"มาเที่ยวสมุยมั้ย" คือคำชวนของเพื่อนสนิทของผู้เขียนเอ่ยปากถามขึ้นมาในตอนที่กำลังหัวหมุนวุ่นอยู่กับการทำงาน พอได้ยินแบบนั้นแล้วมีหรือที่ผมจะไม่ตอบตกลง เพราะด้วยความที่ตัวเองนั้นก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวทะเลบ่อยนัก พอครั้งนี้เจอโอกาสแล้วก็จัดการเคลียร์งานทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อย แล้วก็ให้เพื่อนช่วยจองตั๋วเครื่องบินผ่านแอป traveloka ให้ เพราะในชีวิตก็ไม่เคยจองตั๋วโดยสารเครื่องบินทางอินเตอร์เน็ตเลย พูดง่าย ๆ ก็คือไม่เคยขึ้นเครื่องบินนั่นแหละ หลังจากที่ทุกอย่างลงตัวแล้ว ทั้งเรื่องงาน ทั้งเรื่องตั๋ว ผมก็จัดแจงเตรียมตัวเก็บกระเป๋ามุ่งหน้าตรงไปสู่ "เกาะสมุย" แบบคนที่ไม่รู้อะไรเลย การเดินทางไปสนามบินที่อุบลราชธานีเราสามรถนั่งรถสมาร์ทบัสจาก บขส ไปลงที่สนามบินได้ฟรีเลยนะ (ตอนนี้เก็บ20บาทแล้ว)ซึ่งทุกอย่างมันดูเหมือนจะไปได้ด้วยดีเลย ถ้าเพื่อนเจ้ากรรมไม่ดันมาจองตั๋วให้ตอน 17.40 ทั้งที่ผมต้องนั่งรถโดยสารออกจากบ้านไปบขส.อุบลตั้งแต่ 6 โมงเช้า พอไปถึงก็ต้องติดแหงกรอเวลาอยู่ที่สนามบิน ผมนี่แบบถอนหายใจรัว ๆ เลยทีเดียว นั่งก็แล้วนอนก็แล้วก็ไม่ถึงเวลาเดินทางซักที เลยกลายเป็นเรื่องที่คอยโทรบ่นให้มันฟังตลอดการเดินทางเลยว่า "มึงอย่าจองตั๋วให้กูเวลานี้อีกนะ" พอถึงเวลาที่ใกล้จะเดินทางจากสนามบินอุบลราชธานีไปดอนเมือง รู้สึกว่าตัวเองตื่นเต้นกับการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกมากเลย (กลัวเครื่องบินตก ฮ่า ๆ)ก่อนจะเดินทางมานี่หาข้อมูลเรื่องการขึ้นเครื่องบินจากหลายเว็บไซต์มาก ว่ามันขึ้นยังไง ต้องปฏิบัติตัวยังไง กระเป๋าน้ำหนักเท่าไหร่ ถึงขั้นสะพายกระเป๋าไปชั่งบนตาชั่งที่บ้านยายเปิดร้านขายของชำเลยนะ!! แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี กระเป๋าที่น้ำหนักน่าจะเกินไปนิดหน่อยเจ้าหน้าที่ก็ไม่ชั่ง เฮ้ออ~ นึกว่าจะได้เสียตังค์ค่าโหลดกระเป๋าเพิ่มซะแล้ว การเดินทางจากอุบลไปถึงดอนเมืองใช้เวลาไม่นาน แค่ประมาณ 52 นาที ซึ่งปรกติผู้เขียนก็นั่งแต่รถทัวร์ไปกรุงเทพ พอได้มานั่งเครื่องบินก็รู้สึกว่ามันเร็วมาก และมีความคิดว่าต่อไปนี้หากจะไปกรุงเทพเมื่อไหร่ ก็คงจะนั่งแต่เครื่องบินนี่แหละไป พอถึงดอนเมืองก็รอเปลี่ยนเครื่องเพื่อจะบินไปสุราษฎร์ธานีอีกประมาณ2ชั่วโมง ซึ่งก็ถือว่าไม่นานมากนัก ช่วงนี้ก็เดินหาซื้อของกินตาม 7-11 มานั่งกินรอเวลาเดินทาง จนถึงเวลาเดินทางไปสุราษฎร์ธานี เครื่องบินใช้เวลาเดินทางประมาณ 1ชั่วโมงนิด ๆ ก็ถึงที่หมายโดยปลอดภัย พอถึงที่สนามบินสุราษฎร์ธานี ตอนนี้ก็เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว เที่ยวบินที่ผมนั่งมาก็เป็นเที่ยวสุดท้าย สนามบินก็จะปิด แถมสนามบินอยู่ห่างจากตัวเมืองสุราษฎร์ธานีมาก รถที่จะเข้าไปในตัวเมืองก็ไม่มีแล้ว เพื่อนผมจึงติดต่อโรงแรมให้ทางโรงแรมขับรถมารับ ซึ่งก็เสียค่าใช้จ่ายทั้งหมด 800 บาท รวมค่าโรงแรมและค่ารถรับส่งที่จะไปส่งที่สนามบินในตอนเช้าอีกที พอประมาณ 7 โมงเช้า ก็ต้องเดินทางเข้าไปสนามบินเพื่อไปซื้อตั๋วของบริษัทรถเพื่อโดยสารไปยังท่าเรือ โดยซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์ในสนามบินแค่ครั้งเดียว ก็ได้ทั้งตั๋วรถและตั๋วเลย ราคาก็ประมาณ300กว่าบาท ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินไปยังท่าเรือนานมากกก แต่ด้วยความที่วิวตลอดสองข้างทางนั้นสวยงามและสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้เขียนตลอดเวลา จึงทำให้ไม่รู้สึกเบื่อเลยตลอดการเดินทาง รถบัสมาส่งถึงท่าเรือ เรือก็กำลังจะออกพอดี ผมจึงรีบเดินขึ้นไปหาที่นั่งบนเรือ นี่ก็เป็นประสบการณ์ครั้งแรกอีกแล้วที่ได้นั่งเรือข้ามเกาะแบบนี้ มันรู้สึกตื่นเต้นดีนะ ที่ได้ดูผืนน้ำทะเลที่ฟ้า กับวิวภูเขาที่มองเห็นอยู่ไกล ๆ มันสวยจริงๆ เรือใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงครึ่งก็มาถึงและเข้าจอดเทียบท่าเรือของเกาะสมุย เพื่อนของผมขับรถออกมารับและพาไปพักที่ ๆ มันทำงานอยู่ ทำให้ตลอดระยะเวลาที่อยู่บนเกาะสมุยไม่ได้เสียค่าที่พักเลย เมื่อมาถึงก็พากันไปเที่ยวตามที่ต่าง ๆ หลายจุด แต่ส่วนมากจะพากันไปเดินเที่ยวตามชายหาดที่เงียบ ๆ และก็ขึ้นไปชมวิวบนภูเขาสูง ทำให้ทริปนี้อาจจะไม่ค่อยมีรูปตามสถานที่ดัง ๆ ของเกาะสมุยเอามาลงให้ดูนะครับ ทะเลที่นี่สวยมากและน้ำก็ค่อนข้างตื้น ยิ่งเวลาน้ำลงจะสามารถเดินลงไปในทะเลได้ไกลเลยทีเดียว แต่ต้องระวังตรงพื้นทะเลนิดนึง เพราะเต็มไปด้วยเศษซากปะการังและมีหินแหลมคมอยู่เต็มไปหมด ไม่งั้นจะบาดเจ็บเอาได้ สภาพอากาศที่นี่ค่อนข้างร้อนอบอ้าว แต่ก็จะมีฝนตกอยู่เป็นระยะ ๆ บางทีก็ถึงขั้นเป็นพายุฝนตกหนักลงมาจนน้ำทะเลขุ่นไปหมดเลยทีเดียว ช่วงนี้ถ้าหากฝนหลุดแล้วไปเดินริมทะเลก็จะเป็นสาหร่ายพวกองุ่นที่ยังอ่อน และเศษสาหร่ายอื่น ๆ สีน้ำตาลลอยกันมาเกยที่ชายหาดเต็มไปหมด มองดูแล้วก็แปลกตาดีเหมือนกันสำหรับผู้เขียนที่ไม่เคยได้เห็นอะไรแบบนี้ ตอนเวลาเย็นผู้คนที่นี่มักจะพากันมานั่งเล่นเดินเล่นและออกกำลังกายกันริมหาด รวมถึงมีคนพากันมาเล่นน้ำทะเลกันอย่างสนุกสนาน และตอนนี้เองที่ผู้เขียนก็ได้มาเห็นภาพที่ดูแปลกตาไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน คือภาพที่ชาวบ้านจูงควายลงมาอาบน้ำทะเล คือแบบ เอิ่มม.. ภาพควายที่เราคุ้นเคย มักจะเห็นมันจะนอนอยู่ในห้วยหนองคลองบึงใช่มะ พอมาเห็นภาพแบบนี้ก็อดกลั้นขำไว้แทบไม่ได้ ผู้เขียนชอบมากในเวลาที่ฝนตกบนเกาะสมุย เพราะเมื่อฝนหยุดแล้วบนภูเขาจะมีไอหมอกลอยคลุมภูเขาอยู่เต็มไปหมด และหากมองลงไปในทะเลก็จะเห็นไอหมอกที่เกิดจากฝนแผ่คลุมอยู่บนผิวทะเล ซึ่งมันดูสวยมาก ๆ ผู้เขียนใช้เวลาเที่ยวอยู่บนเกาะนี้ประมาณ 1 อาทิตย์ก็เดินทางกลับบ้านที่อุบลราชธานี ซึ่งการได้มาเที่ยวครั้งนี้ก็ถือได้ว่าเปิดประสบการณ์ชีวิตของตัวเองเป็นอย่างมาก จากที่ต้องทำแต่งานไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวไหน พอกลับมาถึงบ้านแล้วก็รู้สึกเหมือนได้ชาจแบตพลังกายพลังใจ มีความกระชุ่มกระชวยและเกิดเรี่ยวแรงที่จะทำงานต่อไปได้อีกยาวนานเลย และคิดอยู่เสมอว่าหากมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่สมุยอีกครั้ง ผู้เขียนจะไม่พลาดโอกาสนั้นอย่างแน่นอน ตลอด7วันเสียค่าใช้จ่าย ทั้งค่าเดินทางและค่าอาหาร(ไม่เสียค่าที่พัก)ตลอดทริปประมาณ 6000 บาท ข้อดีของเกาะสมุย ทะเลและหาดทรายของที่นี่สวยมาก วิวบนเกาะก็สวย ข้อเสียของเกาะสมุย การเดินทางมาลำบาก เพราะต้องเดินทางเข้ามาด้วยเรือเท่านั้น ถ้าขึ้นเรือไม่ทันก็ต้องนอนรอที่สุราษฎร์ธานี ถึงจะมีเครื่องบินตรงจากดอนเมืองมาลงที่เกาะโดยตรง แต่ค่าโดยสารแพง อาหารที่นี่ค่อนข้างแพง และค่าโดยสารของรถรับจ้างที่นี่ก็แพงมาก