สวัสดีครับ ผมชื่อกอล์ฟครับ ผมมีอาชีพ ขายหมูปิ้ง ด้วยเนื่องจากที่บ้านมีแมวอยู่ 9 ตัวผมจึงไปเช่าห้องพักเล็ก ๆ ห้องหนึ่งเพื่อไว้เสียบหมู ระหว่างนั้นมีแมวจรอยู่ 1 ตัวเป็นสีกระดองเต่า หลังจากให้อาหารกันไม่นานก็มีความสนิทสนมกันในระดับดี ถึงดีมาก ผมตั้งชื่อให้แมวตัวนี้ว่า พุงเปรอะ วันนึงเจ้าแมวตัวนี้เกิดท้องขึ้นมา วันที่จะคลอด ดันมาขอคลอดในห้องของผม จะปล่อยไปก็กระไรอยู่ ผมก็เลยยอมให้เข้ามาคลอด ได้ลูกแมวเพิ่มมาอีก 4 ตัว วางแผนไว้กับแฟนว่าเมื่อโตพอสมควรแล้ว ยังไงก็ต้องหาบ้านให้เพราะเราไม่สามารถเลี้ยงได้แน่นอน หลังจากที่ประกาศในกลุ่มคนรักแมวจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีคนสนใจพร้อมรับเลี้ยง 2 ตัว ผมกับแฟนดีใจมาก เพราะจะได้ไปอยู่เป็นคู่กัน แต่ติดปัญหาอย่างเดียว บ้านที่จะรับแมว อยู่คนละอำเภอกับผม บ้านใหม่ของเจ้าแมวพวกนี้ อยู่อำเภอท่าชนะ ซึ่งห่างออกไปจากบ้านผม 60 กว่ากิโลเมตร และตัวผมเองก็ไม่มีรถยนต์ มีแต่มอเตอร์ไซค์ขับไปได้ แต่แมวคงทนร้อนไม่ไหว ปรึกษากับแฟน ว่าคงอดได้บ้านแล้วมั้ง 2 ตัวนี้ คงต้องปล่อยให้อยู่เป็นแมวจรเหมือนแม่มันไปแล้วล่ะ แต่แฟนผมเขาไม่ย่อท้อหาหนทางจนได้ นั่นก็คือเราจะนั่งรถไฟไปกัน โชคดีที่บ้านใหม่ของแมวพวกนี้ อยู่ไม่ไกลกับสถานีรถไฟ สามารถมารับได้ที่สถานีรถไฟเลย ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงเกิดภารกิจ ขึ้นรถไฟไปส่งแมวหาบ้านกัน แผนการเดินทาง เริ่มจากหาข้อมูลว่ารถไฟสามารถนำสัตว์เลี้ยงขึ้นไปด้วยได้มั้ย ปรากฎว่า ขึ้นได้ แต่ต้องเป็นขบวนที่ไม่ใช่รถปรับอากาศ สัตว์เลี้ยงต้องอยู่ในกรง ไม่เพ่นพ่าน ต่อมามาดูรอบการเดินรถที่สะดวก โดยยึดการเดินทางกลับเป็นเกณฑ์ ขากลับจากท่าชนะ มาสุราษฎร์ธานี มี 8:39 น., 16:02 น. และ 23:12น. เราเลือกกลับเวลา 16:02 น. ต่อจากนั้นมาเลือกขาไปกันต่อ มี 10:40 น. , 13:25 น. และ 16:47 น. ระยะเวลาเดินทาง 1 ชั่วโมงโดยประมาณ เราจึงเลือกเวลาขาไปคือ 13:25 น ( ซึ่งจะไปถึงท่าชนะ 14:25 น. มีเวลาก่อนเดินทางกลับชั่วโมงกว่า ๆ หาร้านนั่งทานข้าวทานขนม อาจจะไปทะเลที่อยู่ใกล้กับตัวสถานีรถไฟอำเภอท่าชนะเพียง 1 กิโลเมตร ) เมื่อวันเดินทางมาถึง ผมกับแฟนขับมอเตอร์ไซค์ไปจอดที่สถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี ที่อำเภอพุนพิน ซึ่งห่างจากบ้านไป 25 กิโลเมตร เพื่อขึ้นรถไฟเที่ยว 13:25 น. ซื้อตั๋วชั้น 3 ประเภทรถท้องถิ่น เลขขบวนรถ 446 ราคาตั๋ว 12 บาท ต่อคน แมวไม่ต้องจ่าย และไม่ตรวจบัตรประชาชน แต่แล้วมีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับพวกเราครับ ( หรือเป็นเรื่องปกติกันนะ ) ขบวนรถไฟที่เราซื้อตั๋วไว้ ล่าช้า โดยประกาศเลื่อนเวลาเข้าสถานีไปเรื่อย ๆ จน 1 ชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มา ทั้งที่เวลานี้ พวกเราต้องไปถึงสถานีท่าชนะแล้ว ผมกับแฟนไม่เป็นไร ห่วงแต่เด็ก 2 ตัว อุดอู้อยู่ในกระเป๋าหลายชั่วโมงแล้ว แอบดูเป็นพัก ๆ ส่วนใหญ่จะหลับ สบายใจไปเปราะนึง และที่กลัวอีกอย่างนึง ถ้าเกิดเราไปไม่ทันรถไฟขากลับ รอบ 16:02 น. ต้องรอรอบต่อไปคือ ห้าทุ่มเลยนะ อาจต้องยกเลิกภารกิจนี้ แต่โชคดี นายสถานีประกาศ รถไฟขบวน 446 กำลังจะเทียบท่า พวกเราได้ขึ้นรถไฟเวลา 14:30 น. เสียเวลาไป 1 ชั่วโมง 5 นาที ขึ้นรถไฟ หาที่นั่งเรียบร้อย โชคดีที่ตู้ของเราคนน้อย สามารถนั่งได้สบาย แรก ๆ 2 ตัวน้อยมีอาการตื่นกลัวเล็กน้อย ร้องโวยวายเป็นระยะ เราจึงปราบความกลัวด้วยขนมเลีย ไม่นานก็สงบ ชิน และหลับไปตลอดทาง โชคดีจัง คนก็นั่งกินลมชมวิวไป บรรยากาศดีมาก ต้นไม้เขียวชอุ่มตลอดเส้นทาง ชมวิวเพลินมากเวลา 1 ชั่วโมงผ่านไปไวมาก ๆ ถึงสถานีรถไฟท่าชนะเวลา 15:35 น. แม่ใหม่ พ่อใหม่ มารอรับแล้ว แถมในมือมีลูกหมาอีกตัว สอบถามได้ความว่า ระหว่างรอ เจอที่สถานีนี่แหละ ถูกชะตา นายสถานีบอกเอาไปเลี้ยง เอาบุญเถอะ แม่หมามาเกิดแถวนี้ ถ้าปล่อยไว้ก็เป็นหมาจรตามแม่มัน บ้านใหม่เลยพาไปอยู่ด้วยกัน ได้ฟังก็ดีใจที่แมวเด็กของเราจะได้อยู่กับบ้านใหม่ที่ใจดีแบบนี้ แต่ก็แอบใจหายหน่อย ๆ นะครับ อยู่กันมาตั้งหลายเดือน กำลังน่ารักน่าเอ็นดูเลย เครดิตภาพถ่ายทั้งหมดโดย ผู้เขียน พอแยกย้ายกันแล้ว เหลือเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง รถไฟขบวนกลับกำลังจะมาแล้ว ครั้งนี้ไม่มีเสียเวลาเลยครับ นี่ถ้าขบวนขามาเลทมากกว่านี้ ผมและแฟนอาจจะตกรถไฟก็ได้เลยครับ รออีกทีก็ห้าทุ่มโน้น จองตั๋วได้ชั้น 2 ราคา 28 บาท เป็นขบวนรถด่วนพิเศษเลขที่ 43 พนักงานบอกไม่มีชั้น 3 เสียดายอยากนั่งรับลมเย็น ๆ อีก การเดินทางครั้งนี้ อาจจะดูเหมือนไม่ได้อะไร แต่ในความรู้สึกของผม มันเป็นทริปที่ดีทริปนึงเลย จะอยู่ในความทรงจำของผมตลอดไป เพราะเป็นการต่อชีวิตให้แมวน้อยทั้ง 2 ตัว ถ้าหากไม่มีบ้านใหม่รับเลี้ยง ก็จะเป็นแมวจร อาจเกิดอุบัติเหตุตามพี่น้องอีก 2 ตัวไป และอีกเหตุผลคือการได้ชมวิวข้างทางระหว่างการเดินทางนั่นคือความสุขของผมอีกอย่างนึง ทำให้ได้เห็นถึงชีวิตความเป็นอยู่ วิถีชีวิตของชุมชน ธรรมชาติ สภาพภูมิประเทศที่ต่างกันออกไปในแต่ละพื้นที่ แค่ได้เดินทาง ทุกอย่างก็คุ้มครับ