Bodies Bodies Bodies ไม่ใช่ Body ศพ 19 แต่อย่างใด หากเป็นการเล่นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษเปรียบเทียบได้กับเกมส์วัดใจคนให้ทำในสิ่งที่ไม่มีใครกล้าทำก็คือ Trick or Threat หรือ True or dare นั่นเอง ซึ่งเรื่องนี้เชื่อมือในความอินดี้ขาย Concept ที่เป็นเอกลักษณ์ของค่าย A24 ที่สนุก ดูง่าย มุกแพรวพราว หวีดซ่อนเงื่อน ไปกับ plot ที่สร้างสถานการณ์บีบบังคับให้ตัวละครตกอยู่ในสถานที่ปิดตายผสมความเป็น Slasher หรือการไล่เชือดแบบ Parody ทีเล่นทีจริง สำหรับผมว่าไม่น่ากลัว แต่บรรยากาศโดยรอบช่วยบิ๊วท์ให้เรามีส่วนร่วมไปกับตัวละครจนรู้สึกอึดอัดหวาดระแวงมากกว่า ข้อดีคือ การที่มีตัวละครไม่มาก ทำให้การเกลี่ยบทแต่ละคนได้รับเท่าเทียมกัน โฟกัสได้เต็มที่ บางคนไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่อย่างน้อยก็มี Scene ให้เป็นที่พูดถึงได้ไม่มากก็น้อย และ อีกอย่างหนังสร้างจังหวะการสับขาหลอกเก่งมาก มีลูกเล่นเทคนิคที่คาดเดาไม่ได้เลยว่าใครจะตายก่อน หรือ ใครเป็นฆาตกร เหมือนผู้กำกับรู้ว่าเราก็เคยผ่านการดูหนังแนวนี้มาเยอะน่าจะรู้ว่าเป็น Pattern ที่คุ้นเคยอยู่แล้ว แต่ผู้กำกับแกไม่ยอมให้เราฉลาดมากไปกว่านี้น่ะสิ แกจึงใช้วิธีมุขตลกสาระเพสารพัดของแต่ละคนมอมเมาให้เราหลงไปกับมันด้วยเสียงหัวเราะเฮฮา บวกกับเสียงดนตรีประกอบจังหวะ POP Punk ปลุกอารมณ์แล้วตลบหลังด้วยการใส่ฉากไล่ฆ่าเข้าไปไม่ทันตั้งตัวทำให้สติเราไขว้เขว้โดยทันที กว่าจะรู้ตัวหนังก็เดินนำหน้าเราไปก้าวนึงซะแล้วระยะเวลา 1 ชั่วโมง 35 นาที รู้สึกเหมือนเพิ่งฟื้นจากฤทธิ์แอลกอฮอลด้วยความมึนงง ดูเผิน ๆ คิดว่าคงเป็นหนังสยองขวัญปนตลกไร้สาระวัยรุ่นทั่วไปแต่แอบเห็นนัยยะอะไรบางอย่างที่ซ่อนไว้ด้วยบทสนทนาที่จิกกัด เสียดสีโลกปัจจุบันผ่านคนรุ่นใหม่ผ่านคำสบถ หยาบคาย พฤติกรรมห่าม ๆ ตามสไตล์คนอเมริกันให้ขำก๊ากบ้าง บางมุขเก็ตบ้าง ไม่เก็ตบ้าง ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อย่างใด เพราะ บริบทหลายอย่างก็อิงกับการบ้านการเมืองที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวเราเท่าไหร่ อย่างเช่น การเสพข่าวทางสื่อโซเชี่ยลว่าขณะนี้พูดถึงเรื่องอะไรที่เป็นกระแสตอนนี้ จึงเอามาเป็น Content ส่งต่อกัน ถ้าเทียบกับบ้านเราที่อัปเดตขณะนี้ก็คำว่า รักไม่ใช่ดวงดาวเหมือนพราวแสง , งานไม่ใหญ่แน่นะวิ ล่าสุดก็ เต็มคาราเบล อะไรนั่นแหล่ะ ตรงจุดนี้ในเรื่องค่อนข้างขยี้ Dialogue ได้แสบทรวงไม่ใช่น้อยช่วง 30 นาทีแรกหมดไปกับการทำความรู้จัก 2 สาวคู่รัก Sophie กับ Bee รับบทโดย Amandla Stenberg จาก The Darkest Minds (2018) และ Maria Bakalova จาก Borat subsequent movie film (2020) ที่เพิ่งรู้จักกันก่อนที่ทั้งคู่ได้รับให้ไปร่วมงานสังสรรค์ที่บ้านเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มลูกคุณหนู มีการแนะนำสมาชิกที่เหลือกัน อาทิ Chase sui wonders จาก Daniel isn’t real (2019) , Myha’ la herrold จาก Premature (2019) , Rachel Sennott จาก Shiva Baby (2020) , Lee pace จาก Gaurdians of the Galaxy (2014) และ Pete Davidson จาก The Suicide Squad (2021) จนกระทั่งเข้าสู่โหมดปาร์ตี้กัน ก็จะมีสุรา ปลาปิ้งเป็นของคู่กัน มีเสียงเพลงประกอบปลุกอารมณ์วัยโจ๋ให้กระชุ่มกระชวยตาม step จุดนี้ก็มีเบื่อบ้าง รู้สึกว่าจะเน้นนานไปหน่อย เผลอแวะไปทำอย่างอื่น แต่พอเข้าสู่ช่วงเล่นเกมส์กันนี่แหล่ะคือสิ่งที่รอคอยว่าหนังจะได้เริ่มทำงานกับคนดูจริง ๆ ซะทีถ้าให้ผมเดาว่า ใครคือฆาตกร เดาว่าใครเป็นผู้รอดชีวิตจะง่ายกว่า เพราะถ้าดูตั้งแต่ต้นเหมือนหนังเห็นใจให้ตัวละครนั้นมีโอกาสที่จะรอดอยู่หน่อย ส่วนหนึ่งคือการจงใจโฟกัสตัวละครเกินไปจนแอบเอะใจเล็ก ๆ แต่ก็คิดไม่ได้ว่าก็เป็นผู้ต้องสงสัยเช่นกัน ส่วนเหตุผลของฆาตกรเบาบางไปหน่อย ไม่ทำให้เชื่อว่ามีปมอะไรที่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ทั้งที่ปัญหาก็เริ่มมาจากการเล่นเกมส์อีกนั่นแหล่ะ ที่ขัดใจอีกอย่างคือการตัดสินใจที่ขาดสติไม่รอบคอบของแต่ละคน แทนที่จะทำให้มันถูกต้องแต่ดันไปทำในสิ่งตรงกันข้ามผลลัพธ์มันเลยเลวร้ายเข้าไปอีก ขณะเดียวกันหนังยังนินทาความเป็นหนังตระกูล Slasher ตรง ๆ ทั้งไฟดับ ฝนตก รถสตาร์ทไม่ติด แถม โทรศัพท์ติดต่อไม่ได้อีก นี่คือสูตรสำเร็จ Pattern เดิม ๆ ของหนัง Horror ชัด ๆ ตลกร้ายคือ สิ่งที่ด่ากราดไปทั้งหมดดันเข้าตัวซะเองบทสรุปขมวดปมได้อึ้งกิมกี่ แม้พอจะเดาทางได้อยู่ว่าหนังจะหาทางลงยังไงก็คิดไม่ถึงว่าจะเล่นไม้นี้ แต่ละคนแสดงดี มี scene มีแสงเป็นที่น่าจดจำ แม้บางคนบทจะจืดจางไปหน่อย ที่ผมหลงรักเลยจะมี 2 สาว อย่าง Maria Bakalova มีเสน่ห์มาก ชอบในความหน้าตาจิ้มลิ้มใส ๆ ชวนให้เอาใจช่วย และ Rachel Sennott โก๊ะ เปิ่น ฮาไม่ห่วงสวยใด ๆ เป็นตัวจี๊ดของเรื่องที่ขาดไม่ได้ และ ขอชื่นชมตรงที่มีความพยายามนำเสนองความเป็น Slasher ในทิศทางใหม่ แต่ไปไม่สุดทางที่วางไว้เลยเลือกที่จะจบตาม way เดิมที่ได้ผลคุ้มค่ากว่า Play Safe กว่าการหยิบยกประเด็นชนชั้นทางสังคมถึงช่องว่าง Status ระหว่างแวดวงไฮโซกับมิตรภาพฉันเพื่อนค่อนข้างกินใจ แม้ไม่ได้เจาะลึกลงไปในรากฐานโครงสร้างของสังคมออกมาเล่าเท่าไหร่ แต่หนังให้ข้อคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตท่ามกลางสื่อโซเชี่ยลที่เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนแก่ชีวิต การอยากมีตัวตน อยากดัง อยากให้คนรู้จักสามารถทำได้ง่ายแค่ถ่ายรูปแล้วโพสต์ลงพร้อมกับตั้ง Hashtag คิด Caption แล้วโพสท์ลงไปแค่นี้คนก็รู้จักเราได้แล้ว ซึ่งบางทีเหรียญมี 2 ด้าน มีคนชอบก็ต้องมีคนเกลียด ต่างคนต่างความคิดย่อมเป็นสิทธิคิดเห็นตามแต่ละบุคคล โลกโซเชี่ยลก็คือโลกสมมติที่ปรากฎบนในรูปแบบ Platform โลกเสมือนจริงนำเสนอเรื่องที่เราอยากให้คนอื่นได้รู้ แม้ว่าบางทีจะเป็นการแสร้งแต่งเป็นอีกคนนึงขึ้นมาก็ตาม ดังนั้นการลดเพดานทางอคติให้น้อยลงและเลือกสนใจในสิ่งที่เป็นสาระแล้วให้ความสำคัญกับตัวเองเป็นสิ่งที่ทำให้เข้าใจและยอมรับตัวตนของเราให้มีคุณค่า รวมถึงเราจะใช้สื่อได้อย่างสติและรู้วิจารณญาณเท่าทันกับข่าวสารที่ปรากฎได้อย่างถูกต้อง ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านแล้ว สามารถกด Like กด Share บทความของผม EMCONCEPT เพื่อเป็นกำลังใจในการรีวิวครั้งต่อไป ขอบคุณครับขอขอบคุณภาพประกอบโดย : Facebook / bodiesbodiesbodies , Twitter / bodiesbodies , Pixabay / coffeeNwaffle = ภาพประกอบหน้าปก Twitter / bodiesbodies = ภาพประกอบที่ 1 , ภาพประกอบที่ 3 , ภาพประกอบที่ 4 , ภาพประกอบที่ 5 , ภาพประกอบที่ 7 a24films.com/films/bodies-bodies-bodies = ภาพประกอบที่ 2 twitter.com/Rachel_Sennott = ภาพประกอบที่ 6 ชวนแต่งแฟนซี หลอน สวย เซ็กซี่หรือสร้างสรรค์ ถ่ายภาพหรือวิดีโอ แล้วโพสต์ที่ TrueID Community ห้อง "13 สยองขวัญ"สำหรับผู้ที่ยอดกดไลค์สูงสุด 5 อันดับแรกอันดับที่1 : (ต้องมียอดไลค์เกิน 150 ไลค์) เงินรางวัล 3,000 บาทอันดับที่ 2-5: (ต้องมียอดไลค์เกิน 50 ไลค์) เงินรางวัล รางวัลละ 1,000 บาท (รวม 4 ท่าน 4,000 บาท)STAR COVER ส่งภาพเข้ามาได้ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 65 ถึง 3 พฤศจิกายน 65***