อื่นๆ
คำถามที่มีคำตอบ : ทำไมเราถึงต้องเรียนหนังสือ? และเรียนอะไรดี "สิ่งที่ชอบ VS สิ่งที่ทำได้ดี"

โตมาอยากเป็นอะไร? เชื่อว่าทุกคนเกิดมาต้องเคยได้ยินคำถามนี้ ไม่ว่าจะกับพ่อแม่ ผู้ปกครองเอง หรือกับผู้ใหญ่คนอื่น กับรุ่นพี่ กับคุณครู ไม่ว่าคุณจะเคยได้รับคำถามนี้จากใคร ตอนนั้นยังจำได้ไหมว่าคุณตอบว่าอะไรไป และตอนนี้คุณเป็นแบบนั้นหรือเปล่า
จากประสบการณ์ของผู้เขียน ที่เคยสอบถามกับเพื่อน ๆ และบุคคลใกล้ตัว ร้อยละเก้าสิบเก้า ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เคยตอบไว้ในสมัยยังเด็ก ซึ่งคำตอบยอดฮิตของเด็กผู้หญิงส่วนมาก คงไม่พ้นการอยากเป็นนักร้อง พยาบาล หมอ ดารา คุณครู ส่วนเด็กผู้ชายนั้น ก็คงไม่พ้นอยากเป็นนักบิน ทหาร ตำรวจ เป็นต้น ซึ่งจากคำตอบเหล่านี้ หากคุณสังเกตดูดี ๆ ก็จะพบว่า “เด็กนั้นจดจำอาชีพเหล่านี้มาจากทางโทรทัศน์ซึ่งเป็นอาชีพของพระเอกนางเองในละครส่วนมากที่ดูเท่สุดๆในสายตาของพวกเด็กๆรวมถึงเราในตอนนั้นด้วย”
Advertisement
Advertisement

ภาพโดย pexels.com
จากที่พูดไปในข้างต้น เชื่อว่าหลาย ๆ คงคิดได้แล้วว่า “ทำไมเราถึงต้องเรียนหนังสือ” สำหรับตัวผู้เขียนเอง ไม่เคยมีความคิดที่ไม่อยากเรียนหนังสือ แม้ว่าจะไม่ได้เรียนเก่งอะไรมากมาย แต่มีความคิดว่าอยากโตเป็นผู้ใหญ่เสียที เพราะที่บ้านหวงมาก ไม่ค่อยปล่อยให้ไปไหนเองกับเพื่อน ๆ ทำให้เราหวังที่จะโตไว ๆ ให้เขาปล่อยเราให้เรียนรู้เองเสียที
แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงในเรื่อง “ทำไมเราถึงต้องเรียนหนังสือ” ซึ่งหวังว่าจะเป็นผลดีกับคนที่ตอนนี้ไม่อยากเรียนหนังสือแล้ว หรือท้อแท้กับการเรียน ด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม อยากให้ลองมาอ่านนะคะ หรือหากผู้ปกครองท่านใดคิดว่ามีประโยชน์ อยากแชร์ต่อให้ลูก ๆ หรือผู้ปกครองด้วยกันอ่าน ก็ต้องขอขอบคุณมาก ๆ ค่ะ อย่างไรก็ตามขอออกตัวก่อนเลยนะคะ ว่านี้เป็นเพียงความคิดเห็นของผู้เขียนเท่านั้น ซึ่งอยากบอกเล่าต่อ เพื่อเป็นอีกมุมมองหนึ่งเท่านั้นค่ะ
Advertisement
Advertisement

ภาพโดย pexels.com
การเรียนหนังสือนั้น บางคนอาจมองว่ามันเป็นประโยชน์มาก แบบเรียนสิจะได้มีงานทำ หรืออีกมุมมองคือคิดว่าการเรียนนั้นไม่มีประโยชน์เลย เช่น คิดว่าจบไปก็ไม่มีงานทำ เพราะแบบนี้เองไรท์ถึงมองว่า “การเรียนนั้นจะเป็นประโยชน์มากน้อยเท่าไหร่นั้นอยู่ที่ตัวบุคคลเองแต่ที่แน่ๆนั้นคือการเรียนไม่เคยเป็นโทษกับใครแน่นอน” แต่เหตุผลที่ไรท์คิดว่าทุกคนควรจะเรียน (หากไม่ได้มีความจำเป็นอะไร หรือเดือดร้อนมาก ๆ จริง ๆ) นั่นก็คือ เราไม่เคยเห็นอนาคตตัวเอง เราไม่เคยรู้ว่าเราจะเป็นแบบไหน ชอบแบบไหน และทำอะไรในอนาคต เพราะชีวิตมันไม่เคยแน่นอนเลย อนาคตเป็นสิ่งที่คาดการณ์ไม่ได้ ดังนั้นเราไม่รู้เลยว่า “สิ่งที่เราโคตรชอบในตอนนี้ในอนาคตเราจะชอบมันอยู่ไหม” เช่นบางคนชอบร้องเพลง ลาออกหยุดเรียนไปร้องเพลงในผับ ซึ่งมันอาจจะมีความสุขมาก ๆ แต่ต่อให้จะชอบมันมากเท่าไหร่ ในอนาคตคุณอาจจะชอบการร้องเพลงอยู่ แต่อาจจะอยากไปเป็นครูสอนร้องเพลง ซึ่งไรท์จะไม่ตัดโอกาสนะ เพราะไม่ต้องเรียนจบอะไรก็ไปเป็นครูได้ แต่ก็เถียงไม่ได้เช่นกันว่า หากคุณเรียนมาโดยตรงนั้น คุณอาจจะมีโอกาสมากกว่า เป็นครูในสถานบันที่ดีกว่า ได้เงินเยอะกว่า เป็นต้น
Advertisement
Advertisement

ภาพโดย pexels.com
และนี้ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราต้องเรียน หรืออาจจะมีบางคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ยังค้นหาตัวเองไม่เจอ ก็เลยไม่อยากเรียน เพราะไม่รู้จะเรียนอะไรระหว่าง สิ่งที่ชอบ VS สิ่งที่ทำได้ดี ถ้าเป็นแบบนี้ส่วนตัวไรท์เองคิดว่า เราควรเลือกทำในสิ่งที่เราทำได้ดี มากกว่าสิ่งที่เราชอบ เพื่ออนาคตของเราเอง เพราะหากเราเลือกเรียนในสิ่งที่ชอบ แต่พยายามเท่าไหร่เราก็ยังดีไม่พอ หรือดีไม่ที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าการทำงานนั้น ต้องมีคู่แข่งมากมาย เพราะปี ๆ หนึ่งเรียนจบกันเป็นแสน ๆ คน การที่เราเลือกในสิ่งที่ชอบนั้น คุณอาจมีความสุขกับการทำมันจริง แต่ความก้าวหน้านั้นอาจมองเห็นแบบเลือนราง เมื่อเทียบกับอีกทาง คือ เลือกในสิ่งที่ทำได้ดี แล้วเมื่อถึงจุด ๆ หนึ่งที่มันดีมากแล้ว อิ่มตัวแล้ว คุณค่อยทำสิ่งที่ชอบเป็นงานอดิเรก ก็ไม่เสียหายนะคะ
บทความนี้เขียนไว้เพื่อเตือนใจหลาย ๆ คนที่ต้องกาความคิดเห็นว่า “ทำไมเราถึงต้องเรียนหนังสือ” โดยไรท์ก็แอบสอดแทรกแนวคิดการเลือกทางเดิน ทางการเรียน ในมุมมองของไรท์ไปให้ด้วย หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะคะ วันนี้ไปก่อน เจอกันในคอนเทนต์หน้า ๆ จ้า บาย
ที่มาภาพปก :
สวัสดีค่ะ ชื่อ "ตังเม" เป็นคนรักการเล่า และงานเขียนมาก ยังไงฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ
ความคิดเห็น






