หมาก ถือเป็นพืชยืนต้นที่อยู่กับคนไทยมาอย่างช้านาน สามารถปลูกได้ทุกภูมิประเทศของไทย เมล็ดหมากมีสรรพคุณทางยา ช่วยในการรักษาโรคฟัน ทำให้ฟันแข็งแรง คนสมัยก่อนจะกินหมากกับพลูเพื่อให้ปากมีสีแดง และช่วยในการรักษาฟัน รสชาติของหมากจะมีรสฝาด แต่ในปัจจุบันวัฒนธรรมการกินหมากมีน้อยลงเนื่องจากคนสมัยใหม่ ไม่นิยมการกินหมาก จึงทำให้อาชีพการทำหมากแห้งก็มีลดน้อยลงเช่นเดียวกันเมื่อพูดถึงอาชีพการทำหมากแห้ง ผมได้รู้จักโต๊ะหยังคนหนึ่ง (โต๊ะหยัง เป็นภาษาอิสลาม ที่แปลว่ายาย) ในชุมชนบ้านหนองบัว ตำบลท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มีอายุ 87 ปี ปัจจุบันอาศัยอยู่กับน้องชาย และหลาน ๆ บริเวณบาลายของชุมชนบ้านหนองบัว (บาลายคือโรงเรียนที่ใช้สอนศาสนาอิสลาม) ในทุก ๆ วัน โต๊ะหยังจะตื่นเช้า เพื่อไปเก็บหมากแห้งที่ตกหล่นลงมาจากต้นในสวน โดยจะมีภาชนะที่เป็นกระสอบเอาไว้ใส่หมากที่เก็บได้ จากนั้นจะนำหมากที่เก็บได้ไปผ่า ที่บริเวณใต้ถุนชั้นล่างของบาลาย วิธีการผ่า โต๊ะหยังจะให้พร้าอันเล็ก ๆ เก่า ๆ ในการสับเพื่อผ่าครึ่งของลูกหมาก ทีละลูก ๆ จนหมดกระสอบเมื่อผ่าเสร็จ จึงเอาไปผึ่งแดดเพื่อให้ผมหมากแห้ง สาเหตุที่ต้องนำไปตากแดดก่อน เพื่อให้เมล็ดของหมากหลุดออกจากเปลือกหุ้มได้ง่ายขึ้นในเวลาแกะออกจากเปลือก จากนั้นเมื่อเมล็ดหมากแห้งลงก็จะนำมาแกะเมล็ดออกจากเปลือกโต๊ะหยัง ใช้วิธีการนำเมล็ดออกจากเปลือกโดยการใช้พร้าเล่มเดิม ที่เอาไว้ผ่าหมากในตอนแรก มาเขี่ยเมล็ดของหมากจนหลุดออกจากเปลือก หากลูกที่แกะออกยาก โต๊ะหยังก็จะใช้วิธีการสับ และใช้กรรไกรตักหมากช่วยเสริมโต๊ะหยังบอกว่าถ้าขายหมากทั้งเปลือก เขาจะรับซื้อกิโลกรัมละ 2 บาท แต่ถ้าขายแบบเมล็ดแห้ง ก็จะได้กิโลกรัมละ 40- 60 บาทเลยทีเดียว แต่กว่าจะได้เมล็ดหมากแห้งมันก็ไม่ได้ง่ายเลยโต๊ะหยังบอกอีกว่า “เปลือกหมากที่เห็น ถ้าเป็นสมัยก่อนเขาจะเก็บเปลือกหมากอันที่สมบูรณ์มาตัดแต่ง เพื่อทำเป็นแปรงสีฟัน เอาไว้ขัดฟันหลังจากการกินหมาก เมื่อขัดถูฟันจนสะอาดแล้ว ก็สามรถทิ้งไปได้เลย โดยไม่ต้องเสียดาย เพราะเปลือกมีเยอะแยะ”น่าเสียดายที่ในปัจจุบันอาชีพการทำหมากแห้งมีลงน้อยลง เพราะวัฒนธรรมการกินหมาก มีน้อยลง ต่อไปในวันข้างหน้า อาชีพนี้ก็คงจะหายไปหากไม่มีคนมาสืบสานต่อ ทุกภาพถ่ายโดย : ต้นกล้า มาราธอน