินใจไม่ซื้อเป็นแพคเกจ คือเราจองทุกอย่างล่วงหน้าก็จริง แต่จองแยกกัน เพราะสามารถเลือกให้ตรงใจได้มากกว่า พวกแพคเกจที่จัดมาให้แล้ว โดยเฉพาะในส่วนของที่พักบนเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งการเลือกที่พักครั้งนี้ก็ไม่ทำให้เรากับเพื่อนผิดหวังเลย คือขอ Recommend ว่า ดีมากเว่อร์ บริการทุกระดับประทับใจค่ะ ^^ เดี๋ยวจะมาเล่าเรื่องการบริการของที่พักอีกทีนะ ขอแนะนำเรื่องการจองรถ เรือ ที่เที่ยวก่อนนะ เรากับเพื่อนให้รถมารับที่ตัวเมืองหาดใหญ่ เพราะเรามาพักกันที่หาดใหญ่ก่อน 1 คืน และเราเลือกใช้บริการแบบเหมารถรับ-ส่งแบบ ไป-กลับ หาดใหญ่-สตูล-สนามบินหาดใหญ่ -ค่ารถแบบเหมาเที่ยวละ 1,800 บาท x 2 เที่ยว = 3,600 บาท (เหมือนว่าราคาตอนจองจะถูกกว่านี้นิดหน่อย ไม่แน่ใจค่ะ แต่การเหมาแบบนี้เหมาะสำหรับกรุ๊ปที่ไปกันหลายๆ คน ตัวหารเยอะ ราคาก็จะไม่ค่อยห่างจากแบบที่ไม่เหมาเท่าไหร่) ใช้บริการของ https://www.ทัวร์เกาะหลีเป๊ะสตูล.com Line ID. @teawsanooktour -ค่าเรือไป-กลับ เกาะหลีเป๊ะ คนละ 850 บาท โดยประมาณไม่แน่ใจราคานะคะ ลองเช็คดูกับเอเจนซี่ที่เราจองอีกทีนะคะ https://www.ทัวร์เกาะหลีเป๊ะสตูล.com Line ID. @teawsanooktour -ค่าเหมาเรือไปดำน้ำลำละ 2,300 บาท แบบส่วนตัว ลำละไม่เกิน 9 คน ค่าอุปกรณ์ดำน้ำต่างหาก ชุดละ 50 บาท/คน ราคานี้เป็นราคาดำน้ำทั้งโซนนอกและโซนในนะคะ แต่วันที่เราไปมีพายุฝนเรือเลยพาเราไปดำน้ำได้แค่โซนในอย่างเดียวในราคา 1,500 บาท ไม่รวมค่าอุปกรณ์ดำน้ำค่ะ อันนี้เราจองกับอีซี่หลีเป๊ะ http://www.easylipe.com -ค่าเข้าอุทยานประมาณคนละไม่เกิน 60 บาท/คน ชำระก่อนเข้าท่าเรือค่ะ แล้วก็เก็บบัตรไว้สำหรับแวะอุทยานแห่งชาติตะรุเตา และอุทยานอื่นๆ ที่เราจะได้ไปเที่ยวในส่วนของทะเลโซนนอกของหลีเป๊ะค่ะ ค่าใช้จ่ายก็มีประมาณนี้ที่เหลือในส่วนของกิน เที่ยว ช้อปนี่ก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลเนอะ น้อยมากไม่เท่ากัน อ้อ แต่บนเกาะจะมีบริการมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างที่เคลมตัวเองว่าเป็น TAXI คอยให้บริการรับส่ง สามารถเรียกใช้บริการได้ในจุดที่ไกลกันมากๆ เดินไม่ไหวหรือขี้เกียจเดินก็ตามแต่ ซึ่งพี่ๆ TAXI ที่นี่เขาขับได้เมพมาก ซิ่งไม่หวั่นแม้บนถนนหลุมดวงจันทร์ก็ตาม และอีกเรื่องที่อยากเตือนไว้คือ ของบนเกาะหลีเป๊ะ แพง มาก เว่อร์!!! หลายๆ คนอาจเคยไปเที่ยวมาหลายเกาะ สมุย ภูเก็ต เกาะล้าน เกาะช้าง เกาะเต่า บลาๆๆ ก็คงคุ้นชินกับความแพงของอาหารบนเกาะ แต่เราว่าที่หลีเป๊ะนี่กินขาดราคาแซงทุกเกาะเลยจ้า ยังไงใครจะไปเที่ยวก็เตรียมความพร้อมละกันเนอะ หมายถึง เงินน่ะเตรียมให้พร้อมเด้อ อิอิ วันที่เราเดินทางไปเกาะหลีเป๊ะ เป็นวันที่อากาศแบบร้อนมากกกกก เราโดยสารเรือสปีดโบ๊ทที่แออัดไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย นั่งเรือนานพอสมควรและค่อนข้างอึดอัดมากทีเดียว ได้แวะอุทยานแห่งชาติตะรุเตา 1 ที่ และก็ที่เกาะไข่ที่มีซุ้มประตูหินเป็นแลนด์มาร์ก จากนั้นก็มุ่งตรงสู่เกาะหลีเป๊ะ พอถึงเกาะหลีเป๊ะแล้วขณะรอรับกระเป๋าอยู่ที่ชายหาด เราสัมผัสได้ถึงความร้อน และร้อนมากกกก พอได้รับสัมภาระกันครบแล้ว พวกเราจึงรีบเดิน เดิน เดินไปหารถรับจ้างเพื่อไปยังที่พัก และเราก็ได้ใช้บริการ TAXI ของหลีเป๊ะค่ะ ขับไวมาก พาเราผ่านสารพัดหลุม ไม่นานก็มาถึงที่พัก 'ลองเบย์หลีเป๊ะ' พอเราถึงที่พักก็ไปติดต่อพนักงาน แล้วพี่พนักงานเขาก็เข้ามาดูแลเราอย่างดี บอกให้นั่งพักก่อน เปิดแอร์ เปิดพัดลมให้ เพราะสภาพของพวกเราคงบ่งบอกมากว่าผ่านสมรภูมิความร้อนและเหนื่อยมาอย่างหนักหน่วง พี่เขามีผลไม้จานใหญ่และ Welcome drink มาต้อนรับเราด้วยนะ คือดีอ่ะ ฟีลตอนนั้นคือ 'ประทับใจกับการต้อนรับ' แต่ก็อยากเข้าห้องพักมากแล้วอารมณ์ตอนนั้นคืออยากพักผ่อน พี่พนักงานพาเรามาที่ห้องพัก เป็นห้องพักที่เรียกว่าบ้านพักก็ได้ ห้องพักจะมีทั้งชั้นบนและชั้นล่าง โดยห้องแต่ละชั้นจะแยกส่วนกัน ตอนที่เราเดินตามพี่เจ้าหน้าที่เข้าไปในห้องพัก ภาพแรกที่เราเห็นภายในห้องพักก็ทำให้เรารู้สึกชอบไม่น้อย แต่พอเดินเข้าไปที่โซนห้องนอนนี่กรี๊ดเลย ชอบห้องนอนสไตล์นี้ สวยถูกใจมาก หลังจากพี่พนักงานแนะนำสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในห้องพักเสร็จเรียบร้อย ก็ถึงเวลาพักผ่อนตามอัธยาศัยของเราและเพื่อนๆ ตอนแรกเราก็ว่าจะนอนสักงีบ แต่มัวตื่นเต้นกับห้องพักอยู่ ถ่ายรูปนู้นนี่นั่นจนเพื่อนนอนไปหลายงีบและตื่นเป็นที่เรียบร้อย เราก็ยังไม่ได้นอน และเพื่อนก็ชวนไปเดินเล่นริมชายหาด อ่ะ!! ไปก็ไป สำรวจพื้นที่กันสักหน่อย ที่พักของเราอยู่ติดชายหาดเลย เดินออกจากบ้านพักลงไปชายหาดได้เลย ที่สำคัญนะ 'ลองเบย์หลีเป๊ะ' เป็นที่พักที่สงบและใกล้ชิดธรรมชาติมาก ไม่พลุกพล่านเท่ากับที่พักใกล้หาดโซนอื่นๆ ถ้าใครรักธรรมชาติ ชอบความเงียบสงบที่นี่ก็เหมาะมากค่ะ เรากับเพื่อนเดินเล่นไปตามชายหาดที่ทอดยาวออกไป รับลมเย็นเอื่อย ปล่อยใจไปกับทะเลสีมรกรตข้างหน้า บางทีความสุขของการท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนก็ไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้จริงไหม ถัดจากหาดหน้าที่พักของเราไปทางซ้ายคือ 'หาดประมง' และห่างออกไปทางขวาคือส่วนที่เชื่อมต่อกับ 'Sunset beach' ที่เราประทับใจ 'ลองเบย์หลีเป๊ะ' นอกจากโลเคชั่นและบรรยากาศแล้ว ก็คงหนีไม่พ้นความใจดี ความมีน้ำใจ และความเป็นกันเองของพนักงานที่นี่ เรียกได้ว่า 'บริการทุกระดับประทับใจค่ะ' ที่พักที่ทำให้ลูกค้ากลับไปใช้บริการซ้ำๆ ได้ นอกจากเรื่องสถานที่แล้ว ปัจจัยสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือการบริการที่ดี พี่พนักงานที่นี่เขาก็บริการดีจริงอะไรจริง ขออะไรก็ให้หมด แนะนำได้ทุกเรื่อง แบบให้ 3 ผ่านเลยค่ะ เรากับเพื่อนก็คิดว่าถ้ามีโอกาสได้กลับไปเที่ยวหลีเป๊ะอีก 'ลองเบย์หลีเป๊ะ' คือที่พักที่เราจะเลือก สำหรับราคานั้นเราจองผ่าน Booking.com ลองเบย์ หลีเป๊ะ ห้องพักรวมอาหารเช้า จอง 3 ห้อง 2 คืน ราคารวม 15,012 บาท ราคาต่อห้องประมาณ 2,500 บาท/คืนจ้า ราคานี้ไม่แพงถ้าเทียบกับความคุ้มค่าที่ได้รับ แต่ถ้ากลัวไม่คุ้มก็หาคนไปหารค่าห้องสิจ๊ะ เอ๋! หรือจะให้คนไปด้วยออกให้เลยก็ได้นะ อิอิ ช่วงที่เรากับเพื่อนไปเที่ยวที่หลีเป๊ะฝนตก และคลื่นสูง จริงๆ คือวันแรกแดดแรงมากอย่างที่เล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ แต่วันที่สองที่เราจะไปดำน้ำกัน ฟ้าครึ้มมาตั้งแต่เช้าเลย พอนั่งเรือออกไปสักพัก ยิ่งออกจากฝั่ง ฟ้าก็ยิ่งมืดลง คลื่นก็สูงมาก นี่คิดถึงอยู่สองอย่างคือ เพลงเรือเล็กควรออกจากฝั่ง กับคำเตือนในข่าวพยากรณ์อากาศในประโยคที่ว่า 'เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง' เอ๊ะ! เราจะเชื่อพี่ตูนหรือเชื่อกรมอุตุฯ ดี ^0^ แหมม ออกมาขนาดนี้ละ เชื่อพี่ตูนไปเถอะค่ะ และพวกเราก็ออกไปเที่ยวในวันฟ้าหม่น และก็พากันไปติดเกาะจ้า เพราะฝนตกหนักมากจนเรือออกไปไหนไม่ได้ แต่ก่อนที่ฝนจะตก เพื่อนๆ เราได้ไปดำน้ำชมฝูงปลาน่ารักๆ และปะการังสวยๆ กันมาแล้วค่ะ พอฝนเริ่มหยุด พวกเราก็พากันออกจากฝั่งอีกรอบ พี่คนขับเรือก็พาไปแวะดำน้ำอีกจุดสองจุด แต่เพื่อนบอกว่าไม่สวยเท่าจุดเเรก จริงๆ แล้วไฮท์ไลท์ของหลีเป๊ะ น่าจะอยู่ที่จุดดำน้ำและอุทยานที่อยู่บริเวณทะเลโซนนอก แต่น่าเสียดายที่เรากับเพื่อนยังไม่ได้มีโอกาสไปเยือนในคราวนี้ นี่ก็มีการนัดกันว่าต้องกลับมาซ่อมอีกครั้ง ขอเป็นทริปหลีเป๊ะในวันฟ้าใส แต่เมื่อไหร่นี่ยังไม่รู้^^ รู้แต่ว่า ถึงครั้งนี้หลีเป๊ะจะฟ้าหม่นไปหน่อย แต่มิตรภาพและความสุขกับการได้ใช้เวลาพักผ่อนกับเพื่อนๆ ก็ยังคงสดใส และชดเชยความฟ้าหม่นของหลีเป๊ะไปได้มาก ถ้าเป็นนิยายก็คงตั้งชื่อว่า 'หลีเป๊ะในสายฝนกับมิตรภาพที่เบิกบาน' #lipe #friends #wanwander