เพราะสาวๆ กับน้ำหอมเป็นของคู่กัน! แต่รู้ไหม น้ำหอมไม่ได้มีแค่กลิ่นดอกไม้เท่านั้นหรอกนะ ดังนั้นมาทำความรู้จักกลิ่นหลักประเภทต่างๆ ของน้ำหอมกันเถอะ 1. กลิ่นซีตรัส (Citrus) น้ำหอมกลิ่นนี้จะผสมขึ้นจากกลิ่นของผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ให้อารมณ์สดชื่นกะปรี้กะเปร่า มักจะใช้ใส่ตอนที่ออกไปกินบรันช์กับคนพิเศษ ใส่ไปเดินเล่นในเมือง หรือไปทำกิจกรรมที่มีความสนุกสนานอย่างปั่นจักรยานชมเมือง น้ำหอมที่มีกลิ่นซีตรัสเป็นกลิ่นหลัก เช่น Clinique Happy, Burberry Weekend for Women, Cartier Eau de Cartier for Women, Jo Malone Grapefruit, Calvin Klein CK One, The Gap Close. 2. กลิ่นดอกไม้ (Floral) เป็นกลิ่นหวานๆ โรแมนติก ให้ความรู้สึกถึงความเป็นผู้หญิ๊งผู้หญิงมากที่สุดในบรรดากลิ่นน้ำหอม กลิ่นดอกไม้มักผสมกันระหว่างดอกไม้หลายๆ ชนิด เพื่อให้เกิดกลิ่นผู้หญิงแบบคลาสสิคๆ กลิ่นนี้จะโชว์ด้านหวานๆ ของคนใส่ สาวๆ สามารถใช้ใส่ไปพบครอบครัวของแฟน ไปโบสถ์ หรืองานแต่ง ตัวอย่างน้ำหอมที่มีกลิ่นดอกไม้เป็นกลิ่นหลัก เช่น Chanel No 5, Karl Lagerfeld Chloe, Lancome Trésor และ Anna Sui. 3. กลิ่นผลไม้ (Fruity) เหมือนกับเชียร์หลีดเดอร์เปรี้ยวซ่า ให้ความรู้สึกถึงความสดชื่นและแสบนิดๆ น้ำหอมกลิ่นนี้มักมีกลิ่นของแอปเปิ้ล พีช เบอร์รี่ มะม่วง หรือผลไม้เปรี้ยวๆ และมักจะผสมผสานด้วยกลิ่นดอกไม้ให้กลิ่นอ่อนลง เป็นกลิ่นน่ารักๆ ที่เหมาะกับการใส่ไปดูหนังกินข้าวที่เป็นเดทแรก หรือใช้ฉีดได้ทั่วๆ ไป น้ำหอมกลิ่นนี้ เช่น Liz Claiborne by Liz Claiborne, Avon Fire Me Up, Harajuku Lovers Lil' Angel, Ralph Lauren Ralph Wild, Marc Jacobs Splash: Apple 2010, Victoria's Secret Very Sexy Now 2010. 4. กลิ่นกรีน (Green) ให้กลิ่นสดชื่นๆ ของใบไม้และหญ้าที่เพิ่งตัดใหม่ เป็นกลิ่นที่ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติและเปี่ยมพลัง ใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เหมาะจะใช้ในช่วงเวลากลางวัน ในวาระที่ไม่เป็นทางการนัก เช่นการพบปะกันข้างนอก ใส่ไปเชียร์ฟุตบอลทีมโปรด หรือตีกอล์ฝ และเดินทอดน่องในตลาดกับเพื่อนๆ กลิ่นนี้ เช่น Chanel No. 19, Ralph Lauren Safari, Escada Sport Country Weekend, Sung Alfred Sung, Escada Magnetism, Adidas Adrenaline Woman. 5. กลิ่นโอเชียนิค (Oceanic) กลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่ค่อนข้างเป็นสมัยใหม่ เริ่มจาก Christian Dior's Dune ในปี 1991 โดยผสมผสานระหว่างกลิ่นธรรมชาติเช่น อากาศบนหุบเขา กลิ่นท้องทะเล หรือกลิ่นลินิน เป็นกลิ่นที่ให้ความสดชื่นมีชีวิตชีวา เหมาะที่จะใส่ไปในงานที่ค่อนข้างเป็นทางการอย่างการสัมภาษณ์งาน เวลาที่ฉีดกลิ่นนี้มักให้ความรู้สึกถึงความเนี้ยบและสะอาด ตัวอย่างน้ำหอมที่ให้กลิ่นประเภทนี้ได้แก่ Christian Dior Dune, Elizabeth Arden Sunflowers, Davidoff Cool Water Woman, Giorgio Beverly Hills 6. กลิ่นออเรียนทอล (Oriental) ลองคิดถึงกลิ่นน้ำหอมแบบตะวันออกๆ เหมือนกับหญิงสาวจากแดนไกล กลิ่นนี้มักปรุงขึ้นจากดิน สารสกัดจากสัตว์อย่างชะมดหรือไขวาฬ และมักใช้ผสมผสานกับกลิ่นอบอุ่นจากอำพัน หากเอากลิ่นออเรียนทอลผสมกับกลิ่นดอกไม้ ก็จะได้กลิ่นที่เรียกว่า "florientals" น้ำหอมกลิ่นนี้มักให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่ทว่าลึกลับ ใช้ในวาระที่ต้องการความยั่วยวน อาจจะเป็นเดทครั้งที่สาม หรือค่ำคืนพิเศษ น้ำหอมประเภทนี้เช่น Elizabeth Taylor Black Pearls, Yves Saint Laurent Opium, Guerlain Shalimar, Givenchy Organza, Yves Saint Laurent Opium, Versace Crystal Noir. 7. กลิ่นเครื่องเทศ (Spice) น้ำตาลและเครื่องเทศ เป็นกลิ่นที่จะได้จากน้ำหอมประเภทนี้ ลองจินตนาการถึงกลิ่นในครัวที่กำลังอบซินนาม่อนโรลและขนมปังขิงดูสิ กลิ่นประเภทนี้ก็จะมีกลิ่นขิง ซินนาม่อน ลูกกระวาน และพริกไทย น้ำหอมกลิ่นนี้จะให้ความผ่อนคลาย ให้ความรู้สึกของความเป็นโอลแฟชั่น( old-fashioned) สามารถใส่ไปพบผู้ใหญ่ หรือทานอาหารกลางวันกับเพื่อนร่วมงานได้ น้ำหอมที่มีกลิ่นหลักประเภทนี้ เช่น Chanel Coco, Jo Malone Vetyver, BCBG Girls, Givenchy Ysatis, Estée Lauder Cinnabar. 8. กลิ่นวู้ดดี้ (Woody) กลิ่นนี้จะเบสบนกลิ่นของไม้และมอส ทำให้คิดถึงเส้นทางอันคดเคี้ยวในป่า แม้จะบอกว่ากลิ่นนี้เป็นยูนิเซ็กซ์ (ใช้ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง) แต่ก็ติดจะให้อารมณ์ของความเป็นชายมากกว่า แต่ก็ยังมีบางแบรนด์ที่นำกลิ่นนี้มาประยุกต์ใช้กับน้ำหอมผู้หญิง ซึ่งจะให้ความรู้สึกเข้มแข็งและคลาสสิค ตัวอย่างของน้ำหอมกลิ่นนี้ เช่น Estée Lauder Knowing, Chanel No. 19, Britney Spears Believe, Ralph Lauren Romance, Gucci Envy Me. แค่เห็นความหลากหลายของกลิ่นน้ำหอมก็ละลานตาแล้ว แต่ประเภทน้ำหอมอันหลากหลายเหล่านี้ทำให้เราได้เห็นว่าน้ำหอมแบบไหนที่น่าจะเหมาะกับเรา และคราวหน้าเวลาไปเลือกน้ำหอมก็สามารถตรงไปยังน้ำหอมกลิ่นที่น่าจะชอบได้เลย ==================== Source: https://www.liveabout.com/types-of-perfume-346103 Photo: Unsplash