เริ่มต้นจากที่ป้าเอ่ยว่าอยากไปเที่ยวเชี่ยวหลานตั้งแต่ที่ป้าเกษียณจากการทำงานแรกๆ จนตอนนี้ปาเข้าไปเกือบจะ 2 ปีได้ พวกเราเลยจัดให้โดยครั้งนี้เราใช้บริการของพรฤทธิ์ทัวร์เป็นแพ็กเกจ เรือรับส่ง, ชมกุ้ยหลิน, เดินป่า, ส่องถ้ำปะการังและที่พักที่ "แพคีรีธารา" เริ่มออกจากดอนเมืองตั้งแต่ 6 โมงบินกับนกแอร์เครื่องใหม่ไม่ดีเลย์ ส่งเราถึงสนามบินสุราษฎร์ธานีอย่างตรงเวลาเราเลือกใช้บริการรถ Van Service ของพันธ์ทิพย์รถวิ่งฉิววิ่งไวจนถึงเขื่อนอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่เท่าใจเราที่ไปรอตั้งแต่เมื่อวานระหว่างรอเรือก็หาของกินสะหน่อยหมูปิ้งอร๊อยยอร่อยหรือหิวก็ไม่รู้จัดกันคนละ 2 ไม้ มีน้องหมาดำมาทำตาเว้าวอนเลยสละให้นางไปไม้นึง พออิ่มแล้วก็นั่งเมาท์เตรียมตัวลงเรือระหว่างนั้นก็มีผู้หญิงคนนึงมายืนมองพวกเราเหมือนราวกับว่ารู้จักกันมานาน สรุปว่าเรามากับเซเลปนิ่นาลืมไปเพื่อนป้านี่เอง เมาท์กันจนได้เวลาลงเรือพี่คนขับเรือจะเป็นผู้ดูแลเราตลอดทริปนี้ "พี่ไข่ 7 in 1" คือทำทุกอย่างตั้งแต่ขับเรือ, ยกกระเป๋า, พาเดินป่า, พาเดินถ้ำ, พาชมธรรมชาติตอนเช้า, เรียกกินข้าวเรียกว่าดูแลเราตลอดทั้งทริปนี้เลย ตอนที่เราลงเรือมีผู้ร่วมทริปกับเราอีก 2 คน น่ารักเรียบร้อยมากซึ่งต่างกับลิงค่างอย่างพวกเราคุยไปคุยมาเอ้า!!! บ้านแถวเดียวกันเดียวกันด้วยเค้าซื้อทัวร์จากงานไทยเที่ยวไทยมาคนละ 2,000 คือคุ้มมากกกก!!! เริ่มจากพี่ไข่พาเราล่องเรือจากเขื่อนรัชประภา ชมธรรมชาติสองข้างทางตามหาเขาสามเกลอ ซึ่งเราพยามยามมากในการหาเขาที่มี 3 ลูกน้อยๆเรียงกันตามแบบที่ Pantip เค้ารีวิว ผ่านด้านหน้าเจอ 4 ลูกเถียงกันใหญ่ใช่มั้ยๆ พอเลี้ยวไปพี่ไข่ดับเครื่องแล้วบอกว่านี่ล่ะ "เขาสามเกลอ" มีความสงสัยทำไม 3 อ่ะก็จริงๆมันมีตั้ง 4 ลูก5555+++ ถ่ายรูปมุมยอดฮิตกันเสร็จเราก็ไปทานข้าวเที่ยงที่แพรนางไพรพร้อมให้อาหารปลากระแห ซึ่งเป็นปลาหางแดงที่มีความไวสูงกว่าแสง เราโยนอาหารให้ (เมล็ดข้าวโพดแห้ง) ขนาดโยนคนละทิศมันก็ยังสามารถกลับมากินได้คือไวมากแล้วเปลี่ยนทิศกันเป็นฝูงมีความเป็นระเบียบมาก ตัวไหนกินแล้วก็เอาตัวออกไปให้ตัวอื่นกินบ้าง ที่แพเราก็มีนะงานนี้แกล้งปลากันสนุกไปเลยปลาเหนื่อยอ่ะ 5555++ ต่อไปเดินป่า-ส่องถ้ำปะการังเห้ออออ....แค่จะพิมพ์บรรยายก็นึกถึงความเหนื่อยที่ผ่านมาแล้วอ่ะ หลังจากลงเรือไปที่ตีนเขาตรงนั้นมีร้านขายของชำร้านเล็ก ๆ อยู่ 2-3 ร้านก็จะขายพวกน้ำ ขนม รองเท้าแตะ คุณลุงเจ้าของร้านบอกว่า "เอาไม้ค้ำไปด้วยอันนี้ฟรีแค่เอามาคืนลุงก็พอ" (อยากบอกว่านี่คือ Item ที่จำเป็นและต้องมี คือใช้ประโยชน์ได้จริง ๆ นะ ตอนแรกเดินขึ้นกัน 4 คนแต่พอเดินไป 10 ก้าวเท่านั้นล่ะ กี้กับยายเละบอกว่าขอรอข้างล่างนะ เราก็ถามป้านะว่าป้าไหวหรือป่าว อือหือออ...ป้านี่สู้ตายมากมีความอยากปีนป่าย โอเคงั้นลุยกันเดินแรกๆ ก็ดีนะพอไปเจอช่วงดินแฉะนี่แบบอ๋อยย....กลับตัวทันมั้ย แต่ไม่ทันแล้วจริง ๆ มาเกือบจะครึ่งทางแล้ว พี่ไข่ก็ดูแลแนะนำเราอย่างดี กลั๊ววกลัวว่าป้าจะลื่น ก็นะรองเท้าแตะรัดส้นทั้งคู่ เพื่อนร่วมทริปเราก็น่ารักนะช่วยกันดูแลกันและกันตลอดทางเผลอแปปเดียวป้าเดินนำแล้วมีความฟิตเหมือนตอนอายุ 30 สินะ 5555+++ เส้นทางเราคือเดินทางข้ามเขา 1 ลูกเพื่อลงไปต่อแพไม้ไผ่พอเราเห็นปลายแสงเท่านั้นละโอ้ยดีใจเป็นที่สุดคงเป็นเพราะความเหนื่อยจากการฝ่าฟันอุปสรรคตลอดทาง มาทางไกลไม่เท่าไหร่แต่แฉะกับชันนี่ล่ะเล่นเอาเหนื่อยเลย พอเราขึ้นแพไม้ไผ่เท่านั่นล่ะ มันรู้สึกสบายยย....เหมือนหายเหนื่อยไปเลย ก็เพราะธรรมชาติ 2 ข้างทางนี่ล่ะ เหมือนราวกับว่าเราโดนโอบด้วยภูเขาตลอดทางสีเขียวของภูเขา-สายน้ำสีมรกตบวกกับกลิ่นอายของธรรมชาติ 100% แค่หายใจเข้าก็มีความสุขแล้ว มันเหมือนเราลำบากมาเพื่อเจอความสวยงามจริง ๆ พอเราถึงถ้ำก็มีปีนป่ายนิดหน่อยแต่อันนี้ก็มีทางให้ปีนนะแต่ไม่ลำบากมาก พี่ไข่บอกว่านี่คือ “ถ้ำปะการัง” ที่ได้ชื่อนี้เพราะหินข้างในมันงอกและย้อยเหมือนปะการังใต้ทะเลเวลาเราเข้าไปมันจะเหมือนได้ชมใต้ทะเล (มโนไปว่าเป็นเจ้าหญิงแอเรียล อิอิ) ซึ่งมันก็จริงนะสิ่งที่ชอบสุดคือหินที่งอกและย้อยลงมาพร้อมแร่ซิกก้า มันมีความวิ้งความอลังการเป็นที่สุด พี่ไข่บอกว่าในถ้ำนี้มีเจ้าของถ้ำซึ่งมีที่สำหรับเค้าจริง ๆ เป็นทางขึ้นและโพรงเข้าด้านในเป็นลานกว้างซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้นำพระพุทธรูปไปวางไว้ในนั้น หลังจากพี่ไข่พาเราชมถ้ำเสร็จก็พาเรากลับ "ทางเดิม" (ไฮท์ไลท์บวกดอกจันล้านแปด!!!) คืออออ...พี่คะเอาเรือวนมารับหนูเลยได้มั้ย 5555++ มีความงอแง แต่ขากลับเหมือนจะเร็วกว่าขาไปนะไม่รู้นะแต่หันมาอีกทีป้าก็เดินนำไกด์ไปสะแล้ว หึ ๆ โสภาสะอย่างพิชิตเขามา 1 ลูกแล้วนะจ๊ะ ลงมาเจอ 2 สาวพร้อมฝนปรอย ๆ สิ่งที่เรารอคอยคือ "เล่นน้ำหน้าบ้าน" นั่งเรือนานพอสมควรเพราะจริง ๆ แพเราใกล้เขื่อนมาก แต่ด้วยแพ็กเกจที่เราได้มีการเดินป่าชมถ้ำ เราเลยต้องมากันไกลสะหน่อย นั่งใส่เสื้อกันฝนโต้ลมฝนกันไปสักพัก ป้าที่ร้านของชำบอกกี้กับยายเละว่า "เนี่ยแพคีรีธาราอ่ะ ถ้าเจอเขากลางน้ำเลี้ยวไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว" เดี๋ยวนะคะป้า! เขาลูกไหนหรอคะ คือเขากลางน้ำเยอะมากกกกก!! นั่งหลับไปสามตื่นจน เจอแพหลังคาสีขาวโอ้ววว..ถึงแล้วเย้ ๆ มาพร้อมกับฝนโปรยปราย ฝนไม่กลัว กลัวไม่ได้เล่น จัดเลยค่ะโดดมันลงทั้งชูชีพเลย พอโดดลงไปมันรู้สึกเสียวขานะ น้ำมันใสมากกก นิ่ง ๆ ด้วยลงคนเดียวด้วยกลัวปลาตอด ได้ยินเสียงอะไรก็ไม่รู้ (จริง ๆ มันคือเสียงน้ำกระทบเรือแคนนู) รีบกระโดดขึ้นแพอย่างไว จุดนั้นมโนไปไกล เคยดูหนังอะไรมาก็เอามาผสมปนเปไปหมด Jaws, Piranha 3D, Anaconda, ไกรทองโอ้ยมาเต็ม!!! นี่จะมากันทั้งป่าอเมซอนมั้ย??? พอได้เพื่อนลงเท่านั้นล่ะ ความกลัวก็หายไป พวกเราเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานป้านี่ฉีดสเปรย์รัว ๆ พร้อมท่าฤาษีดัดตน 180 กระบวนท่า ส่วนยายเละนางอยากเล่นเรือแคนนูเลยจัดไป นางเลือกลงเรือด้วยท่ายากขานึงอยู่บนบันไดขานึงอยู่ในเรือผ่าง!!! ตู้มมมมม!! ตกน้ำค่ะ 5555++ ลงท่ายากสะงั้น นางพายวนไป 2-3 รอบทำให้ป้าอยากเล่นด้วย (หายปวดเมื่อยแล้วใช่มั้ย) ป้ารีเควสเรือสีเขียวของคนข้างบ้าน เหตุผลคือ ถ่ายรูปจะได้สวย ๆ คือออ...ป้าคะหนูต้องว่ายไปแอบสอยของเค้ามาใช่มั้ย ก็ได้ค่ะ จัดไปตามใจป้านะ สรุปคือป้าพายกับยายเละส่วนเจ้าเรือสีเขียวก็กลายเป็นภาระของเรา 2 คน 55555+++ พวกเราพายไปค่อนข้างไกลนะได้วิวกุ้ยหลินด้วย ชมธรรมชาติบนเรือแคนนูคือดีงาม แต่จะดีงามกว่านี้ถ้าไม่ต้องพาย 555++ ในใจเรายังคงกลัวกับจระเข้น้ำจืด หรือสัตว์ร้ายใต้น้ำทั้งหลาย แต่กี้ปลอบใจว่า “ไม่ต้องกลัวนะ มันมีขอนไม้กั้นอยู่เห็นมั้ย มันเข้ามาไม่ได้หรอก” หรอกี้??? 5555++ สบายใจล่ะ เล่นกันสนุกไปเลย มีความโวกเวกโวยวายรีสอร์ทแตกมากจริง ๆ ทั้งแพนี้มีเราแค่ 2 กรุ๊ปมั้ง??? เห็นแค่นี้จริง ๆ สนุกกันเพลินจนบ่างค่างชะนีในป่าดงพงไพรเพลียกันไปเลย หลังจากนั้นก็ได้เวลาอาหารเย็นที่เรารอคอย กินกันแบบจัดเต็ม (อาหารบางอย่างเติมได้ไม่อั้น) ส่วนเรื่องการใช้ไฟในห้องเราไม่มีปลั๊กนะ เราต้องมาเสียบกันที่ร้านอาหารของแพนี่ล่ะ มีปลั๊กไฟเป็น Tower ให้เราเติมเต็มพลังงานโทรศัพท์ของเราได้ หลังจากเหนื่อยมาทั้งวันก็ได้เวลานอน คือจำเป็นต้องนอนเพราะสัญญาณโทรศัพท์ที่ตามเรามาได้นั้นมีแค่ Dtac แต่มาแบบชีวิตจะตายนะคะ คือมีแค่ 1 ขีด และเป็น E อันน้อยนิด เล่นแบบห้ามขยับตัวเดี๋ยวสัญญาณหาย ถึงแม้จะมีแค่นี้แต่ก็ยังปล่อย Hotspot ให้สองนางได้เข้าโลก Social นะ ส่วนป้าหรอ....ฉีดสเปรย์รัวกว่าเก่าพร้อมฤาษีดัดตนทั้งคืน 5555+++ เตรียมพร้อมสำหรับพรุ่งนี้พี่ไข่บอกว่าเดี๋ยว 6 โมงเช้าจะพาวนเกาะ ชมความงามธรรมชาติยามเช้า (ในความคิดเราหนูขอนอนตายป้าไปกันเถอะ) แต่เอาจริง ๆ ยอมตื่นในนาทีสุดท้ายนะ ล้างหน้าเสร็จกระโดดลงเรือเลยมีความหน้าสดกันทั้งลำ พี่ไข่คงคิดว่า นี่คือกลุ่มคนเดียวกันกับเมื่อวานมั้ยนะ 5555++ บรรยากาศการวนเกาะยามเช้า มันคือคุ้มค่ามากกับการที่ตื่นมาได้ชมความงามแบบนี้ อากาศยามเช้ามันน่าสูดดมแบบนี้นี่เองมองไปข้างหน้าโอ้วววนี่มันยังกับภูเขาในหนังจีนเลย (((กี้!!ขอเพลง))) นางร้องได้มีความเป๊ะทั้งจังหวะและทำนอง 555++ **โต่จี่โจยซันโปวโกซือเหม่ซืนโกว เหม่งหวั่นโจยหลานซิวง้ำชีฉี่โหม่วโหลว............ ** คือถ้าใครเกิดทันหนังจีนกำลังภายในช่อง 3 มันคือแบบนั้นเลย ภูเขาที่เต็มไปด้วยเมฆที่ปกคลุมบาง ๆ เป็นทิวตลอดทาง (เราอยู่บนน้ำซึ่งมีความสูงเหนือพื้นดินมาก ๆ ทำให้เรารู้สึกว่าเมฆมันต่ำจัง แต่จริง ๆ คือเรานอนบนน้ำที่สูงมากต่างหาก) นี่คงเป็นเหตุผลที่ได้รับฉายาว่า “กุ้ยหลินเมืองไทย” บรรยากาศสองข้างทางเหมือนล่องป่าอเมซอนเราแล่นเรือกันบนน้ำสีมรกตสวยมาก สวยจนคิดว่านี่เป็นน้ำปลอมหรือเปล่าเนี่ย?? ทริปนี้สนุกมากได้พาป้าจ๋ามาเที่ยว และเพิ่มสีสันให้กับทริปของเรา เขื่อนเชี่ยวหลาน ได้ถูกฝังอยู่ในความทรงจำลึก ๆ ของพวกเราไปสะแล้ว ทั้งบรรยากาศของธรรมชาติ และความสุขกับคนที่เรารัก ถ้าใครได้ลองมารับรองว่าต้องประทับใจไม่รู้ลืมแน่นอนค่ะ