Take Me to Songkhla ทริปนี้เกิดขึ้นแบบกะทันหัน เมื่อมีเพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้นว่า "ฉันไม่เคยไปสวนสัตว์เลย อยากลองไปสักครั้ง ช่วยพาไปได้ไหม" เมื่อเพื่อนเรียกร้องมาขนาดนี้ พวกเราจึงรวมตัวคนที่สะดวกที่จะไปในวันหยุดสัปดาห์นี้ มีทั้งหมด4คนกับการเตรียมตัวเพื่อจะไป จึงเป็นความสนุกสนานอย่างหนึ่งในการศึกษาข้อมูลและหาสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในจังหวัดสงขลา เป็น 1-2 วันที่จริงจังยิ่งกว่าตอนอ่านหนังสือสอบปลายภาคเสียอีก และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง. วันแรก วันแรกของการเดินทางพวกเราเลือกที่จะเดินทางกับรถไฟเนื่องจากสะดวกและปลอดภัยที่สุด ขึ้นจากสถานียะลาไปลงสถานีจะนะ แค่เพียงวันแรกของการเดินทางก็เกือบจะตกรถไฟกันแล้ว เนื่องจากมีฝนมาเซอร์ไพรส์ในตอนเช้าพอดี แต่สุดท้ายก็ทันกับรถไฟในวินาทีสุดท้าย เมื่อจับจองที่นั่งกันเรียบร้อยก็มานั่งขำกับเหตุการณ์ที่เสี่ยงตกรถไฟอย่างสนุกสนาน ใช้เวลาไม่นานรถไฟก็มาถึงสถานีจะนะ จากนั้นพวกเราเดินไปหาอาหารเช้าใกล้ ๆ สถานี ซึ่งจะมีร้านอยู่ 3-4 ร้าน อาหารเช้ามื้อแรกของวันเป็นข้าวยำสมุนไพรกับน้ำบูดูแสนอร่อย เติมพลังเรียบร้อยก็ไปโบกรถสองแถวจะนะ-สงขลา ไม่กี่นาทีต่อมาก็ได้ขึ้นรถสองแถวสมใจ สักพักรถสองแถวก็ขับมาถึงปากทางเข้าสวนสัตว์สงขลา ซึ่งพวกเราต้องต่อวินมอเตอร์ไซค์อีกครั้งหนึ่งเพื่อไปถึงสวนสัตว์ เมื่อมาถึงสวนสัตว์และซื้อบัตรเข้าเป็นที่เรียบร้อยก็ได้เวลาทำความฝันของเพื่อนให้สำเร็จ นั่นก็คือการเดินไปดูสัตว์ต่าง ๆ ในทุก ๆ โซนให้หมด เน้นว่าเดินเพราะเราจะไม่ขึ้นรถบริการของที่นี่เด็ดขาด จะเดินให้สมใจเพื่อนเลย เมื่อเดินเข้าไปจะเจอกับทางเดินลอยฟ้าทำจากไม้หรือใครอยากจะเดินตามถนนก็ได้เหมือนกัน สัตว์ชนิดแรก ๆ ที่เจอจะเป็นพวกกวางหลากหลายสายพันธ์ุ อัธยาศัยดีไม่กลัวคน เดินไปเรื่อย ๆ ก็เจอนากตัวน่ารักน่าชังมากมีการออดอ้อนอยากเข้ากล้อง ซึ่งเป็นที่ถูกอกถูกใจผู้มาเยี่ยมชมจริง ๆ เดินไปเรื่อย ๆ เจอสัตว์หลายชนิดมาก สัตว์บางตัวก็น่ารักน่าเล่น บางตัวก็ไม่กล้ามอง บางตัวสามารถจับต้องได้ บางตัวมองห่าง ๆ ก็เพียงพอแล้ว แต่ถึงยังไงก็ยังชอบและสนุกกับสัตว์ต่าง ๆ ที่เจอไม่ว่าจะเป็นยีราฟ อุรังอุตัง ช้าง สัตว์เลื้อยคลานต่าง ๆ สลอธ ฟลามิงโก้ สัตว์ปีก ม้าลาย อูฐ แต่ที่เป็นไฮไลต์ที่ทุกคนต่างชอบอยากมองห่าง ๆ และอยากมองนาน ๆ นั่นก็คือเสือกับสิงโตนั่นเอง พวกเราอยู่ตรงนี้นานมาก อยากรู้ว่ามันทำอะไรบ้าง มันเดินยังไง มันจะมองเห็นเราไหม เหมือนเด็ก ๆ ที่เจอของเล่นใหม่แต่ไม่กล้าเล่นได้แค่มองก็มีความสุขแล้ว ระหว่างทางในสวนสัตว์ก็เป็นจุดที่ไม่ควรมองข้ามเหมือนกัน บางมุมเหมาะที่จะนั่งพักนั่งเล่นให้หายเหนื่อย บางมุมต้องก้าวเท้าเร็ว ๆ เพราะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์มารบกวน บางที่ต้องหยุดเพื่อกดถ่ายภาพอย่างสนุกสนาน บางที่ต้องระวังศรีษะเพราะอาจมีอะไรตกบนหัวได้ ซึ่งในแต่ละที่ก็สร้างสีสันของการเดินเท้าได้ดีกว่าการนั่งรถรางกว่าเห็น ๆ แต่อาจจะเหนื่อยนิดหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีการแสดงของสัตว์ต่าง ๆ ด้วยไม่ว่าจะเป็นเสือ สิงโต เพนกวิน แมวน้ำ นก เป็นต้น แต่วันนี้ในเวลานี้ตรงกับการแสดงแมวน้ำเลยได้มานั่งดูแมวน้ำแสดงความน่ารักและน่าหมั่นเขี้ยวให้ผู้ชมได้ชมกัน ใกล้ ๆ กับที่แสดงนั้นจะมีเครื่องเล่นมากมายให้เล่น แต่ต้องแลกกับอากาศร้อน ๆ สักหน่อยแต่ก็น่าสนุกไม่ใช่น้อย เมื่อเสร็จสิ้นจากสวนสัตว์สถานีต่อไปคือขึ้นรถสองแถวเข้าตัวเมืองสงขลาเพื่อไปพิพิธภัณฑ์พะธำมะรงค์ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งซึ่งเกี่ยวกับครอบครัวติณสูลานนท์ในอดีตและประวัติสกุลวงศ์ แต่แล้วกลับมีเรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อคนขับรถจอดแล้วบอกว่าถึงแล้ว พวกเราก็พากันงง เพราะที่นี่เป็นสวนประวัติศาสตร์พลเอกเปรมฯ ไม่ใช่พิพิธภัณฑ์พะธำมะรงค์อย่างที่บอก สุดท้ายเป็นความเข้าใจผิด พวกเราเลยต้องนั่งรถย้อนกลับไปใหม่ ต้องรอรถสองแถวคันใหม่ แต่ไหน ๆ ก็มาถึงนี่แล้วจึงเลือกที่จะเดินเข้าไปในสวนประวัติศาสตร์พลเอกเปรมฯ แปปหนึ่ง แต่เดินไม่นานก็มารอรถสองแถวต่อ แม้จะเสียเวลาไปหลายชั่วโมงแต่ก็ได้บทเรียนเล็ก ๆ น้อย ๆ สอนตัวเอง และแล้วพวกเราก็มาถึงพิพิธภัณฑ์พะธำมะรงค์ แต่เนื่องจากตอนนี้พิพิธภัณฑ์ปิดทำการแล้ว จึงต้องมาใหม่อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นจึงหาร้านอาหารแทนเพราะหิวข้าวมาก จึงเดินไปร้านอาหารที่คนไม่เยอะแล้วสั่งข้าวกินทันที และแล้วโลกก็กลับมาสดใสอีกครั้งเมื่อเติมพลังไปจนอิ่ม จากนั้นก็เดินกันต่อเพื่อไปหาที่พักสำหรับคืนนี้ ในตัวเมืองสงขลามีที่พักหลายที่ให้เลือก ราคากันเองมาก เมื่อได้ที่พักแล้วก็เข้าไปพักผ่อนจนหายเหนื่อยและพร้อมที่จะเดินกันต่อ ในยามค่ำคืนนี้จะมีถนนคนเดินสงขลาแต่แรก ซึ่งเปิดวันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ เวลา 17.00 - 22.00 น. เมื่อพร้อมแล้วก็เดินกันต่อเลย วันนี้วันเสาร์ผู้คนคึกคักมาก ๆ และไม่ได้มีแค่คนไทยเท่านั้นที่มาเดิน แต่ยังมีชาวต่างชาติอีกมากมายเช่นกัน อาหารที่นี่ก็มีหลากหลายให้เลือกซื้อ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเมนูที่เราคนไทยคุ้นเคยกันอยู่แล้ว แต่ที่แตกต่างก็คือขนาดที่ใหญ่ขึ้น ปริมาณที่มากขึ้น และราคาที่สูงขึ้นเท่านั้นเอง นอกจากนี้ยังมีของฝาก ของที่ระลึกเยอะแยะเช่นกัน และอีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจและสะดุดตามาก ๆ คือโคมไฟนั่นเอง ที่นี่มีโคมไฟขายหลากหลายแบบมาก มีเป็นรูปทรงแปลก ๆ เป็นรูปร่างการ์ตูนก็มี เดินกันสักพักก็ได้เวลากลับที่พักแล้ว โชคดีที่ห่างจากที่พักไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น จึงทำให้ไม่เหนื่อยมาก ราตรีสวัสดิ์ผ่านไปอีกวัน วันที่สอง วันนี้ตื่นมาด้วยความปวดเมื่อยตามร่างกาย เนื่องจากเดินมากเกินไป แต่ถึงยังไงก็ไม่สามารถหยุดการเดินทางวันนี้ต่อได้ เช้านี้พวกเรามาที่พิพิธภัณฑ์พะธำมะรงค์เป็นที่แรกเลย โดยที่นี่เปิดให้เข้าชมทุกวันเว้นวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น. ข้างในจะมีการแสดงเครื่องใช้ของครอบครัวติณสูลานนท์ในอดีตและจำลองสถานที่เกิดของฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เช่น มีเตียง โต๊ะรับแขก โต๊ะเครื่องแป้ง ปิ่นโต เครื่องขูดมะพร้าว เป็นต้น เมื่อเดินศึกษาทุกมุมทุกจุดแล้ว ก็ได้เวลาไปกันต่อ พวกเราได้ติดต่อกับรถรางของเทศบาลนครสงขลา ซึ่งรถรางคันนี้จะพาทัวร์รอบเมืองสงขลาตามจุดต่าง ๆ มีไกด์พร้อมให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ต่าง ๆ และนอกจากนี้ฟรีอีกด้วย พวกเรานั่งรถรางตระเวนรอบ ๆ เมืองจนครบพร้อมได้ความรู้ทางประวัติศาสตร์ด้วย ก่อนจากกัน พวกเรารบกวนพี่คนขับให้ไปช่วยส่งที่เขาตังกวน ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยและเป็นที่นิยมเช่นกัน แต่ก็มีลิงเยอะเช่นกัน ที่เขาตังกวนจะมีลิฟต์ที่สามารถพาขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านบน โดยไม่ต้องเดินให้เหนื่อย แต่แค่เสียว ๆ หน่อย แต่ไม่นานก็ถึงแล้ว ที่จุดชมวิวด้านบนจะมีกุญแจคู่รักให้มาคล้องตามความเชื่อที่ว่าจะรักกันตลอดไป และบรรยากาศด้านบนจะสวยงามมากสามารถเห็นตัวเมืองสงขลาได้กว้างขวาง มีลมพัดผ่านไปมาเกือบปลิว บางวันท้องฟ้าสว่างสดใส บางวันท้องฟ้าหมองแล้วแต่วันไป แต่ที่แน่ ๆ มุมถ่ายรูปมีให้จุใจแน่นอน หลังจากเสร็จจากเขาตังกวนก็ไปเดินในตัวเมืองสงขลากันต่อ เนื่องจากในตัวเมืองสงขลาจะมีสตรีทอาร์ตสวย ๆ มีร้านชิค ๆ มีย่านเก๋ ๆ มีแหล่งความรู้มากมาย ดังนั้นยังไงก็ต้องไปให้ได้ สตรีทอาร์ทที่นี่มีหลายมุมหลายจุดให้ตามหา ลวดลายสวย ๆ บ่งบอกถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา ในร้านอาหารต่าง ๆ ก็จะมีการตกแต่งร้านให้น่าเข้าทุกร้านเลย สำหรับเมนูอาหารส่วนใหญ่จะเป็นเมนูดั้งเดิมที่ยังคงมีอยู่ในยุคปัจจุบัน บางเมนูไม่สามารถหาที่อื่นได้นอกจากที่นี่ที่เดียว บางเมนูมีรสชาติอร่อยติดใจจนต้องกลับมากินอีกครั้ง ใครที่เป็นสายกินสามารถอยู่ที่นี่ได้ทั้งวันเลย เดินไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอโซนที่เป็นแหล่งประวัติศาสตร์ ให้ความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ที่คนในสมัยก่อนใช้ไม่ว่าจะเป็นรอก จาน ชาม มีหลากหลายให้ศึกษา นอกจากนี้ยังมีท่าเรือที่เป็นการขนส่งด้วย ใกล้ ๆ กันนั้นจะมีหับโห้หิ้น ซึ่งมีความโดดเด่นอยู่ที่ตัวอาคารเป็นสีแดงหมด ด้านในจะมีประวัติศาสตร์เกี่ยวกับตัวเมืองสงขลา มีวิดีทัศน์ให้ชม มีการบรรยายให้ความรู้ มีการแสดงวิถีชีวิตในสมัยก่อนและอีกความรู้อีกมากมายเกี่ยวกับจังหวัดสงขลา เมื่อเดินทุกย่าน ทุกซอกซอยจนครบก็เป็นเวลาเที่ยงพอดี ตอนนี้ทั้งร้อน ทั้งเหนื่อย และหิวมาก จึงไปกินข้าวเติมพลังกันก่อน จากนั้นก็ได้เวลากลับบ้านแล้ว ขากลับตั้งใจจะกลับโดยรถไฟจึงต้องรอรถสองแถวเพื่อไปยังสถานีรถไฟ ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงรถสองแถวเพิ่งมา ตอนนี้รู้สึกเสียว ๆ กลัวจะตกรถไฟมาก และแล้วเมื่อถึงสถานีรถไฟก็ปรากฎว่าตกรถไฟจริง ๆ รถไฟออกไปแล้ว 5 นาที จึงต้องเปลี่ยนแผนให้พี่คนขับช่วยไปส่งที่สถานีรถตู้แทน จนสุดท้ายก็ได้กลับมายะลาโดยสวัสดิภาพ การได้ออกเดินทางครั้งหนึ่ง เราจะได้ประสบการณ์มากมายเหลือเกิน ประสบการณ์ที่ทั้งตั้งใจและคาดไม่ถึง ได้เจอปัญหาและต้องแก้ต้องผ่านมันไปให้ได้ ได้ความสนุก ความเหนื่อย ความทรงจำ และได้กระชับความสัมพันธ์กับเพื่อนให้ใกล้ชิดขึ้น เพราะการได้อยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืน ได้ผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ มาด้วยกัน ถ้าไม่รักกันมากขึ้น ก็อาจจะค่อย ๆ ห่างกันก็ได้ แต่สำหรับทริปนี้พวกเรากลับเป็นอย่างแรก คือรักกันมากขึ้น รู้จักกันและกันมากขึ้น ขอบคุณนะที่มาออกเดินทางร่วมกัน