วันหยุดหลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการทำสวน พี่น้องเกษตรกรชาวสวนแถบจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่มีพื้นที่ติดต่อกับจังหวัดกระบี่ จะนัดหมายรวมตัวกัน นำไก่แจ้แข้งดำ ที่มีเสียงขันอันไพเราะและลักษณะรูปร่างไก่สวยงาม มุ่งหน้าไปสนามแข่งขันเสียงไก่ในสวนปาล์มตามที่ได้นัดหมายกันไว้ก่อน ไก่แจ้แข้งดำเป็นไก่ลูกผสมระหว่างไก่ป่าซึ่งอาศัยอยู่ในป่าที่มีรอยต่อกับสวนของชาวบ้านแล้วผสมพันธุ์กับไก่เตี้ยซึ่งเป็นไก่ที่ชาวบ้านได้เลี้ยงไว้ ลักษณะเด่น ขาทั้งสองข้างจะดำ จึงเป็นที่มาของไก่แจ้แข้งดำ จึงนับได้ว่าเป็นไก่พื้นบ้านของทางภาคใต้แถบจังหวัดกระบี่และจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นที่ชื่นชอบของชาวบ้านที่นิยมชอบเลี้ยงไก่กันทั่วไป ไก่ตัวผู้ เมื่อเจริญพันธุ์สมบูรณ์จะสู้ไก่ และมีลักษณะสง่างาม และมีเสียงขันที่ไพเราะ ไก่ที่มีลักษณะตามที่ต้องการก็จะมีราคาจากหลักร้อยเป็นหลักพัน ขณะที่เป็นลูกไก่ราคาจะประมาณตัวละ 100 ถึง 200 เมื่อเติบโตเต็มที่อาจสูงถึง 3,000 หรือ 5,000 บาทขึ้นอยู่กับความชื่นชอบ และความต้องการ จึงทำให้ชาวบ้านที่มีไก่ลักษณะดี เลี้ยงไก่แจ้แข้งดำเป็นอาชีพเสริมในชุมชนทำให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น คนที่มีไก่ลักษณะดี ไว้ในครอบครองก็จะเอามาอวดกันเอามาประชันกันเราจึงเห็นตามร้านกาแฟร้านน้ำชาจะมีการอุ้มไก่ไปโชว์กันแล้วก็มีการเปรียบเทียบพูดคุยกัน จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันประชันเสียงกันในชุมชนสืบทอดกันมา การแข่งขันเสียงขันไก่เป็นประเพณีพื้นบ้านของแต่ละชุมชน เป็นการอนุรักษ์ไก่แจ้พื้นบ้านภาคใต้ และส่งเสริมให้คนในชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น และสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนที่ชื่นชอบการเลี้ยงไก่ จะได้ห่างไกลจากการไปมั่วสุมหรือสุ่มเสี่ยงกับสิ่งไม่ดี ช่วงหน้าแล้งคือช่วงที่เหมาะสมในการแข่งขันเพราะดินฟ้า อากาศและสนามเกื้อกับการแข่งขัน สนามแข่งขันจะจัดในสวนปาล์มสวนยางเป็นส่วนมาก ในสนามจะมีราวไม้ไว้สำหรับให้ไก่ยืนเป็นแถวๆจำนวน 250 ถึง 300 บางสนามที่มีไก่มาเยอะๆก็อาจจะถึง 500 ราว แล้วเจ้าของไก่จะนำไก่ที่มีเชือกปลายด้านหนึ่งผูกขาแล้ว เอาไก่ไปยืนไว้บนราว ส่วนปลายเชือกอีกด้านหนึ่งก็ผูกไว้กับหลัก ตามหมายเลขให้ตรงกับที่ลงทะเบียนไว้ กติกามีว่าจะใช้เวลาแข่งขันทั้งหมด 4 ยกยกละ 1 นาทีแล้วนับจำนวนเสียงที่ไก่ขันหรือเรียกว่า"ดอก"เมื่อครบทั้ง 4 ยกแล้วเอาจำนวนดอกทั้งหมดมารวมกัน ตัวไหนได้จำนวนเสียงขันหรือดอกมากตัวนั้นจะชนะ หากคะแนนเสียงขันเท่ากันก็จะให้ตัวที่มีเสียงขันเท่ากันมาแข่งขันกันใหม่ เพื่อหาผู้ชนะเพียง 1 ตัว เมื่อกรรมการเริ่มจับเวลา บรรยากาศส่งเสียงกันคึกคัก เสียงกระตุ้นให้ไก่ของตัวเองขันให้ได้มากที่สุด ทั้งเด็กผู้ใหญ่เจ้าของไก่และคนมาเชียร์ก็ส่งเสียงแข่งขันกันอย่างสนุกสนาน และก็มีกรรมการคอยนับเสียงขันของไก่แต่ละตัว และก็มีรางวัลเล็กๆน้อยๆพร้อมกับถ้วยเกียรติยศให้กับไก่ที่เข้าร่วมแข่งขัน รางวัลไม่ใช่จุดมุ่งหมายหลัก ในการจัดการแข่งขัน เป็นเพียงเพื่อประชาสัมพันธ์ดึงดูดให้มีไก่เข้ามาแข่งขันให้มากที่สุดเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ของคนในชุมชน และเป็นประเพนีการร่วมสนุกสนานกัน รวมถึงอนุรักษ์ไก่พื้นเมือง คือ "ไก่แจ้แข้งดำ"ให้อยู่คู่กับชุมชนตลอดไป