ความเดิมจากตอนที่แล้ว เรานั่งรถสองแถวจากสายบุรีไปยะลา บรรยากาศในยะลาเช่นเดียวกับปัตตานีคือมีด่านเป็นระยะตามในเมือง แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปด่านเหล่านี้ไว้เลยเพราะไม่แน่ใจว่าถ่ายรูปได้มั้ย ส่วนที่เพิ่มเติมคือจะมีบังเกอร์หน้าร้านค้า และบางที่ก็วาดรูปสวยๆ ด้วยป้ายบอกทางในเมืองยะลามีถึง 4 ภาษาคือไทย อังกฤษ จีน และมลายูที่ใช้อักษรอาหรับ เมื่อพูดถึงยะลาหลายคนคงจะนึกถึงเบตงเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลัก เราพยายามค้นหาแหล่งท่องเที่ยวในอำเภอเมืองก็ไม่ค่อยได้ข้อมูล เราก็เลยแค่เดินสำรวจเมืองกับไปถ่ายรูปสตรีทอาร์ท ธีมของที่นี่คือ bird city รูปวาดส่วนใหญ่จะเป็นรูปนก สตรีทอาร์ทอยู่ที่ถนนนวลสกุล ไม่ไกลจากห้างโคลีเซี่ยม ยะลา ภาพ street art ในซอกซอยแถวถนนนวลสกุล เจ้าถิ่น 🐱 ในยะลา ที่นี่พอเห็นหมาจรบ้าง แต่ไม่เยอะมากเท่าที่ปัตตานี ที่เยอะเกินคาด แถมเจอเจ้าถิ่นประจำซอยเห่าสนั่นจนเล่นเอาเกือบเข้าห้องไม่ได้ ดีที่ได้น้องสาวคนสวยแว้นไปส่งที่หน้าตึก ต้องขอบคุณน้องจริงๆ มื้อเย็นวันนี้ตามลายแทงไปกินร้านธารา ซีฟู้ด เป็นร้านเก่าแก่ใกล้สถานีรถไฟหาดใหญ่ ช่วงเย็นที่ไปคนไม่เยอะมาก อาจจะเป็นเพราะมาเลเซียเริ่มปิดด่านแล้ว ทำให้นักท่องเที่ยวหายไป หอยแมลงภู่ชิลีผัดพริกเผาขีดละ 60 บาท แต่ต้องสั่งอย่างน้อย 2ขีด 120 ได้เยอะมากกว่าที่คาด รสชาติใช้ได้ ต้มยำทะเลปกติเราว่าไม่น่าจะใส่มะเขือเทศ รสชาติโดยรวมพอได้ติดเค็มไปนิดนึง แต่เครื่องทะเลและเห็ดเยอะมาก ชามนี้ก็ถือว่าคุ้มมากสำหรับราคา 120 บาท ข้าวผัดปูจานใหญ่มาก 50 บาท แต่ไม่ค่อยเจอปูเท่าไหร่ ก็พอเข้าใจได้กับราคานี้ เมื่อเทียบอาหารทะเลสดๆ กับราคาแล้วก็ถือว่าไม่แพงเลย ในยะละเราที่พักโรงแรมปาร์ควิว เป็นโรงแรมเก่าแต่ปรับปรุงใหม่เป็นบางอย่าง แอร์ใหม่ นอนแล้วหายใจได้ไม่มีฝุ่น ตอนเช้าก็เดินไปหาอะไรกินใกล้ๆ ที่พัก ไม่น่าเชื่อว่าตอนเช้าๆ ในหน้าร้อนที่ยะลาจะอากาศเย็นขนาดนี้ แถวที่พักมีร้านอาหารเช้าเปิดหลายร้าน หาของกินไม่ยาก ส่วนใหญ่จะเป็นแนวโจ๊กและติ่มซำ และยังมีร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ ด้วย ร้านกวางตุ้งติ่มซำ ร้านนี้นอกจากติ่มซำก็จะมีก๋วยจั๊บเครื่องในด้วย แต่เราไม่กินเครื่องในเลยสั่งมาแต่ติ่มซำ ติ่มซำเข่งละ 12 บาท อันที่หน้าตาเหมือนก๋วยเตี๋ยวหลอด เหมือนแป้งก๋วยเตี๋ยวธรรมดา ไม่อร่อยเลย ส่วนอันที่เหลือรสชาติพอได้ เราชอบติ่มซำหาดใหญ่หรือตรังมากกว่า ที่นี่ไม่มีจิ๊กโฉ่ว จิ้มซอสพริกเหมือนที่กระบี่ ส่วนตัวเราชอบแบบจิ๊กโฉ่วมากกว่า ส่วนชานมเข้มข้นหวานมัน 17 บาทอร่อยดี กินมื้อเช้าแล้ว เก็บของเดินไปสถานีรถไฟเพื่อหารถไปเบตง เพราะได้ข้อมูลว่าแชร์แท็กซี่จอดที่นี่ แต่พอไปถึงเห็นแต่แท็กซี่รุ่นเก่ามาก และไม่มีวี่แววว่าจะมีใครมาขึ้น ไม่รู้ว่าจะได้ไปเมื่อไหร่ เลยเดินสำรวจดู ก็มีสองแถวคันหนึ่งมาทัก เลยได้ความว่ารถแชร์แท็กซี่กับรถตู้ไม่ได้จอดที่สถานีรถไฟ และจอดคนละที่กัน เราเลยเลือกรถตู้ ไปถึงก็ซื้อตั๋วรอครึ่งชั่วโมง ก็ได้ขึ้นรถรอบสิบโมง ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง มีแวะพักหนึ่งจุด ตลอดทางร้อยโค้งสวยงามและตื่นตาตื่นใจมาก เราสามารถบอกรถตู้ได้ว่าจะลงที่ไหนในเบตง เราลงที่ไปรษณีย์เบตง เพราะที่พักอยู่ตรงข้ามเลย ลงรถตู้ก็จะเห็นตึกแถวอยู่ฝั่งตรงข้าม ชื่อ The Finn Hostel ที่พักเปิดใหม่และสะอาดในเบตง ใกล้หอนาฬิกาและร้านอาหาร เดินไปถ่ายรูปสตรีทอาร์ทก็ไม่ไกล ที่นี่เหมาะสำหรับแบ็กแพ็คเกอร์ที่ต้องการที่พักราคาถูกแต่ก็สะอาดด้วย ที่พักค่อนข้างอยู่สบายทีเดียว แต่สำหรับเราที่ต้องใช้คอมทำงานอาจจะไม่สะดวกนิดนึงเพราะในห้องไม่มีโต๊ะเก้าอี้เหมาะๆ กับการนั่งทำงาน กว่าจะมาถึงเบตงก็ผ่านไปครึ่งวันแล้ว เก็บของแล้วออกไปหามื้อเที่ยงและเดินเก็บสตรีทอาร์ทในเมืองสตรีทอาร์ทในเบตงมีหลายชุด ชุดล่าสุดเพิ่งวาดเมื่อต้นปี 2020 นี่เอง เราได้ลิงค์แผนที่มา แต่ในแผนที่หลายจุดไม่มีรูปตอนวาดเสร็จแล้ว เลยทำให้การหาบางรูปยากหน่อย รูปที่วาดใหม่นี้มี 27 รูป แถวๆ หอนาฬิกาและโรงแรมโมเดิร์นไทย (ลิงค์แผนที่ https://www.google.com/maps/d/viewer?mid=1U0BBjT2PIrGm7Kv0x4OaXqt28ZN4lc1R&ll=5.771216817271854%2C101.0734299910954&z=17)ระหว่างเดินเก็บสตรีทอาร์ท อากาศร้อนจัดมาก เลยแวะเข้าไปหลบร้อน กินโกโก้เย็นๆ ที่โรงแรมโมเดิร์นไทย แถวนี้มีสตรีทอาร์ทหลายรูปเลย ชมสตรีทอาร์ทยะลา-เบตงแล้ว ตอนหน้าจะพาเพื่อนๆ ไป one day trip แหล่งท่องเที่ยวในเบตงกัน **ภาพประกอบโดย food.travel.addict