ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี หากใครมีโอกาสได้ไป อำเภอนาหมื่นศรี จังหวัดตรังในช่วงนั้น ก็จะพบเห็นลูกลมสีสันสวยส่งเสียงดังแข่งกันแบบไม่มีใครยอมแพ้ใครตั้งเรียงรายอยู่ตลอดสองแนวถนน ยิ่งลมแรงเท่าไรเสียงลูกลมก็ยิ่งดังมากขึ้นเท่านั้นช่วงปลายเดือนคือช่วงหลังจากที่ชาวบ้านเก็บเกี่ยวข้าวไปแล้วชาวบ้านจะจัด งานลูกลม หรือภาษาบ้าน ๆ เรียกว่า งานดอกลม ขึ้นมา ภาพโดยผู้เขียน ภาพโดยผู้เขียน สำหรับตำนานของลูกลมนี้ คนเก่าคนแก่ของอำเภอนาหมื่นศรีมักจะเล่าถึงที่มาของลูกลมนี้ว่า ในช่วงเวลาที่ข้าวกำลังสุกสวยสีเหลืองทองนั้น พระพายที่อยู่บนสวรรค์กลัวว่าเหล่านก ไก่ และอีกาจะมาจิกกินสร้างความเสียหายให้กับผลผลิต จึงได้บอกให้ ลูกลม ซึ่งเป็นลูกของพระองค์เองไปคอยไล่พวกนกเหล่านั้น ด้านลูกลมเองก็เกิดความขี้เกียจที่จะต้องไปคอยนั่งไล่ ด้วยความหัวใสจึงได้เอาเศษไม้ไผ่มาขัดไขว้กันไปมาเป็นกากบาท เพื่อที่ว่าเวลาโดนลมแล้วไม้ไผ่จะได้หมุนจนเกิดเสียงดัง พวกนกจะได้ตกใจและไม่เข้ามากินข้าวได้อีก ฝั่งพระพายมาเห็นเข้า ก็เห็นว่าความคิดของลูกนี่เข้าท่าดี จึงได้เอาไปบอกพระอินทร์ ฝ่ายพระอินทร์ก็เห็นดีเห็นงาม จึงได้บอกกับพระวิษณุว่าให้ช่วยเอาไปเผยแพร่ให้มนุษย์ได้รู้จัก นับแต่นั้นมามนุษย์ก็ได้รู้จัก ลูกลม (ตั้งชื่อตามคนทำ) ภาพโดยผู้เขียน ภาพโดยผู้เขียน กิจกรรมประเพณีลูกลมนี้ได้จัดขึ้นเป็นเวลายาวนานมาเกือบ 20 ปีแล้ว ในงานนอกจากลูกลมที่ชาวบ้านช่วยกันเอามาประดับประดาตามถนนแล้วนั้น ก็ยังมีการแข่งขันกิจกรรมพื้นเมืองต่าง ๆ อย่างหลากหลาย รวมถึงการแข่งขันลูกลมด้วย การแข่งขันครั้งนี้ผู้เข้าแข่งขัยเตรียมตัวกันมานาน เพราะจะต้องนำลูกลมที่ตัวเองทำขึ้นนั้นมาแข่งกับลูกลมของคนอื่น ๆ ว่าลูกลมของใครจะส่งเสียงดังกว่ากันยามเมื่อลูกลมต้องลม ในสมัยโบราณการทำลูกลม ใช้เพียงกระดาษและไม้เนื้ออ่อนเท่านั้น แต่เมื่อมาถึงยุคปัจจุบัน มีความทันสมัยของเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์การช่างแล้ว การทำลูกลมมักจะใช้ไม้ไผ่เป็นส่วนประกอบหลัก การแข่งขันลูกลมไม่เพียงแต่แข่งกันในเรื่องของเสียง แต่แข่งในเรื่องของตัวเครื่องประดับตกแต่งอีกด้วย ซึ่งความสวยงามของลูกลมก็ขึ้นอยู่กับความสร้างสรรค์ของผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนที่จะคิดค้นกันขึ้นมา ภาพโดยผู้เขียน ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป การสื่อสารของเทคโนโลยีทำให้ข่าวสารเข้าถึงคนทั่วไป ทำให้ประเพณีลูกลมเป็นที่รู้จักมากขึ้น ต่างจากเมื่อก่อนมากนักที่มักจะมีแค่คนท้องถิ่นหรือคนตรังมาเที่ยวเท่านั้น ช่วงสามสีปีมานี้ผู้เขียนเห็นว่านักท่องเที่ยวที่มางานลูกลมมีมากขึ้น แม้แต่คนจากต่างจังหวัดไกล ๆ ก็มาเที่ยวกัน รู้สึกดีใจไปกับชาวบ้านนาหมื่นศรี เพราะผู้เฒ่าผู้แก่แถวนี้ต่างก็บอกว่าดีใจที่ประเพณีลูกลมนี้ดังไปถึงที่อื่น เมื่อทุกคนหันมาสนใจประเพณีท้องถิ่น มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยรักษายืดอายุให้ประเพณีเหล่านี้ยังคงอยู่ ไม่หายไปตราบชั่วลูกชั่วหลาน *ภาพหน้าปกโดยผู้เขียน