อื่นๆ
ทำบุญครั้งใดอย่าลืม..กรวดน้ำ

ภาพโดย Washarapol Jundang จาก Pixabay
ภาพโดย engin akyurt จาก Pixabay
แม่ของดิฉันได้เสียชีวิตลงเมื่อปีพ.ศ.2547 ขณะนั้นท่านมีอายุได้ 59 ปี สาเหตุของการเสียชีวิตเนื่องด้วยท่านป่วยหลายโรค เช่น เบาหวาน ความดันโลหิต โรคหัวใจ และโรคไต
ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตก็เดินเข้าเดินออกโรงพยาบาลอยู่หลายปี ดิฉันอาศัยอยู่กรุงเทพฯ ส่วนท่านอยู่ที่ตรัง ดิฉันจึงไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมท่านสักเท่าไหร่ เพราะ ณ เวลานั้นลูกๆของดิฉันยังเล็กและอยู่ในวัยเรียน การจะได้ไปเยี่ยมท่านจึงเป็นแค่ช่วงวันหยุดปิดเทอมของเด็กๆเท่านั้น
ความที่เราอยู่ห่างกันและไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ไปเยี่ยมท่าน ดิฉันจึงต้องอาศัยการโทรคุยกับท่านเท่านั้น ได้ยินแค่เสียง ไม่ได้เห็นหน้ากันเหมือนสมัยนี้ที่ใช้การวิดีโอคอล สามารถพูดคุยและเห็นหน้ากันได้
ด้วยเหตุนี้ดิฉันทำได้ทางเดียวคือการทำบุญ สวดมนต์ภาวนาให้ท่านหายป่วย ทุกเช้าดิฉันจะชวนลูกชายคนโตซึ่งตอนนั้นอายุได้ประมาณ 14-15 ปี ไปใส่บาตรให้ท่านทุกเช้า ทำอยู่อย่างนี้เป็นประจำทุกวัน เป็นเวลานานเกือบ 2 ปี แล้ววันหนึ่งท่านก็เสียชีวิตลง
Advertisement
Advertisement
ภาพโดย carolynabooth จาก Pixabay
วันที่ท่านเสียชีวิตดิฉันและลูกๆไปไม่ทันรดน้ำศพท่าน ไปถึงท่านก็ถูกบรรจุอยู่ในโรงแล้ว ดิฉันกับน้องๆร่วมกันทำพิธีบำเพ็ญกุศลให้ท่าน เมื่อเสร็จพิธีก็จะคอยทำบุญเมื่อครบ 100 วันอีกครั้ง ดิฉันและลูกๆจึงกลับกรุงเทพฯมาเพื่อคอยเวลากลับไปทำบุญครบ 100 วันอีกครั้ง
เมื่อกลับมากรุงเทพฯดิฉันและลูกชายก็ยังคงใส่บาตรให้ท่านเช่นเดิมทุกวันไม่เคยขาด ดิฉันมีล๊อคขายอาหารอยู่ในศูนย์อาหารในห้างแห่งหนึ่งแถวงามวงค์วาน ในศูนย์อาหารช่วงห้างเปิดจนถึงเวลาเที่ยงวันจะมีลูกค้าคึกคักมาก ส่วนเวลาช่วงบ่ายๆผู้คนจะเริ่มบางตา จะมีลูกค้าเยอะอีกทีก็จะเป็นช่วงเย็นๆจนถึงค่ำๆ
เวลาบ่ายๆของทุกวัน ดิฉันก็จะใช้ช่วงเวลานี้จัดเตรียมของเพื่อพร้อมรับลูกค้าในช่วงเย็น ล๊อคของดิฉันจะอยู่ล๊อคสุดท้ายจึงไม่ค่อยมีคนเดินผ่านมากนัก เวลาบ่าย 2 โมงของวันหนึ่งดิฉันได้กลิ่นหอมของน้ำหอมกลิ่นแปลกๆ กลิ่นจะหอมเย็นๆ ไม่เชิงเป็นกลิ่นน้ำอบแต่มันหอมทันสมัยกว่าน้ำอบโบราณ แต่ก็ไม่ใช่กลิ่นหอมของน้ำหอมสมัยใหม่ที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบัน กลิ่นหอมอบอวลอยู่ในล๊อคของดิฉัน 
Advertisement
Advertisement
ภาพโดย Ulrich Dregler จาก Pixabay
เดินหาที่มาของกลิ่นก็ไม่พบ ตัวดิฉันไม่เคยใช้น้ำหอม มองออกไปหน้าร้านก็จะมีผู้คนนั่งกันประปรายอยู่ห่างออกไป ซึ่งถ้ามีใครใช้น้ำหอมกลิ่นก็ไม่สามารถโชยมาถึงร้านดิฉันได้แน่นอน เป็นอย่างนี้อยู่ 3 วัน ซึ่งทั้ง 3 วันนี้ดิฉันมั่นใจว่ากลิ่นน้ำหอมนั้นอบอวลอยู่เฉพาะในร้านของดิฉันแน่นอน และจะได้กลิ่นเมื่อเวลาบ่าย 2 โมงเท่านั้น
วันหนึ่งน้องสาวคนที่ 3 โทรมาถามดิฉันว่าเมื่อดิฉันได้ใส่บาตรให้แม่ ดิฉันได้กรวดน้ำหรือเปล่า ดิฉันตอบไปว่าไม่เคย เพราะเห็นว่าการใส่บาตรท่านคงได้รับแล้ว น้องสาวดิฉันจึงเล่าความฝันของเธอให้ฟัง ในความฝันดิฉันและน้องสาวยืนอยู่หน้าบ้าน และมองเห็นแม่ของดิฉันเดินโซซัดโซเซมาล้มลงที่หน้าบ้านตรงที่พวกเรายืนกันอยู่ ในฝันของเธอ ดิฉันประคองแม่ไว้ในอ้อมแขนและไม่ทันได้พูดอะไร แม่มองหน้าดิฉันแล้วก็หันไปพูดกับน้องสาว ว่าดิฉันให้แต่อาหารท่านทาน แต่ไม่เคยให้น้ำท่านดื่มเลย ท่านหิวน้ำมาก
Advertisement
Advertisement
ภาพโดย Washarapol Jundang จาก Pixabay
เมื่อน้องสาวเล่าความฝันของเธอจบ ดิฉันก็ถามกลับไปว่าตอนที่รดน้ำศพให้แม่ น้องๆใช้น้ำหอมอะไร น้องสาวตอบว่าเป็นน้ำอบไทยกลิ่นใหม่ จะหอมเย็นอ่อนๆ หอมกว่าน้ำอบแบบเก่า แต่กลิ่นก็ไม่ฉุนเหมือนน้ำหอมทั่วไป ดิฉันถามน้องถึงเวลาที่แม่เสีย น้องดิฉันตอบว่าบ่าย 2 โมงตรงคือเวลาที่ท่านจากไปอย่างสงบ
จากเหตการณ์ในครั้งนี้ทำให้ดิฉันได้ทราบว่า กลิ่นน้ำหอมที่อบอวลอยู่ในร้านตอนบ่าย 2 โมงของทุกวันคืนแม่ของดิฉันนั่นเอง
เมื่อไหร่ที่เราได้ทำบุญหรือใส่บาตรเราต้องกรวดน้ำด้วยเสมอ ก่อนนั้นดิฉันคิดแค่ว่าการทำบุญหรือใส่บาตรไม่จำเป็นต้องกรวดน้ำก็ได้ มันคือความเข้าใจผิดของดิฉันจริงๆ
หากเราทำบุญแต่เราไม่กรวดน้ำ การทำบุญนั้นๆจะเป็นการทำบุญที่ไม่บริบูรณ์นั่นเอง
ความคิดเห็น






