[ วิวงาม รามเกียรติ์ ที่เขาตังกวน ] ทันทีที่ลงรถก็เจอเจ้าถิ่นนับจำนวนไม่ได้ มองไปมุมไหนก็เจอ บนต้นไม้ บนถนน บนฟุตบาท บนสายไฟ เหมือนมันยืดพื้นที่ดวงตาครบทั้งสองข้าง เจ้าถิ่นพูดภาษาคนไม่ได้ แต่เสียง [เจี๊ยกเจี๊ยวจ๊าว] ราวบอกว่า [มอบขนมเสียแต่โดยดี หนุมานล้อมไว้หมดแล้ว] เ ข า ตั ง ก ว น มีเวลาไม่มาก แต่ก็อยากขึ้นไปสักการะ เจดีย์พระธาตุ คู่เมืองสงขลา ที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 2000 ฟุต ใครนึกภาพไม่ออกว่า 2000 ฟุต คือสูงขนาดไหน ก็ให้นำไม้บรรทัดวางต่อกันจนครบ 2000 อัน คำแนะนำคืออย่าวางแนวตั้งเพราะมันยากกว่าวางแนวราบ ด้วยเวลาทำให้ต้องเลือกขึ้น ลิฟต์ที่วิ่งขึ้นเป็นแนวเฉียง ไม่ใช่แนวตรงขึ้นลงเหมือนลิฟต์ทั่วไป อารมณ์ว่าจะเฉย ๆ แต่มันไม่ใช่เฉย ๆ เพราะลิฟต์แบบนี้หาขึ้นได้ง่าย ๆ ที่ไหน แม้ใช้เวลาสั้น ๆ แต่คุ้มกับค่าขึ้น 30 บาท สำหรับผู้ใหญ่ ป้ายบอกใครยังเด็กจ่าย 20 บาทพอ ออกจากลิฟต์เดินไปไม่กี่ก้าว เจอกองกำลัง ห นุ ม า น ส่งเสียงต้อนรับ ขนมก็ไม่มีติดมือเพื่อชำระค่ารอยยิ้มที่มันส่งให้ จำต้องทำใจดีสู้ลิงค่อย ๆ เดินผ่านพวกมันอย่างช้า ๆ และพยายามไม่สบตา มันจะได้ไม่คิดไปเองว่าเรามีใจแล้วกระโดดกอด องค์พระเจดีย์หลวงสีขาวส่วนยอดสีทองเปล่งปลั่งปรากฏเบื้องหน้า คนน้อยเดินสบายแต่แดดก็ระบายเต็มพื้นที่ เห็นควรรีบสักการะตามเจตนารมณ์แล้วรีบลง ว่าแล้วก็พนมมือกล่าวนมัสการ ขอพร ให้แผ่นดินร่มเย็น รวมทั้ง ขอลม เย็น ๆ จงสะบัดสักสองสามโบกด้วยเถิด แต่พลันที่มองไปยังฟ้ากว้างทุกอย่างก็เปลี่ยนไป สองเท้าก้าวไปข้างหน้า แดดร้อนจนอยากบ้าแต่ไม่อาจห้ามขาให้ถอยหลัง ถามว่าฝั่งนี้ร้อนขนาดไหน ก็ร้อนจนไม่มีหนุมานสักตัว ดูนั่น! วิวเมืองสงขลากว้างและไกล และนั่น [สองแอ่งน้ำ] ด้านหนึ่งเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก [ทะเลสาบสงขลา] และอีกด้านที่เห็นเป็นแนวต้นสนคือ [หาดชลาทัศน์] หรือเรียกแบบสากลว่า [ทะเลแท้ ๆ] เพิ่มเวลาอีกนิดคงไม่เป็นไร ให้แดดสร้างผิวสีแทนอีกหน่อยก็เอาเถอะถ้าอยากจะทำ วิวอย่างนี้ สวยอย่างนี้ เห็นทะเลสองด้านพร้อมกันอย่างนี้จะหาที่ไหน เดินดูวิวทะเลซ้ายทีขวาทีจนอยากนั่งพัก แต่ก็เกรงใจเพราะเพราะแดดนั่งเต็มทุกเก้าอี้แล้ว วนไปวนมาจนพบกับความร่มเย็นของชีวิต [ต้นไม้ร่มดี เก้าอี้ว่างรอ] จะไม่นั่งก็จะเป็นการเสียมารยาท ดีไม่ดีร่างกายจะโวยเอาได้โดยเฉพาะขาสองข้าง แต่ถึงอย่างนั้นนั่งได้ไม่นานก็ต้องไปต่อ ตั้งใจพุ่งไปหาลิฟต์เพื่อลง แต่ก็ต้องสะดุดกับบันไดสีทองท่ามกลางต้นไม้สีเขียว [จะไม่ลงไปเหรอ - ไม่! ไม่ลงไม่ได้] [แล้วแดดล่ะ – เกรียมจนไม่กลัวแล้ว] มองลอดต้นไม้ไปตามทางลงเห็นทะเลไกล ๆ รีบก้าวเท้า ทะเลมุมสูงเรียกความสนใจได้ดีเสมอ ส่วนเวลา...ขอต่ออีกนิด [โอ้ว] นี่คือคำแรก จากนั้นอีกหลายคำอุทานก็ตาม ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เห็น [เกาะหนู เกาะแมว] ในมุมนี้ ทุกทีจะเห็นก็เมื่อไปที่ แหลมสมิหลา ถ่ายรูปกับ นางเงือก ให้สองเกาะเป็นฉาก ที่ถือเป็นมุมอภิมหาชนในชาติและระหว่างชาติ แล้วก็ถึงเวลาฝ่าหนุมานไปเข้าลิฟต์ คาดว่าพวกข้างบนคงส่งสัญญาณไปบอกพวกข้างล่างแล้วว่า [มนุษย์อีกคนสองกำลังลงไป สี่มือพวกมันว่างเปล่า เตรียมตัวสั่งสอน] หวังว่าจะไม่ เราควรดีต่อกัน เป็นมิตรกัน เดี๋ยวจะบอกพวกมันว่า [ข้าก็มาจากรามเกียรติ์เหมือนเจ้านะ รู้ไหม ข้าคือใคร] และถ้ามันถามว่า [แกคือใครเล่า จงแจ้งมาแต่โดยไวไม่ชักช้า] ก็คงไม่มีทางเลือกที่ต้องบอกความจริง [พระราม] [ ทุกภาพโดย : f i l e b y N o r ] เขาตังกวน บทความอื่นของ f i l e b y N o r