อื่นๆ

คำสั่งพระพุทธเจ้า....

145
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
คำสั่งพระพุทธเจ้า....

          เครดิตภาพจากผู้เขียน (ดร.อาบแสงจันทร์ ต.)

          ธรรมะสวัสดีครับ วันนี้ผู้เขียนมีธรรมะดีดีมานำเสนออีกแล้วครับท่าน.....เป็นธรรมะง่าย ๆ ที่พระพุทธองค์ตรัสขึ้นเมื่อ 2,500 กว่าปีมาแล้วแต่ยังคงมีความทันสมัย และสามารถนำมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตได้ไม่เสื่อมคลายมาดูกันครับว่า ธรรมะ 5 ประการที่ผู้เขียนนำมาเสนอวันนี้มีอะไรบ้าง

           1.“หันทะทานิ ภิกขะเว อามันตะยามิ โว วะยะธัมมา สังขารา อัปปมาเทนะ สัมปาเทถะ” ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันว่าสังขารทั้งหลาย ย่อมมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงอันเป็นประโยชน์ของตน และประโยชน์ของผู้อื่นให้บริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด” (ที่มา..มหาปรินิพพานสูตรพระสูตรว่าด้วยการปรินิพพานของพระพุทธเจ้า) จากพระสูตรที่ได้กล่าวไปนี้เป็นปัจฉิมวาจาของพระพุทธเจ้าก่อนปรินิพพานในสาระสำคัญที่ผู้เขียนวิเคราะห์ออกมาได้ 2 ประเด็น ดังนี้ ประเด็นหลัก คือ พระองค์ทรงเน้นย้ำไม่ให้ประมาท ประมาทในที่นี้ หมายถึง ประมาทในชีวิต และประมาทในสังขาร และประเด็นย่อย ๆ แตกออกมาจากความไม่ประมาท ได้ 2 ประเด็น คือ 1 ทำประโยชน์ตนให้ถึงพร้อมสำเร็จเสร็จบริบูรณ์  2. ทำประโยชน์ให้แก่คนรอบข้าง ซึ่งหมายถึง ชุมชน สังคม ประเทศชาติ สรุป คือ ประเด็นย่อยสองข้อนี้เมื่อรวมกันแล้วก็เท่ากับความไม่ประมาท (ประโยชน์ตน+ประโยชน์บุคคลอื่น = ความไม่ประมาท)

Advertisement

Advertisement

พระพุทธรูปปางไสยาสน์              เครดิตภาพจากผู้เขียน (ดร.อาบแสงจันทร์ ต.)

             2. “คนที่ไม่เห็นถึงความจริงของการเกิดดับ ไม่เห็นความจริงของการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย แม้มีชีวิตถึงร้อยปีก็ยังประมาทอยู่ แต่คนที่มองเห็นถึงความจริงของการเกิดดับ แม้มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียวก็ประเสริฐกว่าคนที่มีชีวิตอยู่เป็นร้อยปี” ที่มาในพระพุทธวจนะบทนี้พระพุทธองค์ได้ตรัสกับนางปฏาจารา ผู้เขียนขอเล่าเสริมความเข้าใจนิดหนึ่งครับ ผู้เขียนเคยถามนักเรียนโรงเรียนผู้สูงอายุว่าใครทุกข์ที่สุดในพระพุทธศาสนา....... เฉยเลยครับ นางปฏาจารา เพราะในพระสุตตันตปิฎกบันทึกไว้ว่า นางปฏาจาราต้องสูญเสียบิดา-มารดาพี่ชาย สามี และบุตร     2 คน จนตนเสียสติ และวิ่งเข้าไปหาพระพุทธเจ้าซึ่งกำลังแสดงพระธรรมเทศนาให้พุทธบริษัทฟังสุดท้ายพระพุทธองค์ตรับ กับนางแค่คำว่า “          ดูก่อนน้องหญิง ขอสติเธอจึงจงคืนมา” เท่านี้หละครับเกิดปรากฏการณ์ “ปิ๊งแว๊บ” ครับนางได้สติ และพระพุทธองค์ก็ตรัส กับนางโดยข้อความเบื้องต้นที่ผู้เขียนยกขึ้นกล่าวไว้แล้ว ว่าคนที่เห็นความจริงของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย แม้มีชีวิตอยู่เพียงแค่วันเดียวก็ดีกว่าคนที่มีชีวิตอยู่เป็นร้อยปี ท่านว่าจริงไหมครับ

Advertisement

Advertisement

กงล้อธรรมจักร           เครดิตภาพจากผู้เขียน (ดร.อาบแสงจันทร์ ต.)

           3.  ในพระพุทธศาสนาเปรียบเทียบว่าคนเราใช้ชีวิตเหมือน “แมงมุม” คอยถักใยของตน เปรียบเหมือนคนสร้างฐานะ สร้างชีวิต สร้างครอบครัว สร้างทรัพย์สมบัติ สร้างยศ สร้างอำนาจ แต่สุดท้ายแมงมุมกับติดอยู่ในใยของตัวเองไม่สามารถออกจากบ่วงพันธนาการของใยนั้นได้ จริงไหมครับ.....จริงครับบางคนหลงมัวเมาอยู่ในสิ่งมายาทรัพย์สินเงินทองไม่รู้จักปล่อยวางยึดติดอยู่กับสิ่งที่ตนหามาได้ ก็เหมือนแมงมุมที่ต้องตายเพราะติดใยตัวเองตาย ฉันใดก็ฉันนั้นครับ

พระนันทะออกบวชตามพระพุทธเจ้า            เครดิตภาพจากผู้เขียน (ดร.อาบแสงจันทร์ ต.)

             4. เรามีความเสื่อมเป็นธรรมดา จริงหรือไม่ครับ.... ตอบ...จริงครับแม้กระทั่งร่างกายสังขารเหมือนหลักของโลกธรรม 8 ประการ ที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ได้แก่  มีลาภ-เสื่อมลาภ มียศ-เสื่อมยศ มีสุข-มีทุกข์ มีสรรเสริญ-มีนินทา ถึงตรงนี้ทำให้ผู้เขียนนึกขึ้นได้ถึงประวัติพระนางเขมาเถรีเอาซะหน่อยหละกันพระนางเขมาเถรีเป็นพระมเหสีของพระเจ้าพิมพิสารเป็นผู้มีรูปโฉมงดงามมาก และหลงมัวเมาในทรัพย์สมบัติของตน งามจนไม่กล้าเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าพระเกรงว่าจะโดนตำหนิ พระสวามีจึงออกอุบายให้พรรณนาถึงความงามของวัดเวฬุวันทำให้พระนางอยากไปเห็นเมื่อพระนางเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าพระพุทธเจ้าทรงแสดงนิมิตให้พระนางเห็นความไม่เที่ยงของสังขาร และเทศนาเรื่องราคะ และตัณหาสุดท้ายพระนางจึงบรรลุเป็นพระอรหันต์ และได้ออกบวช

Advertisement

Advertisement

เทพบุตร เทพธิดาบนสวรรค์            เครดิตภาพจากผู้เขียน (ดร.อาบแสงจันทร์ ต.)

            5. “ไม่มีกลิ่นของดอกใดหรือกลิ่นหอมของสิ่งใดหอมเกินกว่ากลิ่นหอมของศีล” ศีล แปลว่า ความปกติกาย วาจา และไม่เบียดเบียนผู้อื่น ในพระพุทธศาสนามีหลายระดับชั้น คือ ระดับปกติ คือ ศีล 5 ศีลอุโบสถ คือ ศีล 8 ศีลของสามเณร-สามเณรี คือ ศีล 10 สามเณรี (สามเณรผู้หญิง) ศีลของพระภิกษุ คือ 227 ศีลของพระภิกษุณี (ภิกษุผู้หญิง)  คือศีล 311 เห็นหรือไม่ครับศีลมีหลายระดับพระพุทธองค์ตรัสไว้ในพระคาถาว่า “กลิ่นกฤษณา และกลิ่นจันทร์เป็นกลิ่นเพียงเล็กน้อยส่วนกลิ่นของผู้มีศีลทั้งหลายเป็นกลิ่นชั้นสูงย่อมหอมฟุ้งไปในเทพ และมนุษย์” (ที่มาพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท) แต่เรา ๆ ท่าน ๆขอแค่มีศีล 5 ให้ครบบริบูรณ์ไม่ด่างพร้อยเท่านี้ก็ถือว่าดีมากแล้วครับ

พระพุทธเจ้าผจญธิดาพญามาร            เครดิตภาพจากผู้เขียน (ดร.อาบแสงจันทร์ ต.)

            เห็นไหมครับนี่คือคำสอนที่ดีที่ผู้เขียนนำมาเสนอแก่ท่านผู้อ่านทั้งหลายลองดูนะครับคิดดี ชีวิตดี เจอสิ่งดี ๆ แน่นอน....ธรรมะสวัสดี

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์