ขอบคุณรูปจาก รัมมาน อามีน มีฮะดีษหนึ่ง เล่าว่า ท่านรอซูล (ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวว่า "ผู้ใดที่ได้ยินเสียงอาชานให้ไปละหมาดแล้วเขาไม่ได้ไปยังสถานที่ของเสียงอะชานเรียกนั้นโดยไม่มีอุปสรรคใดๆ" ซอฮาบะฮ์ฺถามว่า" อะไรคืออุปสรรค " ท่านตอบว่า "ความหวาดกลัวหรือความเจ็บป่วยเช่นนี้จะไม่มีการตอบรับละหมาด ซึ่งเขาได้ละหมาด(เป็นส่วนตัว)" ขอบคุณภาพจาก อีชานฮะดีษนี้ว่าการละหมาดส่วนทั้งที่ได้ยินเสียงอาชานนั่นเท่ากับว่าเขามิได้ละหมาดเลย แต่เขาจะไม่ได้รับผลบุญของการละหมาดฟัดร์ฺฎูที่ทำส่วนตัว แต่เขาพ้นจากความผิดของการละทิ้งละหมาดประจำเวลานั้น" ความอัปยศทุกความอัปยศ การกุฟุดร์ (ปฏิเสธศรัทธา) และการนิฟาก(แสร้งศรัทธาด) เป็นของผู้ที่ได้ยินเสียงการเรียกร้องของอัลลอฮ์ฺที่ประกาศไปสู่การละหมาดแล้วเขาไม่ตอบสนองการเรียกร้องนั้นขอบคุณรูปจาก รัมมาน อามีนการไม่ไปละหมสดญะมาอะฮ์ฺตามเสียงอาชานเรียกนั้นไม่ได้มีลักษณะการเป็นมุสลิมใยพฤติกรรมของเขา การกระทำเช่นนี้ถือเป็นการกระทำของบุคคลที่เป็นกาเฟดร์ฺ (ผู้ปฏิเสธศรัทธา) และบุคคลที่เป็นมุนาฟิก (ผู้แร้งศรัทธา) มาตรการนี้ช่างรุนแรงเสียจริงๆพอเพียงแล้วต่อผู้หนึ่งกับความอัปยศและโชคร้ายของเขา ในการได้ยินเสียงอาชานแล้วไม่ไปละหมาดร่วมกันเป็นหมู่คณะขอบคุณภาพจาก มูฮัมหมัด อาดิลท่านรอซูล (ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวว่า "ที่จริงฉันเคยคิดที่จะใช้ให้เด็กๆช่วยกันรวมไม้ฟืนมสกๆ ให้ฉัน แล้วฉันก็ไปหาพวกที่ละหมาดที่บ้านของพวกเขา ทั้งๆ ที่ไม่มีอุปสรรคขัดข้องเลย แล้วฉันก็จะเผาบ้านของพวกเขา" แต่เรื่องผู้ไม่ไปละหมาดญะมาอะฮ์ฺท่ายรอซูล(ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ฌกรธมากถึงขนาดพร้อมที่จะทำการเผาบ้านของพวกเขา ลองพิจารณาเถิดว่าการละหมาดญะมาอะฮ์ฺมีความสำคัญขนาดไหน ขอบคุณรูปจาก รัมมาน อามีน " พวกเรามุสลิมความตรึกตรองกันให้ดี" จงใช้เวลาสักครู่ เพื่อตรวจสอบชีวิตของเราเอง และจงถามตัวเองว่า อัลลอฮฺ ทรง พอใจเราไหม กับการใช้ชีวิต ในแบบของเราแบบนี้ " เราอย่าลืมว่าเราเป็นมุสลิม" " เรามีเป้าหมายของเรา" "หวังว่าทุกคนจะให้ความสำคัญกับการละหมาดญะมาอะฮ์ฺ" "ขอให้อัลลอฮฺทรงคุ้มครองทุกคนด้วย" ศาสนาคือการตักเตือน ( الدين نصيحت ) "(อามีน)" เครดิต ขอบคุณภาพจาก Unsplash ภาพปก ภาพ1 ภาพ2 ภาพ3 ภาพ4 อัปเดตสาระดี ๆ มีประโยชน์แบบนี้อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !