เพลง
การเป็น Composer ใน 10 ขั้นตอน

Note : Composer ในที่นี้ผู้เขียนสื่อถึงนักแต่งเพลงที่ไม่มีเนื้อร้อง
การเป็น Composer นั้น ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน ต้องอาศัยประสบการณ์และการฝึกฝนประมาณหนึ่ง โดยวันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์และขั้นตอนการเขียนเพลงจากประสบการณ์ของตัวผมเองครับ
ขั้นตอนที่ 1 : ก่อนที่เราจะเขียนเพลงได้เนี่ย เราต้องมีความรู้พื้นฐานทางทฤษฎีดนตรีซะก่อน เช่นคอร์ด คีย์ Time signature จังหวะต่างๆ และอีกสิ่งที่สำคัญเลยคือเราต้องอ่านโน้ตแบบ sheet music ให้ได้ เพื่อที่จะนำมาใช้ประโยชน์ในขั้นตอนต่อๆไปครับ
ขั้นตอนที่ 2 : หาเครื่องดนตรีที่เราสนใจ ที่เราอยากนำมาเขียนเพลง ซึ่งในกรณีของผม ผมเป็นคนที่เล่นเปียโนได้ เลยเลือกที่จะเขียนเพลงเปียโน หลังจากที่เราได้เครื่องดนตรีที่เราสนใจแล้ว ก็ลองหาเพลงที่บรรเลงด้วยเครื่องดนตรีนั้นๆมาฟังครับ แนะนำให้ฟังเยอะๆเลย เพื่อที่จะได้เห็นมุมมองและแนวทางต่างๆของการเล่นเครื่องดนตรีนั้นครับ (ยิ่งถ้าเราสามารถเล่นเครื่องดนตรีนั้นได้ด้วย จะเป็นประโยชน์สุดๆเลยครับ)
Advertisement
Advertisement
ขั้นตอนที่ 3 : ลองใช้แนวเพลงสไตล์ต่างๆที่เราได้ฟังมาเริ่มปรับใช้กับผลงานเพลง แต่แนะนำว่าอย่าเพิ่งเขียนเพลงของตัวเองนะครับ ให้ใช้วิธีการทำ Arrangement ของเพลงที่มีอยู่แล้ว หรือทำ Variations ก็ได้ครับ เพื่อนำแนวเพลงต่างๆมาทดลองใช้กับเพลงของคนอื่นซะก่อน
ตัวอย่างของผมคือการทำ Variation ของเพลงลุงเริงครับ
Theme, Var.6 : Liszt’s Un sospiro style, Var.7 : Waltz style, Var.10 : Stride style, Var.14 : Liszt’s repeated notes style, Var.16 : Liszt-Paganini’s var.11 style

Note : Variations on a theme by “Loong Rerng” นั้นทำเพื่อความสนุก ไม่ได้มีไว้เล่นจริงแต่อย่างใด แต่สามารถฟังเพลงลุงเริงใน arrangement ของผู้เขียนได้ที่นี่
ขั้นตอนที่ 4 : จากที่เราฟังเพลงมาเยอะๆต้องผ่านเพลงของ Composer หลายๆคน เราก็คงเจอ Composer ที่ชอบบ้างแหละ เมื่อเราเจอนักประพันธ์เพลงที่ชอบแล้ว แนะนำว่าฟังเพลงของคนนั้นให้เยอะๆเลยครับ ในกรณีของผมคือ Frederic Chopin
Advertisement
Advertisement
ขั้นตอนที่ 5 : พอเรายิ่งฟังเยอะ ก็ยิ่งผ่านเพลงหลายๆสไตล์ เราลองเลือกสไตล์ที่เราชอบหรือสไตล์ที่อยากเอามาเขียนเพลงมาซักอันนึงแล้วศึกษาคุณสมบัติของเพลงสไตล์นั้นเล่นๆดูครับ ในกรณีของผม ผมเลือก Waltz ครับ
ขั้นตอนที่ 6 : หาเพลงในสไตล์ที่เราชอบที่เขียนโดยคนแต่งที่เราชอบ โดยเพลงที่เราเลือกนี้ จะเอามาเป็น reference ในการเขียนเพลงของเราครับ เมื่อเราเลือกได้แล้ว ก็ลองทำการศึกษา structure ของเพลง การเปลี่ยนคีย์ สไตล์การเล่นเพลง ฯลฯ จาก sheet music ครับ ตัวอย่างของผมคือผมเลือก Grande valse brillante Op.18 ของ Chopin ครับ สำหรับผมวิธีที่ดีที่สุดที่จะศึกษาเพลงคือการเปิดเพลงฟังแล้วพยายามอ่านโน้ตจาก sheet music ไปด้วยครับ

ขั้นตอนที่ 7 : การหาแรงบันดาลใจ หรืออารมณ์เพลงก็ได้ ประมาณว่า เราอยากให้เพลงของเรามีอารมณ์แบบไหน ต้องการสื่ออะไร ประมาณนี้ครับ อีกสิ่งที่สำคัญเลยคือจินตนาการ เราต้องให้เพลงที่เราจะเขียนมันเล่นอยู่ในหัวเราให้ได้ แล้วบันทึกจากทำนองที่เราคิดไว้
Advertisement
Advertisement
ขั้นตอนที่ 8 : ขั้นที่เราจะได้เริ่มเขียนเพลงจริงๆละ โดยเราจะใช้เพลงที่เราเลือกในขั้นตอนที่ 6 มาเหมือนเป็น base ในด้านโครงสร้างและสไตล์เพลง จากนั้นก็เริ่มเขียนเมโลดี้ของตัวเองได้เลย!
Intro แล้วตามด้วย Theme I
Theme II ที่มีโน้ตเยอะๆ
การเปลี่ยนคีย์ไปมาระหว่างเพลง
การกลับมาของ Intro ตามด้วย Theme I ที่ยิ่งใหญ่ขึ้นและตามด้วย Theme II
ท่อนจบโดยนำสไตล์ของ Theme ที่ผ่านๆมามาใช้
การจบเพลงด้วยการไล่สเกลขึ้นลง
ขั้นตอนที่ 9 : ก็คงไม่พ้นการฝึกฝนอะนะ พยายามเขียนเพลงแบบขั้นตอนที่ 8 หลายๆครั้งแต่ลองเปลี่ยนสไตล์บ้าง เราจะเริ่มเห็นสไตล์ของตัวเองออกมาจากเพลงที่เราแต่งโดยใช้เพลงของคนอื่นเป็น reference นี่แหละ
ขั้นตอนที่ 10 : ถึงเวลาของงานแบบออริจินอล 100% แล้ว เอาสไตล์ของตัวเองออกมาเขียนเพลงได้เลย!
Tips เล็กๆน้อยๆ
1. คิดอะไรออก ให้หาอะไรมาจด Fragment สั้นๆที่เกิดขึ้นในหัวเราอาจจะกลายเป็นบทเพลงที่ยิ่งใหญ่ในวันนึงก็ได้
2. ถ้าเพิ่งเริ่มต้นเขียนเพลง อย่าหาทำ multi-instrumental เลยครับ เพราะเราอาจจะยังแยกองค์ปรกอบต่างๆได้ไม่ค่อยคล่องนัก
ใครที่อยากจะลองเขียนเพลงก็ลองเอาขั้นตอนเหล่านี้ไปปรับใช้ได้นะครับ!
Credits ภาพประกอบ :
ปก - ภาพโดยผู้เขียน
Varitions on a theme by “Loong Rerng” - IcyAlmondEarth (ผู้เขียน), March 2020 - February 2021,
Grande valse brillante - Frederic Chopin, 1834, published by Breitkopf und Härtel, 1878,
Waltz in A-flat major - IcyAlmondEarth (ผู้เขียน) , December 2020 - January 2021,
จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !
ความคิดเห็น






