“เขื่อนเชี่ยวหลาน กุ้ยหลินเมืองไทย” คิดว่าเพื่อน ๆ หลายคน คงจะเคยได้ยินและคุ้นเคยกับชื่อสถานที่แห่งนี้นะครับ เขื่อนเชี่ยวหลาน กุ้ยหลินเมืองไทย ซึ่งสถานที่แห่งนี้มีบรรยากาศที่สวยงามมาก ๆ บรรยากาศสงบ ร่มรื่น ร่มเย็นเหมือนเมืองกุ้ยหลินที่อยู่ในประเทศจีนจริง ๆ ครับ และยังมีความสวยงามของเทือกเขาหินปูนที่สูงตระหง่านและผืนน้ำสีเขียวมรกตที่กว้าง ยาวสุดสายตาตลอดการเดินทางอีกด้วย ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อและสวยงามอีกแห่งหนึ่งของทางภาคใต้และของประเทศไทยของเราด้วย ภาพถ่ายโดย ครูชอวร์ กวีหลังบ้าน วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์ความประทับใจ ที่ได้มาเที่ยว เขื่อนเชี่ยวหลาน กุ้ยหลินเมืองไทยแห่งนี้ ทริปนี้พวกเรามากัน 10 คน หลังจากที่พวกลงเครื่องที่สนามบินนานาชาติสุราษฎร์ธานีแล้ว พวกก็หาอะไรทานรองท้องกันที่สนามบินเสร็จ บางคนก็หากาแฟดื่ม บางคนก็เดินชมแถว ๆ นั้นตามอัธยาศัย จนถึงเวลานัดหมายทุกคนก็พร้อมกันที่รถตู้ที่เราเช่าไว้ เพื่อเดินทางต่อไปที่เขื่อนเชี่ยวหลานต่อ ระยะทางจากสนามบินนานาชาติสุราษฎร์ธานี ไปยังเขื่อนเชี่ยวหลาน ก็ประมาณ 65 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณชั่วโมงหนึ่งก็ถือว่าไม่นานนัก เมื่อพวกเราเดินทางมาถึงจุดที่ขึ้นเรือ ซึ่งเรือเราได้ติดต่อเช่าเรือนำเที่ยวไว้ล่วงหน้าก่อนที่เราจะเดินมาถึงแล้ว เมื่อมาถึงเราก็ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ของทางบริการเรือเช่าได้เลย ทางเจ้าหน้าที่ของบริการเรือเช่าก็ จัดแจง ชุดชูชีพ พร้อมบอกถึงวิธีการปฏิบัติตัวระหว่างล่องเรือ โดยจัดเรือให้ทางคณะเรา 2 ลำ ลำหนึ่งนั่งได้ 5 คน ซึ่งระหว่างที่รอเรืออยู่นั้น บรรยากาศตรงจุดที่เราขึ้นเรือก็มากมายไปด้วยนักท่องเที่ยว ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จากที่มองก็จะเป็นชาวไต้หวัน ชาวจีน เกาหลี และชาวยุโรป ส่วนคนไทยก็มีพอประมาณเหมือนกันแต่ก็ไม่มากนัก หลังจากได้เวลาขึ้นเรือแล้ว ทางเจ้าหน้าที่เรียกพวกเราขึ้นเรือพร้อมใส่ชุดชูชีพเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เริ่มเดินทางจากจุดท่าเรือก็ประมาณสาย ๆ น่าจะประมาณ เวลา 9.00 น. โดยประมาณได้ ภาพถ่ายโดย ครูชอวร์ กวีหลังบ้าน การเดินทางล่องเรือชมบรรยากาศ เขื่อนเชี่ยวหลาน กุ้ยหลินเมืองไทย เริ่มขึ้นแล้ว พลขับเรือขับเรือไปอย่างช้า ๆ ปล่อยให้เรือล่องตามลำน้ำของเขื่อน ก็เพื่อให้พวกเราได้ชมบรรยากาศโดยรอบระหว่างทาง จากจุดเริ่มต้นที่ท่าเรือผืนน้ำยังเป็นน้ำน้ำใสธรรมดาอยู่ซึ่งยังไม่เป็นสีเขียวมรกตเท่าไหร่ แต่พอเรือแล่นไปสักระยะหนึ่งพวกเราก็ได้เจอบรรยากาศที่เหมือนสวรรค์บนดินชัด ๆ ภูเขาสูงชันสองฝั่งซ้าย ขวา เบื้องหน้า และเบื้องหลัง เพราะลำน้าที่เรือแล่นมีแบบทางตรงและทางคดเคี้ยวสลับกันไป อากาศเริ่มเย็นลงอย่างเห็นได้ชัดถึงแม้ว่าจะเป็นเวลากลางวัน มีสายลมเย็น ๆ ที่ปนกับไอน้ำหรือละอองน้ำที่ลมพัดมาประทะใบหน้าของเราระหว่างที่เรือกำลังแล่นเบา ๆ ตามลำน้ำ พอถึงช่วงนี้ผืนน้ำที่ใสก็เป็นเปลี่ยนเป็นสีเขียวมรกตแบบว่ามองสุดสายตาเลยก็ว่าได้ และสลับกับทั้งสองฝั่งทั้งด้านหน้าด้านซ้ายและด้านขวามีเป็นภูเขาหินที่สูงราวตึก 7-8 ชั้น เขาบางลูกมีต้นไม้แซมอยู่ยอดเขา เขาบางลูกก็หนาแน่นไปด้วยต้นไม้เขียวขจี ระหว่างที่เรือพวกเราแล่นไปนั้น ก็จะมีเรือนักท่องเที่ยวบางลำ ทั้งลำเล็ก ลำใหญ่ ทั้งแล่นสวนทางมา และไปทางเดียวกับเราแต่ก็มีเพียงไม่กี่ลำ ในระหว่างทางที่เราเดินทาง เรือก็แล่นไปแบบช้า ๆ สลับเร็วบ้างเป็นบางช่วง พวกเราก็เก็บภาพบรรยากาศระหว่างทางซ้ายขวาตลอดการเดินทาง โดยเฉพาะบรรยากาศตอนที่เรือวิ่งสวนทางมา เมื่อเรือที่วิ่งผ่านปะทะผิวน้ำก็จะมีฟองน้ำแตกกระจายซึ่งสวยงามยิ่งนัก ทำให้เราได้เก็บภาพบรรยากาศที่สวยงามตลอดทางจริง ๆ ภาพถ่ายโดย ครูชอวร์ กวีหลังบ้าน ภาพถ่ายโดย ครูชอวร์ กวีหลังบ้าน เมื่อถึงจุดสำคัญแต่ละจุดคนขับเรือก็จะจอดให้เราถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เช่น เขาสามเกลอ เป็นเขาหินเล็ก ๆ ที่โผล่พ้นน้ำมาสามยอดซึ่งสวยงามและสดุดตาเป็นอย่างมาก ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่เรือจะจอดนักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปกัน ขณะที่เรือก็ยังล่องไปอย่างช้า ๆไปเรื่อย ๆ ต่อพวกเราดื่มด่ำกับบรรยากาศ และเก็บรูปถ่ายต่อไป พร้อมกับฟังพลขับผู้นำทางพวกเราเล่าเรื่องราวที่มาที่ไปของเขื่อนเชี่ยวหลานแห่งนี้ว่า เขื่อนเชี่ยวหลาน ตั้งอยู่บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีพื้นที่ครอบคลุมกว้างขวางตั้งแต่บริเวณเทือกเขาในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี จนไปถึงพื้นที่อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ซึ่งแต่เดิมนั้นสถานที่แห่งนี้นั้น เป็นพื้นที่ป่าเขา และต่อมาการไฟฟ้าฝ่ายผลิตได้สร้างเขื่อนเชี่ยวหลานนี้ขึ้นมา เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าดังกล่าวข้างต้น ซึ่งทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่กลายเป็นเขื่อนเก็บน้ำขนาดใหญ่ผิวน้ำสีเขียวมรกตมองไปไกลจนสุดลูกหูลูกตากันเลยทีเดียว และอยู่ในพื้นที่การดูแลของอุทยานแห่งชาติเขาสก เขื่อนเชี่ยวหลานเป็นสถานที่ที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นและสวยงามที่สุดของอุทยานแห่งชาติเขาสก ของภาคใต้ และของประเทศไทยของเรา ภาพถ่ายโดย ครูชอวร์ กวีหลังบ้าน หลังจากเราใช้เวลาในการเดินทางมาระยะหนึ่ง จากที่เราออกจากท่าเรือ เวลา 9.00 น. พวกเราก็เดินทางถึงที่พักแพกลางน้ำ ชื่อ ภูผาวารี ในเวลาประมาณ 14.00 น. ซึ่งเราได้จองที่พักกลางน้ำไว้แล้วก่อนเดินทางมา พอเราไปถึงที่พัก ทางแพภูผาวารี ก็ได้จัดเตรียมที่พักอะไรให้เรียบร้อยพร้อมกับอาหารมื้อเที่ยง เที่ยงนี้พวกเราจึงทานอาหารเที่ยงที่แพริมน้ำที่นี่ บรรยากาศแพภูผาวารีเป็นแพริมน้ำที่สวยงามสงบเงียบจะได้ยินก็เสียงนก กับเสียงคลื่น เวลาที่ลมพัดกระแสน้ำกระทบฝั่งเท่านั้น บรรยากาศช่างสวยงามและสุดยอดเหมือนสวรรค์บนดินจริง ๆ สมแล้วกับชื่อที่ว่า กุ้ยหลินเมืองไทย พวกเราจองที่พักที่นี่ 2 คืน หลังจากพวกเราทานข้าวเที่ยงอิ่มหนำสำราญแล้ว ก็ได้จัดกระเป๋าเสื้อผ้าเข้าห้องพัก เมื่อจัดเตรียมเสื้อผ้าอะไรเรียบร้อยเสร็จแล้ว พวกเราก็พากันมาเล่นน้ำตรงหลังที่พักของเรานี่แหละ ซึ่งเป็นผืนน้ำในบริเวณเขื่อนเชี่ยวหลานนั่นเอง ซึ่งทางเรือทางรีสอร์ทก็จะมีเรือพายให้เราเช่าในลำหนึ่ง 150 บาท ซึ่งบางคนที่เหนื่อยล้าก็ไม่ได้เช่าและไม่ได้ลงเล่นน้ำ แต่จะนั่งลงริมแพเพื่อชมบรรยากาศและชมเพื่อน ๆ พายเรือและเล่นน้ำกัน ภาพถ่ายโดย ครูชอวร์ กวีหลังบ้าน หลังจากพายเรือ เล่นน้ำ ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง พวกเรามีนัดต่อ เพราะทางรีสอร์ทจะพาเราล่องเรือไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย พลขับเรือบอกอย่างนั้น ซึ่งนั่งเรือไปประมาณครึ่งชั่วโมงจนถึงจุดที่พระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามที่สุด แต่ด้วยเย็นวันนั้น ด้วยความโชคไม่ดี หรือโชคไม่เข้าข้าง เพราะมีฟ้าครึ้มและฝนตกพรำ ๆ ทำให้เราไม่ได้เห็นบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามในเย็นวันนั้น แต่ก็ไม่เป็นไรเราก็ได้ชมวิวบรรยากาศในยามค่ำขณะล่องเรือกลับแพที่พักซึ่งก็สวยงามไม่แพ้กัน และเย็นวันนั้นพวกเราก็ได้นั่งทานข้าวบนแพ ชมบรรยากาศยามค่ำซึ่งก็สวยงามยิ่งนัก พวกเรานอนอยู่นี่ 2 คืน แล้วเดินทางกลับระหว่างเดินทางกลับบรรยากาศก็ยังสวยงามเหมือนตอนที่เรามาเช่นกัน ภาพถ่ายโดย ครูชอวร์ กวีหลังบ้าน ซึ่งต้องขอบอกเพื่อน ๆ ว่า ทริปนี้ เป็นทริปที่สุดยอดและประทับใจสุด ๆ ทริปหนึ่ง สำหรับเพื่อน ๆ ที่จะมาเที่ยวในที่แห่งนี้ เพื่อน ๆ สามารถเลือกที่จะพักค้างคืนเหมือนทริปของผมก็ได้ หรือเพื่อน ๆ จะมาเที่ยวแบบมาเช้าแล้วล่องชมบรรยากาศถ่ายรูปเก็บบรรยากาศ และช่วงบ่าย ๆ หรือช่วงเย็น กลับขึ้นมาพักที่โรงแรม หรือรีสอร์ท ที่บนฝั่งก็ได้เช่นกัน แต่ขอแนะนำถ้าเพื่อนจะมาก็ควรจะหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตก่อนว่าควรจะเช่าเรือ หรือว่าจะค้างคืนแพที่ไหนกันดี คือควรทำการบ้านศึกษาเส้นทางกันก่อนเดินทางก็จะดียิ่งครับ แล้วผมจะมาเล่าประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ประทับใจแห่งอื่น ๆ ให้เพื่อนฟังอีกนะครับ ภาพถ่ายโดย ครูชอวร์ กวีหลังบ้าน/ทุกภาพ