อื่นๆ
คณะลิเกผี

มนัสกำลังขับรถไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด เขาไม่ค่อยคุ้นชินกับถนนสายนี้เท่าไรนักอีกทั้งถนนก็มืดมาก จึงทำให้เขาขับรถหลงอยู่นาน แต่เขาก็คลำทางจนมาถึงบ้านญาติของเขาจนได้ ด้วยความเหนื่อยและเพลียเขาจึงรีบกินข้าวอาบน้ำนอน โดยที่ไม่ได้พูดคุยกับญาติของเขาเท่าไรนัก เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะได้ยินเสียงดนตรีพี่พาทย์แว่ว เหมือนมีลิเกกำลังแสดงอยู่ แต่เขาก็ไม่สนใจเท่าไรนักเพราะคิดว่าแถวนั้นคงมีงานและมีลิเกมาแสดง เขาจึงลงไปนอนต่อ แต่ระหว่างที่กำลังนอนในใจเขาก็คิดว่า ถ้าพรุ่งนี้มีลิเกมาแสดงอีกก็จะไปดู จากนั้นเขาก็หลับไปจนถึงเช้า
ตอนเช้าเขาได้ไปทำบุญกับญาติ ๆ ของเขา จากนั้นก็ขับรถไปซื้อของที่ตลาดมาทำอาหารกินในตอนเย็น ขณะที่เขาขับรถกลับมาจากตลาดเขาก็พยายามมองหาว่า ตรงไหนที่น่าจะมีคณะลิเกมาแสดง แต่ก็ไม่พบเขาจึงคิดว่าคืนนี้เขาคงอดดูลิเกเสียแล้ว ทำให้เขารู้สึกเสียดายอยู่เล็กน้อย เพราะมนัสเป็นคนที่ชอบดูลิเกมาก เมื่อเขาขับรถไปถึงบ้านญาติและกินอาหารกันเสร็จแล้วมนัสกำลังจากอาบน้ำเข้าห้องนอน เขาก็ได้ยินเสียงดนตรีลิเกดังมาไกล ๆ ด้วยความที่เขาอยากดู เขาจึงขับรถตามเสียงดนตรีออกไปทันที
Advertisement
Advertisement
ที่มาภาพจาก https://pixabay.com/th/photos
มนัสขับรถตามเสียงมาประมาณสองกิโลเมตร ก็เห็นเวทีลิเกกำลังเล่นอยู่อย่างสนุกสนาน แต่มีคนดูแค่สองสามคน ด้านข้างโรงลิเกมีศาลเจ้าพ่อเล็ก ๆ อยู่ มนัสเข้าใจว่านี่คงเป็นลิเกแก้บน เขาจอดรถและเดินเข้าไปจับจองที่นั่งหน้าเวที เขารู้สึกสนุกและตื่นเต้นกับการแสดงบนเวทีเป็นอย่างมาก ตอนนั้นคณะลิเกทำการแสดงเรื่อง “จันทโครพ” ซึ่งเป็นเป็นนิทานพื้นบ้าน โดยเล่าเรื่องของเจ้าชายที่ต้องไปร่ำเรียนวิชากับท่านฤๅษีในป่าจนสำเร็จวิชา และเมื่อถึงเวลาต้องลากลับไปปกครองบ้านเมือง ท่านฤๅษีในฐานะอาจารย์ จึงได้มอบพระอบวิเศษให้แก่เจ้าไว้เป็นของขวัญโดยมีเงื่อนไขว่า ห้ามเปิดจนกว่าจะถึงเมือง แต่เมื่อเจ้าชายออกเดินทางมาได้ไม่ไกล ก็อดใจที่จะเปิดพระอบไม่ไหว จึงได้ขัดคำสั่งอาจารย์แอบเปิดพระอบกลางป่า เมื่อเปิดรพระอบออกก็มีร่างหญิงสาวที่งดงามออกมาชื่อว่านางโมรา เจ้าชายจึงได้นางโมราเป็นเมีย จากนั้นมีโจรป่ามาเจอ จึงเข้าต่อสู้แย่งนางโมราจากเจ้าชาย ซึ่งนางโมรากลับช่วยโจรป่าโดยยื่นดาบให้สังหารเจ้าชายตาย
Advertisement
Advertisement
ที่มาภาพจาก https://pixabay.com/th/photos
มนัสนั่งดูการแสดงของลิเกคณะนี้อย่างมีความสุข ถึงแม้ว่าละครเรื่องที่กำลังแสดงอยู่เขาจะดูมาหลายรอบแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยเบื่อและรู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้ดู เขานั่งดูเพลินจนไม่รู้ตัวว่าเหลือเพียงเขาคนเดียวที่นั่งอยู่ ขณะนั้นนางเอกลิเกได้ร้องกลอนลิเกอ้อนให้เขาคล้องพวงมาลัยให้ เขาจึงหยิบเงินแบงก์ร้อยในกระเป๋าเสื้อมีอยู่สามสี่ใบ เหน็บกับพวงมาลับและคล้องให้นางเอกลิเก มนัสนั่งดูลิเกจนหลับไปโดยไม่รู้ตัว เขาตื่นมาอีกทีในตอนเช้า อยู่กลางทุ่งโล่ง ๆ ซึ่งตัวเขานอนอยู่กับพื้นนางที่มีแต่ซังข้างแห้ง ไม่มีร่องรอยของการตั้งเวทีหรือเครื่องเสียงอยู่เลย เขามองไปเห็นแค่เพียงศาลเจ้าพ่อเก่า ๆ ที่มีพวงมาลัยแห้ง ๆ แขวนอยู่ ทำให้มนัสรู้สึกงงเป็นอย่างมาก เขาขับรถกลับมาที่บ้านญาติซึ่งป้าต้อยญาติของเขาได้ถามว่า “เมื่อคืนหายไปไหนมาทั้งคืนเป็นห่วงแทบแย่”
Advertisement
Advertisement
มนัสจึงตอบว่า “ไปดูลิเกมาครับ แล้วเผลอหลับไป”
ป้าต้อยได้ยินดังนั้นจึงพูดขึ้นมาว่า “อย่าบอกนะว่า ไปดูลิเกตรงศาลเจ้าพอมา”
มนัสจึงตอบว่า “ใช่ครับ แต่แปลกพอตื่นเช้ามาก็ไม่เห็นโรงลิเกแล้วไม่รู้เขาย้ายคณะไปตอนไหน”
ป้าต้อยมองหน้ามนัสแล้วพูดว่า “ลิเกคณะนั้นนะ มาแสดงแก้บนเจ้าพ่อ แต่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นพอแสดงเสร็จ ทุกคนก็นอนกันใต้เวลาที เพราะต้องแสดงหลายวัน แต่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นในคืนสุดท้าย เกิดไฟไหม้ในขณะที่ทุกคนหลับกันอยู่ ทำให้ไฟคลอกลิกกตายทั้งคณะ จากนั้นมาก็มีคนเห็นลิเกมาแสดงอยู่เป็นประจำ คนแถวนี้ได้ยินเสียงลิเกกันประจำแต่ไม่มีใครกล้าออกไปดูกันหลอก”
เมื่อมนัสได้ยินดังนั้นเขาก็รู้สึกขนลุก ที่เขานั่งดูผีเล่นลิเกให้ดูทั้งคืน ซึ่งนั่นก็เป็นประสบการณ์ขนหัวลุกที่เขาไม่มีวันลืม
ที่มาภาพจาก https://pixabay.com/th/photos
ความคิดเห็น






