สวัสดีเพื่อนๆ นักอ่านทุกคนเลยนะค๊าาาา วันนี้เรามาล่องใต้ไปดูนางเงือกกันดีกว่า ! ไม่ใช่ค่ะเพื่อนๆ ไม่ใช่นางเงือกตัวเป็นๆ นางเงือกที่เราจะพาไปดูวันนี้เป็น รูปปั้นนางเงือก ที่ตั้งเด่นตระหง่าอยู่ที่แหลมสมิหา ณ จังหวัดสงขลา ขอเกริ่นนิดนึงนะ เราเป็นคนสงขลาแท้ๆ แต่กระนั้น เราก็ไม่ได้อยู่ใกล้ทะเลแต่อย่างใด ! ครอบครัวเราจะพาเราไปที่แหลมสมิหลาตอนโอกาสพิเศษๆ เท่านั้น เช่น วันเกิด วันปิใหม่ เป็นคน ในความรู้สึกของเราจึงคิดว่าการได้มาเที่ยวทะเลที่มีนางเงือก มาเล่นน้ำ และกินอะไรกับครอบครัวริมทะเลจึงเป็นเรื่องที่พิเศษ มีความสุข และอบอุ่นหัวใจจริงๆ แต่ก่อนตอนเรามาที่นี้เราจะเห็นทะเลสุดลูกหูลูกตา เพราะว่าน้ำยังไม่กัดเซาะเข้ามาใกล้ชายฝั่งเหมือนทุกวันนี้ เรากลับบ้านไปรอบล่าสุดทะเลอยู่ใกล้ชายฝั่งมากๆ แทบจะไม่มีที่นั่ง ต้นสนรอบๆก็น้อยลง เราก็ใจหายอยู่เหมือนกัน แต่ทุกสิ่งบนโลกไม่มีอะไรที่คงทนวันนึงถ้าไม่สลายหายไปก็ต้องเปลี่ยนสภาพไปอยู่ดี แต่ความทรงจำที่ดีในทุกการเดินทาง ผู้คน สถานที่ จะอยู่กับเราตลอดไป เพื่อนๆว่าไหมคะ ? :) เอาหล่ะค่ะเรามาทำความรู้จักกับที่นี้ให้มากขึ้นดีกว่า ! มีคำกล่าวที่ว่า 'ถ้ามาเยือนสงขลา แต่ไม่มาที่หาดสมิหลา ถือว่ามาไม่ถึงสงขลา' เพราะที่นี้ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คของจังหวัด ที่นี้มีต้นสนมี่ทำให้บรรยากาศร่มรื่น มีทิวทัศน์ทะเลและภูเขาที่สวยงาม หาดทรายของที่นี้ไม่เหมือนที่อื่นนะ ! เพราะจะมีสีขาวนวลและมีความละเอียด คนจึงนิยมเรียกกันติดปากด้วยว่า หาดทรายแก้ว เราชอบเดินเก็บเปลือกหอยที่หายหาดด้วยนะ แต่ไม่ได้เก็บกลับบ้านแต่เก็บมาถ่ายรูปแล้วคืนสู่ธรรมชาติ เพราะมันจะมีประโยชน์ต่อระบบนิเวศน์ต่อไป สุดลูกหูลูกตามองไปเราจะเห็นเกาะหนูเกาะแมว ที่มีตำนานเชื่อมโยงกัน 3 ที่ทั้งเกาะหนูเกาะแมว หาดทรายแก้วและเขาตังกวน ที่เราจะได้คร่าวๆ ตอนเรียนอาจารย์เล่าให้ฟังว่า มีพ่อค้าคนหนึ่งเดินทางค้าขายมาทางเรือจากเมืองจีนมาค้าขายที่สงขลา ที่พิเศษกว่านั้นคือ แกมีลูกแก้ววิเศษณ์พกมาด้วย! วันนึงสินค้าหมดพ่อค้าก็กลับไปเอาสินค้าทีเมืองจีน แต่เอาสัตว์ คือ หนู แมว และหมาติดเรือไปด้วย แต่ไอสามตัวนี้มันเบื่อเพราะเมืองจีนอยู่ไกลจึงคิดหาทางหนีและเอาดวงแก้วไปด้วย พอว่ายน้ำไปจะถึงหนูกับแมวก็เกิดแย่งดวงแก้ววิเศษณ์กัน แต่ลูกแก้ววิเศษณ์หลุดออกไปจากสัตว์สองตัวนี้กลายเป็น หายทรายแก้ว หนูแมวว่ายไปไม่ถึงขาดใจตาย กลายเป็นเกาะหนูเกาะแมว ส่วนหมาแข็งแกร่งสุด ฮ่าๆ ว่ายไปถึงฝั่ง แต่ๆๆๆๆ ก็ขาดใจตายเหมือนกัน และได้กลายเป็นหิน เรียกว่าเขาตังกวน ! เป็นไงบ้างหล่ะคะเพื่อนๆประวัติคร่าวๆ ทุกที่มี story นะเออ ! มาถึงซิกเนเจอร์ที่สำคัญนางเอกของเรื่อง ! นั้นก็คือรูปปั้นนางเงือกนั้นเองงง สำหรับรูปปั้นนี้มีที่มา มาจากคุณชาญชัย ตอนนั้นท่านดำรงตำแหน่งนายยกเทศมนตรีอยู่ที่สงขลา (พ.ศ.2509) เห็นว่าในสงขลามีเกาะหนูเกาะแมวที่เป็นแลนด์มาร์คอยู่แล้วแต่อยากจะเพิ่มอีกที่ที่น่าสนใจ ท่านจึงนึกถึงนิยายปรัมปราในวัยเด็กของท่านที่คุณพ่อเล่าให้ฟัง ประมาณว่าวันดีคืนดีจะมีนางเงือกขึ้นมานั่งสางผมที่โขดหิน ชาวประมงเห็นนาง นางเลยให้เก็ยหวีทองคำเอาไว้และไม่มาใหเห็นอีกเลย เป็นไงบ้างหล่ะค่ะ รูปปั้นนางเงือกสวยและน่าหลงไหลมากเลยใช่ไหมหล๊ะะะ ตอนนั้นงบสร้างอยู่ที่ 60,000 บาท ในสมัยนั้นคงเป็นเงินที่มีจำนวนเยอะมาก แต่ก็ทรงคุณค่ากับชาวสงขลามากเหมือนกันนะ นอกจากจะมาเที่ยว ถ่ายรูปริมทะเลชิลล์ๆ กันแล้ว เราชอบที่สุดคือ ของกินริมทะเลลลล เราขอแนะนำไข่ทรงเครื่อง กับกุ้งฝอยแพแต่ตอนไปมารอบล่าสุดไม่มีกุ้งผอยแพนะ มีแต่ไข่ทรงเครื่องที่เป็นร้านค้าหาบแร่รอบๆมีร้านอาหารมากมาย เดี๋ยวเราจะคัดเลือกร้านเด็ดที่เป็นร้านอร่อยและร้านประจำของเรามาให้เพื่อนอ่านในบทความหน้านะ อย่าลืมติดตามกันหล่ะ ! ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://today.line.me/th/ และ https://sites.google.com/site/ พิกัด : https://www.google.com/maps/ ทริค : เตรียมตัวก่อนมาเที่ยวด้วยการศึกษาเส้นทางดีๆ เตรียมเงิน และกล้องสวยๆพร้อมคนรู้ใจ ถ้าใครมาจากที่อื่นไม่ได้เช่ารถก็นั่งรถสองแถวได้ ราคาไม่แพง ส่วนเรื่องที่พักมีให้เลือกรอบๆ หลายค่ะ มาเที่ยวสงขลากันนะ :)