งานประพันธ์ เป็นงานเขียนหนังสือที่ต้องใช้ความรู้สึกนึกคิด เพื่อก่อให้เกิดสุนทรียะสำหรับผู้อ่าน โดยความงดงามของภาษาไทย คือ ภาษาไทยสามารถเขียนงานประพันธ์ต่าง ๆ ได้หลายรูปแบบอาทิเรื่องสั้น นวนิยายและบทกลอนซึ่งมีหลายรูปแบบด้วยกัน ทั้งที่มีการบังคับตามฉันทลักษณ์และไม่บังคับฉันทลักษณ์ โดยในบทความนี้ ผู้เขียนจะแบ่งปันเทคนิคการเขียนกลอนเปล่า ซึ่งเป็นงานเขียนประเภทร้อยแก้ว เน้นในลักษณะการเขียนข้อความสั้น ๆ ทำให้ผู้อ่านเกิดความสะเทือนอารมณ์เครดิตภาพจาก pixabay ประสบการณ์หนึ่งของผู้เขียนที่ได้เขียนกลอนเปล่า เพื่อส่งเข้าประกวด และได้รับรางวัลจากเวทีวรรณกรรมรางวัลพานแว่นฟ้าของรัฐสภา ประจำปี 2551 ในกลอนเปล่า ซึ่งใช้ชื่อบทกวี ว่า พื้นที่การเมืองในหัวใจ ซึ่งผู้เขียนได้ตั้งชื่อกลอนเปล่าที่ต้องการสื่อให้ผู้อ่านทราบว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันภายในความรู้สึกนึกคิดของเรา ก็คือสงครามในหัวใจ ที่ความดีและความไม่ดี แย่งชิงพื้นที่กันอยู่ หากฝ่ายดีหรือฝ่ายไม่ดี ได้รับชัยชนะ ก็จะส่งผลกระทบต่อตัวเราทุกครั้ง ดังนั้นอำนาจฝ่ายดำหรือฝ่ายขาวที่เป็นตัวแทนความคิดทั้งดีและไม่ดี จึงเป็นสัญลักษณ์ทางความคิดที่ต้องการสื่อให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ แต่ลักษณะเด่นของภาษาที่ใช้คือผู้เขียนเอง จะเลือกใช้คำศัพท์ที่มีความหมายเฉพาะ แตกต่างจากภาษาเขียนทั่วไป ซึ่งการอ่านหนังสือหลายประเภท หลากหลายแนวจะช่วยทำให้เกิดการสะสมคลังศัพท์ในการเขียนที่มีลักษณะพิเศษได้ เมื่อผู้เขียนได้ตรวจสอบและทบทวนบทกลอนเปล่าที่เขียนแล้วเสร็จ จนรู้สึกพอใจในความลงตัวและเป็นเอกภาพของบทกลอนเปล่าแล้ว ก็จัดส่งไปในเวทีประกวด เพื่อสร้างโอกาสให้กับตนเอง เพื่อพัฒนาเป็นนักเขียนอีกรูปแบบหนึ่ง และบทกวีกลอนเปล่าที่ถ่ายภาพนำมาแบ่งปันนี้ ก็สามารถเผยแพร่ได้เพราะผลงานเป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียนอยู่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการเรียนรู้ เครดิตภาพถ่ายโดยผู้เขียน เครดิตภาพถ่ายโดยผู้เขียน เครดิตภาพถ่ายโดยผู้เขียน เทคนิคการเขียนกลอนเปล่า ให้เร้าอารมณ์ผู้อ่าน สไตล์อาจารย์เปี๊ยก นักเขียนจะต้องมีชื่อกลอนเปล่า เพื่อกำหนดแนวคิดหรือแก่นเรื่องสำคัญของกลอนเปล่านั้นแก่นเรื่องสำคัญของกลอนเปล่านั้น จะต้องมีวัตถุประสงค์ที่จะสื่อให้ผู้อ่านทราบว่า นักเขียนต้องการสื่อถึงเรื่องใดเน้นการใช้ประโยคที่ไม่ยาวเกินไปคำศัพท์และภาษาที่ใช้ควรมีความสละสลวยกว่าภาษาเขียนธรรมดา เพราะมุ่งให้เกิดความไพเราะด้านภาษาพยายามใช้คำที่มีความคล้องจอง เพื่อให้เกิดคำสัมผัสที่อ่านได้ไพเราะมีการย่อหน้าขึ้นบรรทัดใหม่บ่อย ๆข้อความในหนึ่งบรรทัดนั้น จะต้องสื่อความหมายได้ใจความเมื่อเขียนกลอนเปล่าจบแล้ว ให้อ่านออกเสียง เพื่อตรวจสอบความลื่นไหลของภาษา ว่ามีความลงตัวเป็นที่น่าพอใจแล้วอ่านทบทวนกลอนเปล่า ว่าก่อให้เกิดความสะเทือนอารมณ์ หรือทำให้เกิดความรู้สึกอย่างไรเมื่ออ่านบทกลอนเปล่านั้นการเขียนกลอนเปล่า จะมีข้อดีในแง่ของการใช้ภาษาได้อย่างมีอิสระ ไม่ถูกจำกัดด้วยเงื่อนไขฉันทลักษณ์ของการเขียนบทกลอนแบบมีข้อบังคับ ทางภาษาไทย เช่น กาพย์ กลอนประเภทต่าง ๆ โคลง ฉันท์ ซึ่งกลอนเปล่านี้ ได้รับการยอมรับว่า เป็นงานเขียนประเภทหนึ่งของไทย หลังจากได้รับอิทธิพลของกลอนเปล่าจากต่างประเทศ โดยในส่วนของประเทศญี่ปุ่นนั้น ก็มีกลอนเปล่า ซึ่งเป็นงานเขียนที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ชื่อว่า บทกวีไฮกุ อันเป็นข้อเขียนสั้น ๆ แต่ทำให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกนึกคิดและความสะเทือนอารมณ์เครดิตภาพ จาก pixabayผู้เขียนจึงขอแนะนำให้เพื่อน ๆ นักเขียน ได้พัฒนางานเขียนให้มีความหลากหลาย และฝึกเขียนกลอนเปล่า เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด ซึ่งอาจเขียนแล้วเผยแพร่ในเฟซบุ๊กส่วนตัว หรือบล็อกเว็บไซต์ต่าง ๆ เพราะงานเขียนทุกประเภท มีความหมายสำหรับผู้อ่าน ซึ่งเมื่อถูกเผยแพร่แล้ว อาจเกิดคุณค่าในมิติใดมิติหนึ่งทางสังคมหรือบุคคลก็ได้ เครดิตภาพปก จาก pixabay