มีโอกาสได้เข้าร่วมงานหนังโปรแกรมพิเศษ FILMVIRUS WILDTYPE : TEEN TALK ไหวมั้ยวัยรุ่น ! เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (7 ธันวาคม 2562) ที่ Common Ground Hatyai มันว้าว ! ในความรู้สึกจนอยากบอกต่อมากๆ เพราะหนังสั้นคุณภาพทั้ง 3 เรื่องที่ผู้จัดนำมาเสนอมันช่างถูกใจวัยรุ่นมากๆๆ ก็ FILMVIRUS WILDTYPE โปรแกรมประจำปีของทีม FILMVIRUS ปีนี้สัญจรมาถึงเมืองหาดใหญ่ สงขลา อ่ะแกร๊ !!เท้าความกลับไปนิด คือเราตามดูหนังกับกลุ่มเพจ “เรื่องนี้ฉายเถอะ คนหาดใหญ่อยากดู” มาตั้งแต่ปีที่แล้ว เป็นกลุ่มคนรักหนังอินดี้เล็กๆ ที่แข็งขัน เราเลยได้มีโอกาสดูหนังดีๆ ที่เมื่อก่อนจะมีฉายแต่ที่กรุงเทพฯ เท่านั้น ปกติเราก็ดูกันทุกวันอาทิตย์ ดูจบก็นั่งล้อมวงคุยกัน บรรยากาศมันก็ดีมากแหละเพราะคนคอเดียวกันได้มาพูดคุยกัน เป็น “ชุมชนคนรักหนัง” อะไรประมาณนี้แต่งาน FILMVIRUS WILDTYPE : TEEN TALK ไหวมั้ยวัยรุ่น ! มันพิเศษขึ้น เพราะทีม FILMVIRUS นำโดยคุณวิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา ขนหนังสั้นมาให้ชมกันฟรีๆ ที่สำคัญล้วนเป็นหนังของผู้กำกับชาวไทยที่ฝีมือเด็ดจริงๆ “…. นี่คือหนังสั้นสามเรื่องที่ทำโดยวัยรุ่น พูดเรื่องวัยรุ่น สำหรับวัยรุ่น นี่คือการแย่งไมค์มาพูดเอง หรือเปิดโอกาสให้คนที่ไม่มีไมค์ของตัวเองได้สร้างไมค์ด้วยตนเองและพูดมันออกมาเอง !” เขาชวนเราด้วยประโยคนี้แหละ และเราก็ไปพิสูจน์กัน▶️ I’m Not Your F***ing Stereotype โดย ฮีซัมร์ เจ๊ะมามะ หนุ่มจากนราธิวาสมาเรียนด้านภาพยนตร์ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ส่งหนังสั้นวิทยานิพนธ์เข้าประกวดและคว้ารางวัลภาพยนตร์สั้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยอดเยี่ยม จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติสิงคโปร์ 2019 ที่ตื่นเต้นมากๆ กับเรื่องนี้เพราะหาดใหญ่ได้ดูก่อนคนภาคอื่นๆ หรือแม้แต่คนกรุงเทพฯ ด้วยนะ โดยตัวหนังบอกเล่าเรื่องราวของ “มารียัม มุสลิมมีน” นักเรียนชั้นมัธยมที่ย้ายจากบ้านเกิดในจังหวัดชายแดนใต้เข้าเรียนต่อในเมืองหลวง การเผชิญกับสังคมที่แตกต่างและการต่อสู่ทั้งต่ออคติต่อมุสลิมและกับตัวเอง ▶️ Kami-Oshi โดย จิตริน วุฒิพันธ์ หนังสั้น 4 นาทีที่ “เอาอยู่” การห้ำหั่นระหว่างสองขั้วความคลั่งใคล้ใหลหลงของพ่อและลูกชาย ผ่านตัวกลางแห่งศรัทธาทั้ง “คามิโอชิ” และ “ศาสนา” พอหนังจบว้าวมากกับมุกในหนังของผู้กำกับหนุ่มไฟแรง▶️ My Echo My Shadow and me โดย วรรจธนภูมิ ลายสุวรรณชัย - ผู้กำกับหนังเรื่อง นิรันดร์ราตรี ทั้งเรื่องเราได้ชมภาพถ่ายฝีมือเด็กในชุมชนคลองเตยและเสียงเล่าต่อเรื่องราวในภาพนั้น การได้เห็นคลองเตยผ่านสายตา “คนใน” ในบ้านของเขาเอง เราได้เห็นความเป็นจริงของชีวิต ความหวังและความฝัน ผ่านมุมมองและน้ำเสียงนั้น พอหนังจบมันเต็มอิ่มในความรู้สึกอย่างมากหลังหนังจบก็เป็นช่วงพูดคุยแลกเปลี่ยนกันอีกเกือบ 2 ชั่วโมง เป็นเวลาคุณภาพที่คุ้มจริงๆและหวังว่างานศิลปะดีๆ เช่นนี้จะกระจายมาสู่ภูมิภาคต่อไป >> ขอขอบคุณภาพประกอบหนังสั้นทั้ง 3 เรื่องจากเพจ "เรื่องนี้ฉายเถอะ คนหาดใหญ่อยากดู" <<