ความรุนแรงและการระบาดของไวรัส Covid – 19 หรือไวรัสโคโรน่ายังคงระบาดและทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดหลายหน่วยงานได้สั่งห้ามการเดินทางไปต่างประเทศ โดยเฉพาะการไปในประเทศกลุ่มเสี่ยงต่าง ๆ เช่น ประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน เป็นต้น หลายคนได้จองตั๋วเครื่องบิน ทั้งเพื่อไปทำงาน ไปเพื่อการเรียน หรือการเดินทางท่องเที่ยว แต่มีอันต้องเลื่อนตั๋ว หรือยกเลิกการเดินทางไปโดยปริยาย อันเกิดจากผลพวงของโรคระบาดนี้ ซึ่งเริ่มสร้างความหวั่นวิตกไปทั่วโลกว่าการระบาดของไวรัสชนิดนี้จะกินเวลายาวนานสักเพียงใด แม้ว่าความตึงเครียดจะเริ่มเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ถ้าเราทุกคนปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์ รวมไปถึงมีจิตสำนึกต่อส่วนรวม จะต้องรีบพบแพทย์ทันทีที่มีอาการผิดปกติ โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงที่จะต้องกักตัวตามระยะเวลาที่ทางการแพทย์กำหนด ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของตัวผู้ป่วยและโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม มิให้เกิดการแพร่กระจายลุกลามไปมากกว่าที่เป็นอยู่ เช่นเดียวกัน แม้ว่าช่วงนี้การเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศจะเป็นเรื่องต้องห้าม แต่หากเราจะมานั่งเครียด นั่งวิตกกังวล หรือห่อเหี่ยวใจ ก็สิ้นเปลืองเวลาไปเปล่า ๆ การเดินทางท่องเที่ยวถือเป็นทางเลือกหนึ่งในการลดทอนความตึงเครียดเหล่านี้ หลายคนนิยมชมชอบกับการไปเที่ยวต่างประเทศ แต่ว่าในประเทศไทยของเราก็มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมายที่ให้อารมณ์คล้ายกับการไปเที่ยวต่างประเทศ ทั้งที่มนุษย์สร้างและธรรมชาติรังสรรค์ ซึ่งหนึ่งในนั้นที่อยากจะแนะนำก็คือ “เขื่อนรัชประภา” จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ภาพถ่ายโดยผู้เขียน เขื่อนรัชประภาแห่งนี้ หรือชื่อเดิมคือเขื่อนเชี่ยวหลาน ตั้งอยู่ที่บ้านเชี่ยวหลาน ตำบลเขาพัง อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ติดกับเขตอุทยานแห่งชาติเขาสก จึงมีทัศนียภาพและภูเขาที่รายล้อมซึ่งมีลักษณะทางกายภาพที่สวยงามแปลกตา จนได้รับสมญานามว่า “กุ้ยหลินแห่งเมืองไทย” เหตุเพราะความงดงามของแนวเทือกเขาที่รายล้อมตัวเขื่อนนั้นมีความละม้ายคล้ายกับแนวเทือกเขาในเมืองกุ้ยหลินแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังในมลฑลกวางสี สาธารณรัฐประชาชนจีน คือเทือกเขาที่มีลักษณะยอดแหลมสูงสลับกันเหมือนฟันปลาขนาดมหึมา ภายในเขื่อนแห่งนี้มีบริการทั้งการนั่งเรือ และนั่งแพไม้ไผ่เพื่อชมทิวทัศน์โดยรอบตัวเขื่อน ซึ่งนอกจากทัศนียภาพที่งดงามแปลกตาเหมือนที่เมืองกุ้ยหลินแล้ว ยังให้ความรู้สึกเหมือนกำลังล่องอยู่ในอ่าวฮาลองเบย์ในประเทศเวียดนาม และยังเหมือนกับการล่องเรือในทะเลสาบสุริยันจันทราในไต้หวันอีกด้วย หากนั่งแพไม้ไผ่นั่งถ่ายรูปชิก ๆ โดยมีฉากหลังเป็นหุบเขาเหล่านี้ ก็ชวนให้คิดหรือสงสัยไม่น้อยว่าที่นี่เมืองไทยหรือต่างประเทศ ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ภาพถ่ายโดยผู้เขียน จะว่าไปไฮไลท์ของเขื่อนรัชประภาแห่งนี้มีหลายกิจกรรมให้ทำอยู่เหมือนกัน ทั้งเส้นทางเดินป่าเพื่อศึกษาธรรมชาติ การสำรวจถ้ำ และการล่องแพเพื่อไปว่ายน้ำกลางเขื่อน ซึ่งไฮไลท์ที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นการนั่งเรือออกไปชมเขาสามเกลอ ซึ่งคล้ายแท่งหินสามแท่งโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ เป็นภาพที่มีความแปลกตาแต่แฝงความสวยงามจนไม่อาจบรรยายได้ด้วยตัวอักษร นอกจากนี้ภายในเขื่อนแห่งนี้ยังมีที่พักแบบแพลอยน้ำให้บริการมากมายหลายแห่ง ซึ่งมีความสะดวกสบายครบครับสำหรับใครที่ต้องการเก็บเกี่ยวบรรยากาศของเขื่อนแห่งนี้ให้เต็มอิ่มจุใจ ความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติในการรังสรรค์และออกแบบแนวหุบเขานี้ได้เชื้อชวนให้ผู้คนที่ไม่ใช่เฉพาะคนไทย แต่รวมไปถึงนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก บางครั้งการลองมาพิจารณาสถานที่ท่องเที่ยวในบ้านเราดูบ้างก็ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะสถานที่ท่องเที่ยวในบ้านเราหลายที่ความสวยงามก็ไม่ได้ด้อยหรือแพ้ต่างประเทศเลย ตรงกันข้ามอาจสวยงามและดีกว่าเสียด้วยซ้ำ ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ภาพถ่ายโดยผู้เขียน สำหรับใครที่ต้องการไปสัมผัสบรรยากาศของกุ้ยหลินเมืองไทยที่เขื่อนรัชประภาแห่งนี้ หากต้นทางเริ่มจากรุงเทพฯ ก็มีหลายวิธีให้เลือกเดินทาง อาทิเช่น ถ้าต้องการขับรถมาเอง ก็สามารถขับมาตามเส้นทางถนนเพชรเกษมโดยใช้ทางหลวงหมายเลข 4 ไปจนถึงจังหวัดชุมพร จากนั้นตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 41 จนถึง อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ก็สามารถขับตรงไปเรื่อย ๆ โดยไม่ต้องเลี้ยวเขาตัวจังหวัด จนถึงแยกท่าโรงช้างก็ให้เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 401 จากนั้นประมาณ 40 กิโลเมตร ก็จะเริ่มเห็นป้ายบอกทางเข้าไปยังตัวเขื่อนรัชประภาเป็นระยะ ถ้าสะดวกนั่งรถโดยสารประจำทางก็สามารถไปเริ่มต้นทางที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ กรุงเทพ - สุราษฎร์ธานี ซึ่งควรออกเดินทางในช่วงกลางคืนโดยรถจะจอดที่สถานีขนส่งสุราษฎร์ธานีในช่วงเช้า จากนั้นต่อรถสองแถว เพื่อไปตลาดเกษตร 2 เพื่อไปขึ้นรถตู้ สุราษฎร์ฯ – เขื่อนรัชประภา จากนั้นค่อยหาเรือไปยังเขื่อน ถ้าสะดวกนั่งเครื่องบิน ซึ่งปัจจบันมีหลายสายการบินให้บริการและมีหลายเวลาให้เลือก โดยสามารถนั่งเครื่องมาลงที่สนามบินสุราษฎร์ธานีแล้วต่อรถประจำทางที่ผ่านหน้าสนามบินมาลงที่ปากทางเข้าเขื่อน หรือการจ้างรถรับจ้างซึ่งมีให้เลือกมากมายเพื่อให้รถไปส่งถึงปากทางเข้าเขื่อน แม้ว่าช่วงเวลานี้จะยังคงมีปัญหาในเรื่องของโรคระบาด ดังนั้นแม้จะเป็นการท่องเที่ยวภายในประเทศซึ่งดูไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่เราก็ไม่ควรอยู่บนความประมาท การรู้จักป้องกันตัวเอง ออกกำลังกาย นอนหลับให้เพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายให้แข็งแรงจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญยิ่งคือจะต้องไม่ลืมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ต้องออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ นอกบ้าน รวมไปถึงการกินร้อน ช้อนกลาง และล้างมือบ่อย ๆ ก็น่าจะทำให้เราห่างพ้นจากวิกฤติ Covid - 19 ไปได้บ้างไม่มากก็น้อย เพื่อให้การใช้ชีวิต รวมถึงการเดินทางไปพักผ่อนท่องเที่ยวเป็นไปอย่างมีความสุข เรื่องและภาพหน้าปกโดยผู้เขียนย