อื่นๆ

จริงหรือ...ที่ “ความรัก” มีวันหมดอายุ

845
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
จริงหรือ...ที่ “ความรัก” มีวันหมดอายุ



              เราอาจจะเคยได้ยินคำกล่าวในทำนองที่ว่า “ทุกสิ่งในโลก ล้วนย่อมไม่จีรัง”
แล้ว “ความรัก” ล่ะ เป็นเช่นนั้นด้วยหรือไม่

              ในชีวิตประจำวันของเราก็มีตัวอย่างให้เห็น หลายๆ คู่รักต้องเลิกร้างกันไป พวกเขาหมดรักกันแล้วหรือ แสดงว่า ความรักมีวันหมดอายุจริง?


เพลียใจ

              หากอย่าเพิ่งใจเสีย สรุปเช่นนั้น เพราะอีกหลายๆ คู่รักก็อยู่กันยืนยาวจนแก่จนเฒ่า จนตายจากกันไปข้างหนึ่ง ก็มีตัวอย่างให้เห็นอยู่ไม่น้อย
สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และขึ้นอยู่กับคู่รักแต่ละคู่มากกว่า ถึงจะถูกต้อง          

              ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่ง ที่จะทำให้เราพอจะเข้าใจตัวอย่างทั้งสองกรณีข้างต้นก็คือ...

คุกเข่าขอความรัก


“ความรัก...เป็นสิ่งที่วูบวาบ คงอยู่ได้ไม่นาน และกลายเป็นความผูกพันเข้ามาแทนที่”


              หลายๆ คู่ที่อยู่กันยืนยาวได้ ก็เพราะความผูกพัน มิใช่ความรักแบบเปรี้ยงปร้างเมื่อยามแรกพบ หรือความรักอันร้อนแรงตอนช่วงวัยหนุ่มสาวแต่อย่างใด
    กาลเวลาจะช่วยแปรสภาพความรัก...ให้กลายเป็นความผูกพันอย่างช้าๆ

Advertisement

Advertisement

              อันที่จริงแล้ว ทั้ง “ความรัก” และ “ความผูกพัน” ตามความเข้าใจของคนทั่วไป ในเชิงจิตวิทยาต่างก็ถือเป็นความรักทั้งสิ้น อันที่ถูกต้อง ควรจะเรียกว่า “ความรักแบบเสน่หา” (Passion) และ “ความรักแบบผูกพัน” (Commitment)


              ความรักแบบเสน่หา คือการตกหลุมรัก เป็นความรู้สึกประเภทเดียวกับความหลงใหลคลั่งไคล้ ใฝ่หาอยู่ตลอดเวลา ความรักแบบเสน่หาเป็นความรู้สึกที่มีอานุภาพรุนแรงกว่าความรักแบบผูกพันมากมายหลายเท่า แต่ออกฤทธิ์ได้เพียงระยะสั้น และจะค่อยๆ อ่อนแรงลงตามกาลเวลาที่ผ่านไป ไม่จีรังยั่งยืน โดยจะใช้เวลาลุกโชนมากหรือน้อยแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางครั้งอาจวูบวาบ เหมือนไฟไหม้ฟางซึ่งร้อนแรงโดยฉับพลันและหมดลงอย่างรวดเร็วเพียงข้ามคืน ต่างจากความรักแบบผูกพัน ซึ่งแม้จะมีฤทธิ์รุนแรงน้อยกว่า แต่มีระยะเวลาในการคงอยู่นานมาก โดยอาจจะยืนยาวไปตลอดชีวิตเลยก็เป็นได้

Advertisement

Advertisement


              เมื่อฝ่ายชายตกหลุมรักหญิงสาว ความรักแบบเสน่หาจะพุ่งร้อนแรงขึ้นสูงมาก แต่หลังจากได้รู้จักคุ้นเคยฝ่ายหญิงมากขึ้น ความรักแบบเสน่หาจะลดลงตามลำดับ และจะค่อยๆ พัฒนาไปสู่ความรักแบบผูกพันแทนที่ โดยความรักแบบเสน่หาจะสิ้นสุดลงเมื่อฝ่ายหญิงปราศจากสิ่งที่ฝ่ายชายต้องการค้นหาแล้ว ในระหว่างการค่อยๆ เปลี่ยนถ่ายเพื่อพัฒนาไปสู่ความรักแบบผูกพันนี้ หากมีเพศสัมพันธ์เกิดขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน (ซึ่งเพศสัมพันธ์ควรเกิดขึ้นในบั้นปลายของการเปลี่ยนถ่ายที่สมบูรณ์แล้ว) การพัฒนาจะหยุดชะงักลงทันใด เพราะฝ่ายชายสมหวังในสิ่งที่เขาปรารถนาโดยสัญชาตญาณเพศผู้แล้ว ราวกับถึงจุดสำเร็จหรือได้ชัยชนะแล้วนั่นเอง จึงแปรสภาพไปเป็นความรู้สึกอื่นๆ แทน เช่น ความใคร่ ความสนุก ความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ความคิดว่าตนเป็นฝ่ายถือไพ่เหนือกว่า เป็นต้น ความรักที่ก่อร่างสร้างตัวมาตั้งแต่ต้น ก็จะจบสิ้นลงได้โดยง่าย ยากที่จะยืนยาวไปตลอดรอดฝั่ง ฝ่ายชายอาจหันไปค้นหาความท้าทายกับหญิงคนใหม่ได้ทุกเมื่อ หากหญิงคนปัจจุบันทำให้เขาเกิดความไม่พอใจหรือทะเลาะกัน และอาจจบด้วยการเลิกรากันไปในที่สุด

Advertisement

Advertisement


              ส่วน “ความรักแบบผูกพัน” เป็นรูปแบบของความรักที่มีแรงยึดเหนี่ยวสูง มีลักษณะคงทนต่อสิ่งเร้าภายนอกและบุคคลที่สามที่เข้ามารบกวนได้ดี สามารถออกฤทธิ์ยาวนานตลอดชีวิตได้อย่างไร้ปัญหา ยิ่งใช้เวลาและผ่านความยากลำบากมาด้วยกันเท่าใด ความรักแบบผูกพันก็จะก่อตัวแน่นหนามากขึ้นเท่านั้น หากที่สำคัญ คุณสมบัติสำคัญอย่างหนึ่งของความรักแบบผูกพัน ที่ความรักแบบเสน่หาไม่มีก็คือ...


“ความรักแบบผูกพัน สามารถฟื้นตัวกลับคืนมาได้เองอีกครั้ง”

คิดถึงนะ
               ราวกับนกฟินิกซ์ที่เป็นอมตะ ตายแล้วเกิดใหม่ ดังนั้นเมื่อเห็นบางคู่รักเลิกร้างกันไป อาจหวนกลับมาคืนดีกันได้ในสักวันหนึ่ง เพราะลืมความผูกพันที่เคยอยู่ร่วมกันมาไม่ลง เช่น เหลือบไปเห็นเสื้อผ้าหรือข้าวของเครื่องใช้ของอีกฝ่ายหนึ่งแขวนอยู่ หรือเปิดเจอรูปภาพเก่าๆ หรือไปเจอเหตุการณ์บางอย่างที่สะกิดใจให้คิดถึงกันอีกครั้ง เป็นต้น จึงเกิดความถวิลหากันขึ้นมาอีกครั้ง และกลับมาอยู่ด้วยกันดังเดิมในที่สุด ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก

              บางคู่ก็ออกแนวรักๆ เลิกๆ เข้าทำนอง “อยู่ใกล้เหมือนชัง อยู่ห่างคิดถึง” ประเดี๋ยวจดทะเบียนสมรส ประเดี๋ยวจดทะเบียนหย่ากันเป็นว่าเล่น จนนายทะเบียนปวดหัว (แต่ถ้าเป็นกรณีจดทะเบียนสมรส เขาน่าจะยินดีที่เห็นคนเรากลับมารักกัน)
               ต่างจากรักแบบเสน่หา ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อแรกรักกันใหม่ๆ เท่านั้น นอกเสียจากว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง (ส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายหญิง) เปลี่ยนรูปโฉมหรือภาพลักษณ์ของตัวเองเสียใหม่ราวกับเป็นคนละคน ความรักแบบเสน่หาจึงจะอุบัติขึ้นอีกครั้ง

               แม้กาลเวลา..จะพลัดพรากความรัก (แบบเสน่หา) จากอ้อมอกของเราไป แต่กาลเวลา..ก็ได้สร้างสิ่งใหม่งอกงามขึ้นมาแทนที่ นั่นคือ "ความผูกพัน" ซึ่งเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของความรัก และก็งดงามไม่แพ้กัน ทั้งยังมีอายุที่ยืนยาวกว่าอีกด้วย เพียงแต่ว่าระหว่างคู่ครองที่รักกันนั้น จะสามารถรังสรรค์ให้มันเจริญงอกงามได้เพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับคนสองคนที่รักกันเป็นสำคัญนั่นเอง 

คู่รักหวานชื่น


หมายเหตุ 1 

ถ้าจะกล่าวว่า “ความผูกพัน ไม่ใช่ความรัก” ดูเหมือนจะเป็นคำนิยามที่ไม่ถูกต้องนัก เนื่องจากคำนิยามอันเปรียบเสมือนเส้นบางๆ ที่ขีดคั่นระหว่าง “ความรัก” และ “ความผูกพัน” ออกจากกันนี้ คงไม่ได้รับการยอมรับจากคู่รักที่อยู่กันจนแก่จนเฒ่า (ซึ่งอยู่กันมานานเพราะความผูกพัน) และยังเป็นการไม่ให้เกียรติแก่คู่รักเหล่านั้นด้วย เพราะคำว่ารักนั้นยิ่งใหญ่ตามความรู้สึก
ถ้าถามว่าตากับยายยังรักกันไหม คำตอบที่ได้จากปากพวกเขาคือ “รัก” แน่นอน ดังนั้นในความเป็นจริงและในทางปฏิบัติ “ความผูกพัน” คือรูปแบบหนึ่ง...ของความรักอย่างไม่ต้องสงสัย


หมายเหตุ 2 

“ทุกสิ่งในโลก ล้วนย่อมไม่จีรัง” เป็นคำกล่าวที่ดี เพื่อให้คนเรารู้จักปล่อยวาง และหาทางออกให้กับจิตใจที่ว้าวุ่นได้สงบลง ไม่ยึดติดกับสิ่งต่างๆ...ทุกอย่างเกิดขึ้น...แล้วดับไป เป็นเรื่องธรรมดา
แต่มิควรกังวลกับคำกล่าวนี้มากจนเกินไป ถึงขั้นตัดใจออกบวชทุกคน เพราะคนเรามีวิถีชีวิตและหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบแตกต่างกัน เพียงแต่นำธรรมะเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของเราให้เกิดประโยชน์ก็เป็นพอ


 ภาพประกอบ : วาดโดยผู้เขียน

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์