เมืองเล็ก ๆ ที่ หลากหลายภาษา และวัฒนธรรมกับการผสมผสานที่ลงตัวของสังคม เบตง คือเมืองต้นแบบที่รัฐบาลกำลังส่งเสริม และพัฒนา คือ ส่วนหนึ่งของโครงการสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เมืองที่อุดมสมบูรณ์ ด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ และวัฒนธรรมการเป็นอยู่รวมกันของคนต่าง วัฒนธรรม ที่ผสมกลมกลืนได้อย่างลงตัว อีกเมืองหนึ่งที่มีผู้คนมาเยี่ยมเยียนจากที่ต่าง ๆ ทั้งไทยและต่างประเทศ และ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลกันมามากมาย หากโครงการก่อสร้างสนามบินนานาชาติ เบตง ที่มีกำหนดเปิดประมาณเดือนตุลาคมปี 63 จะเปิดให้บริการ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเยี่ยมอย่างสะดวกและรวดเร็วขึ้น และนี่คือโอกาสของประเทศไทย ที่จะได้แสดงถึงศักยภาพประเทศ ให้นักท่องเที่ยว ตัดสินใจเดินทาง มาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น ได้สัมผัส เมืองที่น่าอยู่ มากินมาเที่ยวมาจับจ่ายใช้สอย มาถึงเบตง เลือกที่พัก ได้ตามอัธยาศัยหรือจะเลือกที่พักใจกลางเมืองใกล้ ๆ หอนาฬิกา ที่มีร้านอาหารมากมายทั้ง อาหารไทย อาหารจีน อาหารแขก แบบมาเลเซีย เหมาะสำหรับที่จะออกไปเลือกลิ้มชิม อาหาร อร่อย ๆ ที่มีชื่อเสียงของเมืองเบตง เมื่อหาของกินจนอิ่มหน่ำสำราญ ต้องไม่พลาดออกไปสำรวจ เยี่ยมชมความสวยงามของบ้านเมืองที่มีมากมาย เมืองเบตงมีผู้คนอัธยาศัย ยิ้มแย้ม มีไมตรีกับแขกผู้มาเยือน ผู้คนใช้ชีวิตกันอย่างปกติ สถานที่แรกที่นำแนะ Landmark ของเบตงที่ต้องเช็คอินกันก่อนเลย "วงเวียนหอนาฬิกาคู่กับนกนางแอ่น" ที่นี่อาจจะเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเบตง เลยก็ได้ ตอนเย็น ๆ ใกล้ค่ำจะมีฝูงนกนางแอ่นหลายพันตัวบิน มาเกาะสายไฟรอบ ๆ หอนาฬิกา จึงเป็นที่มาของชื่อที่เรียกขานหอนาฬิกาแห่งนี้ ต่อด้วยอุโมงค์เบตง "มงคลฤทธิ์" อุโมงค์ลอดภูเขา ภายในอุโมงค์ ประดับประดาไปด้วย ไฟดวงเล็ก ๆ มากมายที่ออกแบบ สวยงามมาก ๆ ในยามค่ำคืนเหมาะสำหรับคนชอบถ่ายรูป ศาสนสถาน ที่งดงามตาม แบบศิลปะของแต่ละศาสนาที่มีให้เห็นกันทั่วไป สถานที่ที่มีประวัติศาสตร์อีกที่หนึ่งที่บอกเรื่องราวในอดีต "อุโมงค์ปิยะมิตร" อุโมงค์ที่สร้างขึ้นเมื่อปี 2520 ความยาว 1 กิโลเมตร อุโมงค์ที่ขุดด้วยแรงงานคน 50 คน ใช้เวลาขุดแค่ 3 เดือนก็แล้วเสร็จ เป็นฐานที่มั่นของพรรคคอมมิวนิสต์มาลายา ที่ข้ามพรมแดนซึ่งกั้นขวางไว้ด้วยภูเขา อีกฝากหนึ่งของประเทศมาเลเซีย เพื่อต่อต้านรัฐบาลของมาเลเซียในสมัยนั้น ข้างในอุโมงค์มีห้องมากมาย สำหรับทำงาน ห้องพักผ่อน ห้องสำหรับบันทึกและกระจายเสียงวิทยุ และทำกิจกรรมประจำวัน มีทางออกถึง 9 ทางออก มีเรื่องราวประวัติศาสตร์ให้เราน่าศึกษา อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 10 บาท ล้อมรอบด้วยธรรมชาติ ในอดีตผนังอุโมงค์เป็นดิน ปัจจุบัน ถูกแทนด้วยซีเมนต์ อย่างแข็ง แรง ซึ่งเป็นอีกที่หนึ่ง ทางออกอุโมงค์ มีต้นไทรยักษ์อายุ 1000 ปี ที่นักท่องเที่ยวมาเบตงไม่ควรพลาดมาเยี่ยมชม และมาที่ถึงนี่ เมืองท่ามกลางหุบเขาสูงที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติมีอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี จุดชวิมทะเลหมอก "อัยเยอร์เวง" จุดหมายของคนชื่นชอบธรรมชาติ สัมผัสกับอากาศเย็นสบายและชดชื่น มาเที่ยว เบตง ควรมีเวลาสัก 2-3 วัน จะได้มีเวลาเที่ยวได้ทั่ว เพราะยังสถานที่เที่ยวอีกหลายแห่งที่ให้ไปเยี่ยมไปชมกันครับ การเดินทาง มาได้เฉพาะรถยนต์ ส่วนในอนาคต เมื่อสนามบินเบตง เปิดให้บริการจะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ประหยัดเวลาการเดินทางลงได้ การเดินทางแบบแรก นั่งรถตู้หาดใหญ่-เบตง ผ่านทางตัวเมืองยะลา - เบตง ใช้เวลาประมาณ 4.30 ชั่วโมง ค่าโดยสารคนละ 230 บาท แบบที่ 2 นั่งรถตู้หาดใหญ่ - มาเลเซีย- เบตง นั่งรถตู้จากหาดใหญ่ผ่านทางชายแดนที่ด่านประกอบเข้าประเทศมาเลเซีย แล้วข้ามชายแดนมาฝั่งไทย ที่ชายแดน อ.เบตง ใช้เวลา 4 ชั่วโมงราคา 400 บาท จำเป็นจะต้องพกหนังสือเดินทางติดตัวไปด้วย เบตงเมืองใต้สุดสยามท่ามกลางธรรมชาติ เมืองบนยอดดอยสูงที่มีอากาศดีตลอดทั้งปีอีกสถานที่หนึ่งที่จะต้องมาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง ณ โอเค เบตง