สวัสดีผู้อ่านทุกท่านครับ ตอนนี้คงมีผู้อ่านหลายๆท่านรู้สึกคล้ายๆผม ว่าการอาศัยอยู่แต่ในห้องช่างเป็นอะไรที่อึดอัด อยากแพคของสะพายเป้ ออกเดินทางไปท่องเที่ยวที่ใดสักที่ ขอให้ออกไปจากสภาพชีวิตที่เป็นอยู่ แต่ในความจริงเราทุกคนไปไหนไม่ได้ เพราะแทบจะไม่มีที่ไหนในโลกปลอดภัยจากวิกฤตไวรัสโควิด 19 ครั้งนี้ สิ่งที่ทำได้คือการรื้อกองหนักสือที่ซื้อไว้นานแล้วออกมาอ่าน และวันนี้ผมก็มีหนังสือที่น่าสนใจเล่มหนึ่งมาแนะนำครับ เป็นหนังสือเล่าประสบการณ์การท่องเที่ยวประเทศแทนซาเนีย เขียนโดยคุณหมอโจ้ อรรควิชญ์ จากเพจ หมอๆ ตะลุยโลก ที่หลายคนน่าจะรู้จักดี โดยหนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า "TANZANIA HERE I AM" ราคาปกอยู่ที่ 325 บาท ภาพจากผู้เขียน ที่คิดว่าเล่มนี้น่าสนใจก็เป็นเพราะว่า หนังสือเล่มนี้ไม่ได้แค่บอกเล่าประสบการณ์การท่องเที่ยวในประเทศแทนซาเนียเท่านั้น แต่ยังบอกเล่าชีวิตการทำงาน การเป็นแพทย์อาสาอยู่ที่ประเทศนั้นด้วย ทำให้เปิดประสบการณ์มุมมองใหม่ๆให้กับผู้อ่านซึ่งอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนว่าแพทย์อาสานั้นมีการทำงานอย่างไร Photo by Online Marketing on Unsplash เปิดขึ้นมาด้วยการทำงานของคุณหมอ โดยคุณหมอตั้งเป้าหมายว่าจะเดินทางไปทำหน้าที่แพทย์รักษาคนไข้ในทวีปแอฟริกา โดยพยายามหาประเทศที่ดูน่าสนใจ แล้วโชคชะตาก็นำมาสู่โอกาสได้ไปทำงานที่ประเทศ แทนซาเนีย ประเทศที่มีธรรมชาติที่งดงาม และยังเป็นประเทศที่ตั้งของยอดเขาที่สูงสุดในทวีปแอฟริกา อย่างยอดเขาคิลิมันจาโร กับเวลา 35 วันที่คุณหมอมี ในหนังสือได้เล่าถึงเรื่องราวตั้งแต่การเตรียมตัวครั้งแรก การหาเที่ยวบิน หรือความรู้ใหม่ที่ผมเองก็เพิ่งจะรู้คือ นอกจากเราจะมีพาสปอร์ตแล้ว เอกสารรับรองอีกอย่างที่ต้องมีคือ Yellow book ที่เปรียบเป็นดั่งบัตรผ่านประตูสู่แอฟริกา เพราะถือเป็นเอกสารสำคัญรับรองว่ามีภูมิคุ้มกันต่อโรคไข้เหลือง โรคที่ห่างหายจากประเทศไทยไปช้านานแล้ว คุณหมอยังได้เล่าเรื่องการทำงานวันแรก การราวด์วอร์ด การศึกษาอาการป่วยจากการขึ้นที่สูง ถ้าผู้อ่านท่านใดกำลังสนใจที่จะเรียนต่อเป็นแพทย์ เรื่องราวที่คุณหมอเล่าก็นับว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างมาก ผมอ่านแล้วรับรู้ได้ถึงความท้าทายในการทำหน้าที่แพทย์ ในสภาวะที่เครื่องไม้เครื่องมือไม่ได้มีเพียบพร้อมเหมือนในประเทศที่พัฒนา Photo by Sergey Pesterev on Unsplash Photo by Joel Peel on Unsplash นอกจากประสบการณ์การทำงานในฐานะแพทย์ สิ่งที่ผู้อ่านสนใจคงไม่พ้นการที่คุณหมอใช้เวลาว่างจากการทำงานเพื่อออกไปเที่ยว ส่วนที่ถือว่าเป็นไฮไลต์ในหนังสือคือช่วงในวันที่คุณหมอเสร็จภารกิจการทำงานรักษาคนไข้วันสุดท้ายแล้ว เตรียมสัมภาระมุ่งสู่ยอดเขาคิลิมันจาโร ซึ่งทำให้เรามองเห็นภาพเศรษกิจที่มีเม็ดเงินไหลเวียน เพราะการขึ้นยอดเขาจำเป็นที่จะต้องมีลูกหาบคอยช่วยขนส่งสัมภาระ หลายคนได้เงินจากส่วนนี้เป็นรายได้หลักเพื่อจุนเจือครอบครัว ในเล่มยังมีการบรรยายถึงการเปลี่ยนสภาพแวดล้อม สภาพภูมิอากาศตลอดช่วงเวลาในการเดินทางขึ้นสู่ยอดเขา อ่านแล้วให้ความรู้สึกสนุก จนผมเองยังมีความฝันว่าสักวันหนึ่งหากมีโอกาส ก็อยากปีนขึ้นยอดเขาสูงๆ อย่างนี้บ้างเช่นกัน นอกจากนี้ในเล่มยังมีเรื่องราวสนุกๆมากมายให้ได้ติดตาม อยากให้ผู้อ่านทุกคนได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มนี้ ในวันที่ชีวิตจริงเราเดินทางออกไปไหนไม่ได้ แต่อย่างน้อยเราก็ยังสามารถเดินทางผ่านตัวอักษรที่คุณหมอเขียน นับเป็นประสบการณ์ที่ไม่เลวเช่นกัน ภาพปกโดยผู้เขียน