อื่นๆ
การนำร้านอาหารเข้าแอป เพิ่มยอดขายให้ปัง ไม่พังในช่วงวิกฤติ

ช่วงการระบาดของไวรัส COVID - 19 ในเวลานี้ประเทศของเรามีมาตรการต่าง ๆ มากมายเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเฉพาะในเรื่องของการยุติการแพร่ระบาดให้อยู่ในวงจำกัด รวมทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อให้ลดจำนวนลงน้อยที่สุด ซึ่งหนึ่งในมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาในเรื่องดังกล่าวนี้ก็คือการยุติกิจกรรมทางสังคม และปิดกิจการต่าง ๆ จึงทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ต้องกักตัวอยู่ในบ้าน และไม่สามารถออกมาทำกิจกรรมต่าง ๆ นอกบ้านได้เป็นปกติ จึงส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนพอสมควร ซึ่งในช่วงที่ประชาชนต้องกักตัวอยู่ในบริเวณบ้านเพื่อลดอัตราการแพร่ระบาด หรือความไม่ต้องการออกนอกบ้านเพื่อเพิ่มโอกาสการติดเชื้อนี้ได้ส่งผลให้ธุรกิจประเภทหนึ่งเติบโตและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ ธุรกิจบริการเกี่ยวกับส่งของหรือส่งสินค้าต่าง ๆ โดยเฉพาะบริการส่งอาหารที่อำนวยความสะดวกเป็นอย่างมากทั้งต่อผู้ผลิตและบริโภค หากใครที่เป็นผู้หนึ่งที่กำลังเปิดร้านอาหาร หรือเป็นผู้เปิดร้านอาหารแบบมีหน้าร้าน หรือผลิตอาหารประเภทต่าง ๆ อยู่แล้ว จะต้องเปลี่ยนไปเป็นการผลิตอาหารตามจำนวนออเดอร์ของลูกค้าแล้วส่งตรงถึงบ้านของลูกค้าผ่านบริการรับส่งอาหารต่าง ๆ ก็ถือเป็นทางออกที่ดีในช่วงเวลานี้
Advertisement
Advertisement
เพื่อเป็นการแนะนำข้อมูลเบื้องต้นในเรื่องดังกล่าว วันนี้จึงมีวิธีการและขั้นตอนการนำร้านอาหารของเราเข้าไปในแอปประเภทเดลิเวอรี่ (delivery) ซึ่งหลัก ๆ แล้วในบ้านเราตอนนี้มีอยู่ 4 แอปใหญ่ที่ได้รับความนิยม และสามารถให้บริการในวงกว้าง ครอบคลุมพื้นที่ต่าง ๆ พอสมควรโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และเขตปริมลฑล โดยมีวิธีการและขั้นตอนการนำร้านอาหารของเราเข้าไปในแอปต่าง ๆ ทั้ง 4 แอปซึ่งก็มีความยากง่าย เสียเงิน และแบบไม่เสียเงินแตกต่างกันไป ดังนี้
1. การสมัครเขาแอป LINE MAN
ขั้นตอนที่ 1 เข้าไปที่เว็บไซต์LINE MAN และกรอกข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับร้านอาหารของคุณเพื่อลงทะเบียน โดยการบริการของ LINE MAN นี้จะเป็นการร่วมมือกับเว็บไซต์ WONG NAI เว็บไซต์เกี่ยวกับการรวมร้านอาหารอร่อยชื่อดัง (ทั้งนี้สามารถโฆษณาในเว็บไซต์ WONG NAI ได้ด้วยแต่มีค่าใช้จ่าย) โดยการกรอกข้อมูลเบื้องต้นในขั้นตอนนี้จะประกอบด้วย ข้อมูลของชื่อร้าน ประเภทของร้าน หมวดหมู่ของอาหาร ที่อยู่ของร้าน รายละเอียดการติดต่อของประสงค์จะเข้าร่วมร้านอาหารกับ LINE MAN ต่อหรือเจ้าของร้าน และข้อมูลความต้องการหรือความสนใจของผู้ติดต่อที่ต้องการดำเนินการกับทาง LINE MAN
Advertisement
Advertisement

ขั้นตอนที่ 2 เมื่อกรอกรายละเอียดข้อมูลของร้านอาหารครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว ให้ตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง จากนั้นก็คลิกช่อง "ลงทะเบียน" เพื่อดำเนินการส่งข้อมูล ซึ่งหลังจากนี้เราจะต้องรอข้อมูลจากทาง LINE MAN ในการติดต่อกลับมาผ่านทางช่องทางที่เราได้ให้ข้อมูลไว้
ขั้นตอนที่ 3 รอการติดต่อกลับจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งโดยปกติแล้วจะไม่เกิน 1 วันทำการ เพื่อดำเนินการในเรื่องของรายละเอียดของรายการอาหาร ราคาอาหาร และเอกสารสำคัญต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป เพียงเท่านี้ก็เสร็จสิ้นสำหรับการนำร้านอาหารของเราเข้าแอป LINE MAN แล้ว
ขอบคุณภาพภาพประกอบจาก LINE MAN
จุดเด่นหรือข้อแตกต่างของการสมัครร้านอาหารกับแอป LINE MAN
- ขั้นตอนการสมัครที่ง่ายและรวดเร็ว
- ไม่มีค่าใช้จ่ายในการสมัคร และไม่มีค่าคอมมิชชั่นใด ๆ (นอกจากกรณีต้องการโปรโมตร้าน)
- ร้านค้าไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มหรือถูกหักเปอร์เซ็นต์ใด ๆ จากทางแอปที้งสิ้น เนื่องจากเมื่อมีลูกค้ากดสั่งอาหารของเราจากทางแอป LINE MAN แล้ว ทาง LINE MAN จะบวกราคาค่าส่งกับราคาอาหารของร้านเราเรียบร้อยแล้ว ทาง LINE MAN เพียงจ่ายค่าอาหารกับเราเป็นเงินสด และดำเนินการส่งอาหารพร้อมเรียกเก็บค่าอาหารบวกกับค่าส่งกับลูกค้าโดยตรง
- เป็นการโปรโมทหรือประประชาสัมพันธ์ร้านทางอ้อม และเพิ่มโอกาสให้สินค้ามียอดขายเพิ่มมากขึ้น
- เหมาะสำหรับร้านอาหารเปิดใหม่ หรือร้านที่ต้องการลดต้นทุนในเรื่องของการจ้างพนักงานเพิ่ม
- ให้บริการในเขตกรุงเทพฯ และปริมลฑล
Advertisement
Advertisement
2. การสมัครเขาแอป Get Food
ขั้นตอนที่ 1 เข้าไปที่เว็บไซต์GetThailand.comและเลือกลงทะเบียนเป็นร้านค้าพาร์ทเนอร์ จากนั้นกดเลือกเริ่มกรอกข้อมูล

ขั้นตอนที่ 2 จากนั้นให้กดยอมรับเงื่อนไขของทางแอป เช่น ยินยอมที่จะให้ GET คิดค่าคอมมิชชั่นที่ 30% (ไม่รวม VAT) หรือต้องมี Smartphone หรือ Tablet ในระบบ Android เพื่อใช้สำหรับแอพพลิเคชั่น GET FOOD - GoBiz หรือเป็นร้านที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯ เป็นต้น เมื่อกดยอมรับแล้วให้คลิกปุ่ม "ถัดไป" เพื่อไปสู่หน้าการลงทะเบียน
ขั้นตอนที่ 3 เมื่อพบกับหน้าแรกของการลงทะเบียนจะเป็นหน้าของหนังสัญญาการเข้าขายอาหารกับ GET กับการกรอกข้อมูลรายละเอียดของร้านอาหารที่ต้องการเอาเข้าแอป โดยเริ่มจากคลิกเลือฐานะของร้านเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล หลังจากนั้นกรอกข้อมูลของเจ้าของร้าน ได้แก่ ชื่อ - นามสกุล หมายเลขบัตรประชาชน พิกัดที่ตั้งของร้าน (google map) และแสกนสำเนาบัตรประชาชนแนบเข้าไปในระบบด้วย จากนั้นคลิกปุ่ม "ถัดไป" เพื่อกรอกข้อมูลในหน้าต่อไป

ขั้นตอนที่ 4 ในหน้านี้เป็นการกรอกรายละเอียดที่อยู่ของร้าน หมายเลขโทรศัพท์ อีเมลล์ของเจ้าของร้าน จากนั้นให้ Upload เอกสารแนบลงไปในระบบ จำนวน 2 ประเภท ได้แก่ สำเนาหน้าแรกสมุดบัญชี (โดยแนะนำให้ เป็นสมุดบัญชีที่มีชื่อตรงกันกับเจ้าของร้าน) และหนังสือสัญญาการซื้อขายอาหารกับ GET (โดยเจ้าของร้านจะต้องปริ้นท์เอกสารออกมาจากในเว็บไซต์และกรอกรายละเอียดพร้อมลงชื่อให้เรียบร้อยโดยตัวของสัญญามีประมาณ 4 หน้า) จากนั้นคลิกปุ่ม "ถัดไป" เพื่อกรอกข้อมูลในหน้าต่อไป



ขั้นตอนที่ 5 ในหน้านี้จะเป็นการใส่รายละเอียดเกี่ยวกับร้านอาหารของเรา ได้แก่ ชื่อร้านค้า พร้อม Upload ภาพถ่ายหน้าร้านค้า จากนั้นคลิกปุ่ม "ถัดไป" เพื่อกรอกข้อมูลในหน้าต่อไป

ขั้นตอนที่ 6 ในหน้านี้จะเป็นการระบุรายละเอียดของร้านอาหาร ได้แก่ จำนวนสาขา พิกัดที่ตั้งแต่ละสาขา จุดสังเกตร้าน และเวลาเปิด - ปิดของร้าน เมื่อกรอกรายละเอียดครบถ้วนแล้ว จากนั้นคลิกปุ่ม "ถัดไป" เพื่อกรอกข้อมูลในหน้าต่อไป

ขั้นตอนที่ 7 ในหน้านี้จะเป็นการกรอกรายละเอียดของเมนูหรือรายการอาหาร ภาพถ่ายเมนู พร้อมราคาที่เราต้องการขาย ซึ่งทางแอปมีให้กรอกจำนวน 5 เมนู เมื่อกรอกรายละเอียดครบถ้วนแล้ว จากนั้นคลิกปุ่ม "ถัดไป" เพื่อกรอกข้อมูลในหน้าต่อไป

ขั้นตอนที่ 8 ในหน้านี้จะเป็นขั้นตอนสุดท้ายแล้ว โดยจะเป็นการกรอกข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลค่าคอมมิชชั่น ภาษีต่าง ๆ เมื่อกรอกรายละเอียดครบถ้วนแล้ว จากนั้นคลิกปุ่ม "ส่งข้อมูล" อันถือเป็นการเสร็จสิ้นการกรอกข้อมูลการสมัครเข้าแอปดังกล่าวของ GET Food


ขั้นตอนที่ 9 รอการติดต่อกลับมาของเจ้าหน้าจาก GET ที่ซึ่งส่วนมากจะไม่เกิน 1 วันทำการ
ขอบคุณภาพภาพประกอบจาก GET
จุดเด่นหรือข้อแตกต่างของการสมัครร้านอาหารกับแอป GET
- มีขั้นตอนการสมัคร ที่รวมการ Upload เมนูอาหาร รวมทั้งขั้นตอนการทำหนังสือสัญญาผ่านระบบออนไลน์ทั้งหมด จึงมีความสะดวกรวดเร็วมาก
- เป็นแอปที่ให้บริการส่งอาหารตลอด 24 ชั่งโมง
- แม้ไม่มีค่าใช้จ่ายในการสมัคร แต่จะมีค่าคอมมิชชั่นซึ่งคิดในอัตราร้อยละ 30
- ราคาอาหารจะคิดตามราคาจริง โดย Get Food จะบวกเพิ่มค่าจัดส่งตามระยะทางกับลูกค้า เหมือนกับ LINE MAN
- เหมาะสำหรับร้านอาหารเปิดใหม่ หรือร้านที่ต้องการลดต้นทุนในเรื่องของการจ้างพนักงานเพิ่ม
- เป็นการโปรโมทหรือประประชาสัมพันธ์ร้านทางอ้อม และเพิ่มโอกาสให้สินค้ามียอดขายเพิ่มมากขึ้น
- ให้บริการเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครเท่านั้น
3. การสมัครเขาแอป Food Panda
ขั้นตอนที่ 1 เข้าไปที่เว็บไซต์FoodPandaจากนั้นคลิกเลือก "ลงทะเบียน"
ขั้นตอนที่ 2 จากนั้นกรอกรายละเอียดของทางร้านค้าให้ครบถ้วน จากนั้นคลิกตรงช่อง "ยืนยัน" และคลิกปุ่มส่งข้อมูล เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการกรอกข้อมูลการสมัคร

ขั้นตอนที่ 3 รอการอนุมัติร้านอาหาร โดยเจ้าหน้าที่จาก Food Panda จะติดต่อกลับมาเพื่อดำเนินส่งหนังสือสัญญา และเมนูอาหาร
ขั้นตอนที่ 4 เมื่อร้านอาหารเซ็นสัญญาเรียบร้อย ดำเนินการส่งไปที่ Food Panda พิจารณา
ขั้นตอนที่ 5 Food Panda ทำการตรวจสอบเมนูอาหารของทางร้าน
ขั้นตอนที่ 6 Food Panda ดำเนินการส่ง Tablet มาให้ร้านอาหารเพื่อดำเนินการรับออเดอร์ พร้อมดำเนินการแนะนำการใช้ Tablet
ขั้นตอนที่ 7 ร้านค้าเริ่มดำเนินการขายอาหารและรับออเดอร์จาก Food Panda
ขอบคุณภาพภาพประกอบจาก FoodPanda
จุดเด่นหรือข้อแตกต่างของการสมัครร้านอาหารกับแอป Food Panda
- ขั้นตอนการสมัครง่าย สะดวก และรวดเร็ว
- มี Tablet สำหรับรับออเดอร์ให้ทางร้านโดยเฉพาะ
- แม้ไม่มีค่าใช้จ่ายในการสมัคร แต่จะมีค่าคอมมิชชั่นซึ่งคิดในอัตราร้อยละ 35
- ราคาอาหารจะคิดตามราคาจริง โดย Food Panda จะบวกเพิ่มค่าจัดส่งตามระยะทางกับลูกค้า เหมือนกับ LINE MAN
- เหมาะสำหรับร้านอาหารเปิดใหม่ หรือร้านที่ต้องการลดต้นทุนในเรื่องของการจ้างพนักงานเพิ่ม
- เป็นการโปรโมทหรือประประชาสัมพันธ์ร้านทางอ้อม และเพิ่มโอกาสให้สินค้ามียอดขายเพิ่มมากขึ้น
- มีพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุมเกือบทั่วประเทศ
4. การสมัครเขาแอป Grab Food
ขั้นตอนที่ 1 เข้าไปที่เว็บไซต์Grab Foodและกรอกข้อมูลเกี่ยวกับร้านของเรา จากนั้นคลิกที่ปุ่ม "SUBMIT"

ขั้นตอนที่ 2 รอการคิดต่อจากเจ้าหน้าที่ของ Grab Food เพื่อดำเนินการจัดส่งหนังสือทำสัญญา
ขั้นตอนที่ 3 ลงนามในหนังสือสัญญาและส่งหนังสือสัญญาพร้อมส่งมอบเมนูอาหาร หลักฐานและเอกสารต่าง ๆ ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน
สำเนาบัญชีธนาคาร (ชื่อตรงกับเจ้าของร้านหรือผู้ที่ลงทะเบียน) และรูปถ่ายร้านอาหารที่เห็นชื่อร้านและพื้นที่โดยรอบชัดเจน
ขั้นตอนที่ 4 ทำการ Upload บน Grab Food ถือเป็นอันสิ้นสุดขั้นตอนการดำเนินการนำร้านเข้า Grab Food
ขอบคุณภาพภาพประกอบจาก Grab Food
จุดเด่นหรือข้อแตกต่างของการสมัครร้านอาหารกับแอป Grab Food
- มีขั้นตอนการสมัครที่ง่าย และรวดเร็ว
- แม้ไม่มีค่าใช้จ่ายในการสมัคร แต่จะมีค่าคอมมิชชั่นซึ่งคิดในอัตราร้อยละ 35
- ราคาอาหารบนแอปอาจไม่ตรงกับหน้าร้าน เนื่องจากจะมีการบวกเพิ่มซึ่งถือเป็นการรวมค่าส่งอาหารให้แก่ลูกค้าไว้เรียบร้อยแล้ว โดยในส่วนของทางร้านจะได้รับเงินตามราคาจริงของอาหาร
- เหมาะสำหรับร้านอาหารเปิดใหม่ หรือร้านที่ต้องการลดต้นทุนในเรื่องของการจ้างพนักงานเพิ่ม
- เป็นการโปรโมทหรือประประชาสัมพันธ์ร้านทางอ้อม และเพิ่มโอกาสให้สินค้ามียอดขายเพิ่มมากขึ้น
- มีผู้ส่งอาหารเป็นจำนวนมาก และมีพื้นที่ในการให้บริการที่ครอบคลุมเกือบทั่วประเทศ
และทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีการง่าย ๆ ที่จะทำให้ร้านอาหารของเราเข้าไปอยู่ในแอปเดลิเวอรี่ส่งอาหารต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งนอกจากจะทำให้ร้านของเรามียอดขายที่ปังขึ้น ขายได้เยอะขึ้นแล้ว ยังเป็นถือโอกาสโปรโมทหรือประชาสัมพันธ์ให้ร้านของเราที่รู้จักมากขึ้น โดยไม่จะเป็นต้องมีหน้าร้าน หรือจ้างพนักงานส่งอาหารเพิ่มแต่อย่างใด เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกไปหลายตัวเลย การนำร้านอาหารของแอปจึงเหมาะกับช่วงก่อร่างสร้างธุรกิจ ตลอดจนการดำเนินกิจการในช่วงเวลาวิกฤติแบบนี้เป็นอย่างมาก
ขอบคุณภาพหน้าปกจาก GET , LINEMAN , Grab , FoodPanda Official Page
ความคิดเห็น






