ภาพหนึ่งภาพ...มีความหมายมากกว่าคำพูดหนึ่งพันคำ ปรัชญาเมธีโบราณท่านกล่าวเอาไว้ ภาพ ๆ หนึ่งแม้จะผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน ก็มักจะบอกความหมาย และความรู้สึกในภาพได้เป็นอย่างดี ยิ่งถ้าเป็นรูปถ่ายแบบบ้าน ๆ แบบเป็นธรรมชาติไม่ต้องแอ็คท่ามากมายให้สวยงามดูดี ก็ยิ่งดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดูเมื่อกาลเวลาผ่านไป..... ภาพตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ หรือช่วงวัยรุ่น เรามักจะมีภาพที่น่ารัก ๆ ของตัวเองไว้ดูเพื่อระลึกถึงความหลังครั้งเคยผ่านมาในอดีต ภาพส่วนใหญ่ที่เราถ่ายแม้จะเป็นภาพแห่งความสุข สบายๆก็ตาม แต่มักจะไม่มีรูปแบบ เพราะเป็นการถ่ายลักษณะเป็นธรรมชาติ ชิล ๆ ท่าทางลีลาไม่อาจคาดเดาได้ และมักจะเน้น สนุกเฮฮา แค่เอาไว้ดูตามเวลาที่จะพ้นผ่านไปเท่านั้น... ทว่าการถ่ายภาพครอบครัวในสตูดิโอจะมีรูปแบบที่ค่อนข้างตายตัว และมีการเตรียมพร้อมในการถ่ายภาพร่วมกันระหว่างช่างภาพ และครอบครัวที่มาเป็นแบบในการถ่ายในสตูดิโอคือ อย่างแรก ห้องถ่ายรูป จะใช้ห้องถ่ายรูปที่มีการจัดแสงไฟ ฉากผ้าสีขาว หรือสีอื่น ๆ เปลี่ยนตามท่าทางหรือการแต่งกาย การถ่ายภาพจะใช้เก้าอี้กรณีผู้เป็นนายแบบ นางแบบ ถ่ายภาพยืนไปเรียบร้อยเเล้ว ต้องการเปลี่ยนอิริยาบถบ้าง ซึ่งก็มีเพียงสองลักษณะคือนั่งเก้าอี้และยืน ส่วนการนั่งพื้น หรือนอนไม่ค่อยได้เห็นมากนัก.. ซึ่งอาจจะมีก็ได้.. อย่างที่สอง การแต่งหน้าและทำผม ก็เป็นสิ่งสำคัญมาก การถ่ายภาพแพ็คเก็จครอบครัวเพื่อประดับบ้านจำเป็นอย่างยิ่งต้องแต่งหน้าให้สวยดูดีและต้องเข้ากันได้ดีกับแสงไฟที่สาดส่องเพื่อให้ภาพดูดีที่สุด สิ่งที่ยากก็คือช่างที่นำเครื่องสำอางมาแต่งให้ต้องเป็นมือาชีพที่รับแต่งหน้าโดยเฉพาะ จะมาถ่ายรูปครอบครัวแล้วมาแต่งหน้าทำผมเองก็คงจะผิดคอนเซ็ปต์และรูปที่ออกมามีแนวโน้มจะไม่สวยอย่างที่ต้องการได้ ถ้าไม่เก่งจริงหรือเป็นช่างเองที่มีผู้ช่วยก็ควรใช้บริการของช่างมือาชีพจะเป็นการดีที่สุด อาจมีค่าใช้จ่ายบ้างแต่ก็คุ้มค่ากว่า.. อย่างที่สาม เครื่องแต่งกายของนายแบบนางแบบ ส่วนใหญ่จะใช้ชุดเครื่องข้าราชการ เครื่องแบบเต็มยศ หรือเครื่องแบบในอาชีพของตนเอง รูปรับปริญญา หรือรูปที่ได้รับใบประกาศนียบัตรหรือรางวัลต่าง ๆ ที่สำคัญคือ มีคนในครอบครัวอย่างน้อยคือพ่อ แม่ ลูก เป็นหลัก ส่วนจะมีปู่ ย่า ตา ยาย พี่น้อง หลาน และเหลน ก็จะมีน้อยมาก เครื่องแต่งกายก็เป็นไปตามความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก.. อย่างที่สี่สุดท้ายคือ ช่างภาพและกล้องถ่ายภาพ อันนี้ก็สำคัญยิ่งยวด เพราะต้องมีการสืบทราบผลงานกันพอสมควร เมื่อครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งจะเสียเงินถ่ายรูปครอบครัวซึ่งต้องใช้งบประมาณพอสมควร เป็นหลักพันไปถึงหลักหมื่น หรือหากเป็นคหบดีมีอันจะกินอาจจะทะลุไปถึงหลักแสนเพราะฉะนั้นการเลือกช่างภาพและกล้องคุณภาพดีจึงเป็นส่วนสำคัญที่มิอาจขาดไปได้เลย สนนราคาค่าถ่ายภาพก็แล้วแต่จะตกลงกันกับเจ้าของห้องภาพ โดยจะตกลงกันว่าราคาทั้งสิ้นเท่าไหร่ ถ่ายกี่ภาพก็แล้วแต่จะตกลงกัน ปัจจุบันก็อยู่ในช่วง 3พันบาทขึ้นไป อาจจะตัวเลขสวย ๆ 3,900 บาท... และทางร้านก็จะถามว่าต้องการช่างแต่งหน้าหรือไม่ ซึ่งราคาช่างแต่งหน้าแต่งผมก็จะคิดไปอีกต่างหาก ตั้งแต่ราคาหลักร้อยถึงหลักพัน เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายส่วนใหญ่เจ้าของผู้จะถ่ายภาพก็มักจะนำมาเอง เช่น เป็นข้าราชการก็ใส่ชุดขาว หากไม่ได้ทำงาน เป็นแม่บ้านก็จะใส่ชุดผ้าไทยสวย ๆ อะไรทำนองนี้ เมื่อถึงเวลาแต่งหน้าทำผมเสร็จก็ใส่เสื้อผ้า ชุดเก่งเรียบร้อยเข้าไปในสตูดิโอเพื่อถ่ายภาพครอบครัวต่อไป การถ่ายภาพ หากเป็นภาพครอบครัว มุมกล้อง การโพสต์ท่า ก็เป็นแฟชั่นในการถ่ายภาพในสมัยปัจจุบัน อาจไม่ต้องยืนทื่อ ๆ แล้ว มีการบิดตัว หมุนคอ หมุนไหล่ จับเสื้อ จับผม เมินไปด้านข้างไม่มองกล้อง ก็เป็นลีลาที่แล้วแต่ผู้ถ่ายภาพจะออกแบบ โดยจำมาจากดาราและนางแบบนายแบบในทีวีที่เค้าแอ็คท่าถ่ายรูปสวย ๆ กัน หลังจากถ่ายจนครบเซ็ตที่ต้องการแล้ว ช่างภาพก็จะแต่งภาพมาให้ดู รวมทั้งสีพื้นหลังประกอบให้เปรียบเทียบว่าชอบภาพแบบไหน จากนั้นก็จะอัดรูปใส่กรอบตามที่ตกลงกันไว้ เช่นกรอบหลุยส์ ซึ่งปัจจุบันใส่แล้วก็ทำให้ภาพสวยงามดูดีขึ้น แม้คำว่าแฟชั่น จะฟังดูแล้วเป็นไปในทางที่ดูว่าเป็นการเห่อตามกันในยุคสมัยต่าง ๆ ก็ตาม แต่แฟชั่น และความนิยมการถ่ายภาพครอบครัวแบบนี้ ก็คงจะเป็นแฟชั่นที่จะไม่ล้าสมัยไปอีกนานแสนนาน แม้จะผ่านกาลเวลาไปเท่าใด ก็ตาม