ปัจจุบันแนวทางการรักษาหลายแนวทางถูกศึกษาเพื่อป้องกันหรือทำการรักษาเชื้อ coronavirus แต่มีตัวยาหนึ่งที่ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ให้ความสนใจและพยายามเชียร์ตัวยานี้ ตัวยาที่ว่าคือ hydroxychloroquine ซึ่งถูกใช้ในการรักษาโรคมาลาเรีย โรคไขข้ออักเสบ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาตัวยาตัวนี้ถูกเอ่ยถูกโดยทรัมป์อย่างมาก โดยความคาดหวังว่ามันจะสามารถรักษาโรคนี้ได้และต้องการให้ใช้ยาตัวนี้จริงในผู้ป่วย แต่อย่างไรก็ตามความเป็นจริงอาจจะไม่เป็นเช่นนั้น ดร.แอนโธนี่ เฟาซี่ ซึ่งก็เป็นหนึ่งในผู้ช่วยของทรัมป์เองยังออกมาพูดถึงกรณีการใช้ยาตัวนี้ เพื่อที่จะให้ทราบว่ามันได้ผลและปลอดภัย ยาตัวนี้จำเป็นต้องได้รับการทดสอบในระดับ clinical trials ซึ่งมันอาจจะได้ผลหรือไม่ได้ผล แม้ว่าจะได้ผลหากไม่ปลอดภัยก็อาจส่งผลต่อผู้ป่วยได้ แหล่งที่มา: Photo by Michael Longmire on Unsplash พอพูดถึง clinical trials นั้น จำเป็นต้องศึกษาตามแนวทางมาตรฐานในการศึกษาตัวยา ซึ่งต้องศึกษาในกลุ่มประชากรจำนวนมาก โดยครึ่งหนึ่งของผูทดสอบได้รับตัวยาที่ศึกษา โดยอีกครึ่งที่เหลือให้ตัวยาหลอกหรือ placebo แล้วจึงสังเกตผลของแต่ละกลุ่ม กลุ่มที่ได้รับตัวยาหลอกนั้นถูกเรียกว่าเป็นกลุ่มควบคุม เพื่อให้ผู้ทดลองได้ทราบว่าเป็นเพราะตัวยาจริงๆที่มีการออกฤทธิ์ เพราะถ้าหากทั้งสองกลุ่มให้ผลที่เหมือนกัน มันหมายถึงตัวยานั้นไม่ได้ผล แหล่งที่มา: unsplash.com อย่างไรก็ตามทรัมป์ได้แสดงให้เห็นถึงการขาดความเข้าใจอย่างแท้จริงในการศึกษาตัวยา อย่างเช่นทรัมป์คิดว่าการศึกษา hydroxychloroquine และ azithromycin จะประสบความสำเร็จในไม่กี่วัน แต่ในความเป็นจริงนั้นไม่ใช่ อย่างตัวยา azithomycin ซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะชนิดหนึ่งนั้นมีการศึกษาน้อยมากกับการรักษา coronavirus โดยส่วนใหญ่ของงานศึกษาจะเน้นไปที่ตัวยา hydroxychloroquine และจำเป็นต้องใช้เวลานานนับเดือนในการศึกษาผลของยา ไม่ใช่เพียงไม่กี่วันอย่างที่ทรัมป์ได้กล่าวไว้ ในมุมมองของผมซึ่งจริงๆแล้วก็เป็นนักวิจัย ก็มีความเห็นว่าการทดลองเพื่อศึกษาผลของตัวยาจำเป็นที่จะต้องทำให้รอบคอบ เพราะหากนำมาใช้ในผู้ป่วยจริงนั้น จำเป็นต้องแน่ใจว่าตัวยาจะออกฤทธิ์อย่างมีประสิทธิภาพและมีอาการข้างเคียงให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ซึ่งการจะได้ข้อมูลจนถึงขั้นนั้นจำเป็นต้องทดลองหลายขั้นตอน เช่นการทดลองในสัตว์และอาสาสมัคร ก่อนที่ตัวยาจะถูกนำมาใช้จริง แหล่งที่มา: Photo by Kendal on Unsplash กรณีตัวยา hydroxychloroquine มีบางรายงานกล่าวว่าผลการศึกษาตัวยาน่าจะออกมาในช่วงเดือนเมษายนหรือพฤษภาคม จะเห็นได้ว่าแม้จะเป็นการรายงานผลการศึกษาเบื้องต้นก็ยังใช้เวลาเป็นเดือนเพื่อศึกษา ไม่ใช่เพียงไม่กี่วันอย่างแน่นอน นอกจากนี้ทรัมป์เองยังกล่าวหาว่ามีความพยายามจงใจที่จะชะลอการศึกษาตัวยา hydroxychloroquine โดยบอกว่ามีบางองค์กรพยายามเก็บการศึกษาตัวยานี้ในห้องปฏิบัติการแทนที่จะนำมาศึกษากับมนุษย์ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อยังตั้งข้อสงสัยกับสิ่งที่ทรัมป์พูด เพราะในความเป็นจริงแล้ว มีการวางแผนศึกษาตัวยานี้ก่อนที่ทรัมป์จะเอ่ยถึงตัวยานี้เสียอีก แหล่งที่มา: Photo by Louis Reed on Unsplash ดร.เดวิด เบาล์แวร์ จากมหาวิทยาลัยมินนิโซตา กล่าวว่าทางทีมเริ่มแผนการศึกษาตัวยาตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 10 วันก่อนหน้าที่ทรัมป์จะเอ่ยชื่อยานี้ออกมา นอกจากนี้พอตั้งคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวยานี้ ว่ามีความปลอดภัยกับผู้ป่วย coronavirus หรือไม่ ทรัมป์เองยังกล่าวว่ายานี้ปลอดภัย ทั้งที่มีแพทย์หลายคนได้ออกมาบอกว่าตัวยานี้อาจมีผลข้างเคียงที่ร้ายแรง มีรายงานว่าการรับตัวยานี้อาจมีผลข้างเคียง โดยอาจทำให้เกิดอาการต่อหัวใจหรือปัญหาการสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร ก็คงต้องตามดูกันต่อไปล่ะครับว่าผลการศึกษาตัวยาจะเป็นเช่นไร ผู้ป่วยทุกคนต่างคาดหวังที่จะหายจากเชื้อ Covid-19 แต่คงไม่มีใครยินดีกับอาการข้างเคียงจากการรักษาที่ไม่ได้มาจากการศึกษาตัวยาที่ถี่ถ้วน ดังที่ทรัมป์พยายามเร่งให้ใช้ยาตัวนี้โดยมองข้ามผลกระทบของมันไป ภาพปก: Pixabay