อื่นๆ

ดวงดีได้ง่ายๆแค่ปรับที่ "ความคิด" (พัฒนาตัวเอง)

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ดวงดีได้ง่ายๆแค่ปรับที่ "ความคิด" (พัฒนาตัวเอง)

"คนดวงดี"ไม่ใช่แค่เรื่องโชคชะตาพามา

 แต่เขาสร้างตัวเองก่อนหน้านี้มาแล้ว... 

           ***บทความนี้มีจุดประสงค์ทำขึ้นมาเพื่อพัฒนาตัวเอง ไม่ได้มุ่งเน้นไปทางไสยศาสตร์นะครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ


          พอพูดถึงเรื่องของดวงแล้วเนี่ย หลายๆคนก็น่าจะนึกถึงเรื่องของโชคชะตาหรือทางไสยศาสตร์ประมาณนี้กันใช่ไหมครับ ผมคนหนึ่งที่ก็เคยคิดอยากจะพึ่งโชคพึ่งดวงอะไรแบบนี้บ่อยอยู่เหมือนกันนะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสอบหรือขอภาวนาเจอแต่สิ่งดีๆอะไรประมาณนี้ สิ่งที่ผมจะมาบอกในบทความนี้เป็นการเสริมดวงเสริมโชคโดยไม่ต้องพึ่งทางไสยศาสตร์เลย นั้นคือ"ความคิด"ของตัวเราเองครับ

ปล.ไม่ได้มีเจตนาว่าทางไสยศาสตร์แย่นะครับ ^ ^

โลกที่เรามองเห็นมันก็คือโลกที่มันเป็นเนี่ยแหละ เราชอบโลกของเราตอนนี้ไหมล่ะ

ใบไม้นำโชคภาพจาก : Janine  / unsplash.com

คนดวงดี ดีอย่างไร?

Advertisement

Advertisement

          คนดวงดีคือคนที่เจออะไรแต่สิ่งดีๆเข้าหาตัว อาจจะเรื่องเพื่อน เงิน งาน ชีวิต ดีไปหมดทุกอย่าง เจอเรื่องที่ทำให้มีความสุขตลอดเวลา ไม่เครียด ไม่คิดมาก อะไรก็ได้ที่ไม่ส่งผลเสียต่อบุคคลนั้น เราก็คงนิยามเขาว่า"คนดวงดี"กันใช่ไหมครับ

"คนดวงดี" กับ "คนดี" ไม่เหมือนกันเลยนะ

          คนดีใครๆก็ชอบคนแบบนี้ใช่ไหมครับ แต่คนดีอาจจะซวยในเรื่องของเงินก็ได้ กับอีกแบบ คนดวงดีถ้าเจอเรื่องปัญหาของเงินเหมือนคนแรก เขาจะไม่มองว่าเรื่องเงินนั้นมันคือสิ่งที่แย่ครับ ใช่ครับ...ผมกำลังจะบอกว่า "คนดวงดี" เขาดีได้จากมุมมองที่เขาเห็น...

ไม่มีใครจะโชคดีไปตลอดหรอก แต่อยู่ที่ว่าตัวเราดีพอที่โชคจะมาหาหรือไม่

โชค

      ภาพของ : Brett Jordan / unsplash.com

          เหตุการณ์แย่ๆเราทุกคนจะต้องเจอมันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะตอนนี้หรือในอนาคต มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะว่านี้คืออชีวิต เราเคยสังเกตกันไหมเมื่อมีคน 2 คนเจอเหตุการณ์แย่ๆเหมือนกัน แต่เขาจะแสดงปฏิกิริยาออกมาที่ต่างกัน(แต่ส่วนใหญ่ก็จะแสดงคล้ายๆกัน) และแน่นอนถ้าเราเอาเรื่องแย่ๆไปแชร์ให้คนอื่นรับรู้ เขาก็จะแสดงปฏิกิริยาที่ต่างออกไปอีก ในเรื่องของแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นหรือความคิดเห็นที่ต่างออกไปหรืออาจจะเห็นด้วยกับเรา แต่ผลที่ตามมาคือเขาให้แง่มุมแง่คิดต่อเหตุการนั้น สิ่งนี้คือสิ่งสำคัญเลยว่าคนที่ดวงดีเขาดีได้อย่างไร และคนดวงซวยเขาก็จะเจอแต่เรื่องซวยๆตลอดเพราะอะไร

Advertisement

Advertisement

"คนดวงดี" เขาจะไม่มองว่าเหตุการณ์มันแย่เสมอไป เพราะเหตุการณ์แย่ๆมันมักจะมีข้อดีเสมอ

"คนดวงซวย" เขาจะมองเหตุการณ์ที่ดีไม่ออก เพราะเขาไม่คิดที่จะหาข้อดีของเรื่องนั้นเลย

ผมจะขอยกตัวอย่างสักเรื่องนึงที่เป็นประสบการณ์ของผมโดยตรง

เมื่อก่อนตอนที่ผมอยู่ ม.6 ก็กำลังจะเข้าสู่รั่วมหาวิยาลัยแล้วล่ะ ในตอนนั้นผมตั้งใจอ่านหนังสือมากๆอ่านหนักสุดๆคืออ่านหนังสือจบไป 25 เล่มและอ่านจบจริงๆ หลายๆคนที่เห็นผมตอนนั้นจะรู้ว่าตัวผมขยันสู้ตายสุดๆ ไม่ว่าจะเวลาไหนผมก็จะติวหนังสือเสมอ ตอนนั้นผมคิดไว้ว่าแค่อ่านหนังสือเยอะสะสมความรู้ให้เยอะ ความรู้เยอะๆตรงนี้มันจะช่วยให้ผมโชคดีได้ แน่นอนว่าเด็กส่วนใหญ่ก็อยากที่จะเข้ามหาลัยอันดับหนึ่งอยู่แล้ว อาจจะในเรื่องของความมีหน้ามีตา เอาเรื่องนี้ไปอวดป้าข้างบ้านได้ หรือวัตถุประสงค์ของคนๆนั้นเนาะ แต่ผมอยากเข้าเพราะคิดว่าจบไปคงมีคนจ้างงาน 100% แน่นอน  แต่ผลปรากฏว่าผมสอบไม่ติดมหาลัยที่หวังไว้และไปติดมหาลัยที่อื่นแทน มหาลัยที่นี่ก็ไม่แย่เลยครับแต่ผมกลับไม่ได้มีความสุขกับสิ่งที่ผมได้มา ผมคิดว่าตัวผมตอนนั้นคือคนที่ดวงซวยแท้ๆ พระเจ้าไม่ได้ช่วยอะไรผมเลย และผมกลายเป็นเด็กคิดมากคนนึง จนกระทั่งมีเหตุการณ์หนึ่งที่มันสะกิดใจผมเล็กน้อย หลายๆคนบอกว่า "ติดมหาลัยดีๆแบบนี้ต้องฉลองหน่อยแล้ว" "เธอเก่งมากๆเลยนะที่สอบที่นี่ติดได้..." ใช่ครับ หลายๆคนดีใจกับสิ่งที่ผมติดมหาลัยที่แห่งนี้ และแน่นอนว่าผมมองเหตุการณ์ดีๆ ที่หาข้อดีของเหตุการณ์นี้ไม่ออกจริงๆ ผมพึ่งมาตระหนักได้จากเสียงของคนรอบกาย มันก็ไม่ได้แย่นี่หว่าที่จะเรียนที่แห่งนี้ มีคนมากมายอยากจะเข้ามาเรียนในที่ที่ผมติดด้วยซ้ำ ทำไมผมถึงไม่ดีใจล่ะ

Advertisement

Advertisement

นั้นสิ...ทำไมไม่ดีใจล่ะ ผมก็ออกจะโชคดีด้วยซ้ำไป

ถ้าลองมองดีๆผมได้เรียนที่ดีๆติด 1 ใน 100 จากเด็กทั้งหมดเป็นหมื่นกว่าคนที่อยากจะเข้าที่แห่งนี้

ถ้าลองมองดีๆถ้าผมอ่านหนังสือน้อยกว่านี้ผมจะไปติดที่ไหนที่มันดีเท่าตอนนี้

ถ้าลองมองดีๆ... พ่อแม่ภูมิใจที่เห็นเราเข้ามหาลัยที่ดีๆได้ นั้นสิ...ทำไมผมจะไม่ดีล่ะ 

นี้คือหนึ่งในตัวอย่างของ"คนซวย"ที่เขาจะมองเหตุการณ์ที่ดีไม่ออก เพราะเขาไม่คิดที่จะหาข้อดีของเรื่องนั้นเลย

อีกตัวอย่างของผมที่คน"ดวงดี"จะมองว่าดีได้อย่างไร

พื้นเดิมผมเป็นคนที่ชอบพัฒนาตัวเองอยู่แล้วในเรื่องของปรัชญาแนวคิดอะไรพวกนี้ ซึ่งผมเป็นคนที่ชอบแนวพัฒนาตัวเองอยู่แล้ว อ่านหนัง ฟังจิตวิทยา ฟังPodcast ประมาณนี้ครับ

ในช่วงเวลานั้นคือผมคิดว่าผมกำลังเจอแต่เรื่องแย่ๆเข้ามาในชีวิตแล้วล่ะ ไม่ว่าจะอกหัก เงินทองที่บ้าน มีปัญหากับเพื่อน

          ในช่วงเวลาที่อกหัก แน่นอนใครๆก็เจ็บที่เป็นแบบนี้ แล้วยิ่งเป็นรักแรกก็คงเจ็บมากๆใช่ไหมครับ แต่กลับว่าผมต้องขอบคุณเธอคนนั้นเลย ถ้าผมไม่ได้พบเจอเรื่องแย่ๆจากเธอมา ผมก็คงไม่โตไปมากเท่านี้หรอก ปัญหาของเธอผมไม่ได้มองว่านั้นคือสิ่งที่แย่เลย ถ้ามองดีๆเธอกำลังบอกผมว่า...ผมควรที่จะพัฒนาตัวเองด้านจิตวิทยาความสัมพันธ์นะ(มองโลกแง่ดีมาก555 *แต่การมองโลกคือสิ่งที่จำเป็น!!!) และต้องขอบคุณจากใจจริงๆ เพราะเธอทำให้ผมที่กลายเป็นผมเวอร์ชั่นที่ดีกว่าเดิมในทุกๆวันได้ ผมเอาเรื่องที่ผมไปพัฒนาตัวเองไปช่วยเหลือความคิดของคนอื่นได้หลายคนเลย ผมเอาความคิดที่ผมพัฒนามาแชร์มาสอนให้เพื่อนผมมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ และผมต้องขอบคุณเหตุการณ์อกหักครั้งนั้นที่ทำให้ผมเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิมได้ทุกๆวัน แรงบันดาลใจที่อยากพัฒนาตัวเองผมเกิดขึ้นได้จากเธอเลยครับ5555

          เรื่องเงินทองที่บ้าน ในยุคโควิดใครๆก็ต้องมีปัญหากันใช่ไหมครับ เรื่องนี้ตระหนักผมได้แล้วว่า ผมอยู่ที่เดิมนานแบบนี้ไม่ได้แล้วล่ะ ต้องออกมาทำอะไรสักอย่างแล้ว ไม่งั้นแย่แน่ๆ ผมต้องขอบคุณโควิดครั้งนี้ที่ทำให้ผมต้องตระหนักเรื่องการใช้เงินและหาเงิน ไม่งั้นผมก็คงทำตัวกินเงินแบบเดิมไปนานแน่นอนเลย ที่สำคัญผมมีใจที่อยากจะลดแบ่งเบาภาระพ่อแม่ได้อีกด้วยนี้ก็ข้อดีเหมือนกัน ^ ^

          หรือว่าจะเป็นช่วงมีปัญหากับเพื่อน ตอนนั้นผมทำงานเป็น"ขายตรง"ซึ่งแน่นอนว่าหลายๆคนอาจจะอี๋กับคำนี้กันมากๆ แต่ผมก็ไม่ได้อคติอะไรกับการขายนักหรอก ผมมองว่าทุกๆอาชีพมันมีคุณค่าในตัวของมันเสมอ  เมื่อผมทำไปได้สักระยะนึงผมก็อยากจะชวนเพื่อนๆมาทำตรงนี้กันด้วย ตอนนั้นแน่นอนว่าผมกำลังเจอปัญหาว่า เขามองผมเปลี่ยนไป โดยปกติตัวผมในสายตาเพื่อนๆผมเป็นคนดีมากๆคนนึงนั้นแหละ และผมก็ไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้เขาคิดว่าการทำขายตรงมันดูแย่มากมายอะไรขนาดนั้น และแน่นอนผมถูกมองว่าแย่ไปด้วย ในขณะที่คุยกันนั้นมี 1 ประโยคที่ออกมาจากปากเขา เขาแค่พูดว่า"ถ้ารวยก็เลี้ยงพวกกูด้วยนะ" ลองคิดเล่นๆดูละกันว่าผมโดนมองว่าแย่ไม่พอ พอรวยแล้วต้องเลี้ยงพวกเขาด้วย555 สุดยอดแห่งเพื่อนจริงๆเลย "ไม่ว่าผมจะทำดีกับเขาแค่ไหน ถ้าเขาไม่ชอบเราเขาก็ไม่ชอบเราอยู่ดีนั้นแหละ" เหตุการณ์นี้กำลังบอกผมว่า...เพื่อนที่ดีไม่ต้องเน้นปริมาณแต่เน้นคุณภาพมากกว่า เพื่อนที่ดีไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับเราเสมอไปแต่จะคอยแนะนำในสิ่งที่เราเป็น อย่างน้อยผมก็โชคดีที่เหตุการณ์นี้บอกผมว่า"เพื่อนคนนี้เขาจ้องที่จะเอาเงินจากเราอยู่"เพราะฉะนั้นผมก็ไม่ควรที่จะไปยุ่งกับเขาดีกว่า...

เมื่อเหตุการณ์แย่ๆเข้ามาในชีวิต มันไม่ได้บอกว่าเราซวยแค่ไหน แต่มันกำลังบอกว่าเราควรทำอย่างไร

เพื่อนภาพจาก : Tyler Nix / unsplash.com

          สรุป

          จากที่ท่านผู้อ่านอ่านมาได้สักพักจะเห็นได้ว่า"คนดวงดี"เกิดจากที่เขามองแง่มุมที่ดีกับเหตุการณ์นั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแย่หรือดีก็ตาม และเขาจะมองกระจ่างได้ว่าเรื่องนั้นกำลังบอกอะไรแก่เขาอยู่

"คนดวงดี" เขาจะไม่มองว่าเหตุการณ์มันแย่เสมอไป เพราะเหตุการณ์แย่ๆมันมักจะมีข้อดีเสมอ

"คนดวงซวย" เขาจะมองเหตุการณ์ที่ดีไม่ออก เพราะเขาไม่คิดที่จะหาข้อดีของเรื่องนั้นเลย

เสริมดวง

1. พัฒนาตัวเอง เสพสิ่งดีๆพูดดีๆออกมาบ้าง

2. ทุกเหตุการณ์กำลังบอกอะไรแก่เราเสมอ(หาข้อดีให้เจอ)

3. เสพสื่อดีๆเพราะทุกวันนี้สื่อโซเชียลเอาข่าวมาดีๆมาให้เสพจริงหรือ

4. คบเพื่อนเช่นไรได้เป็นเช่นนั้น งั้นก็จงเลือกคบเพื่อนเพราะเพื่อนก็คล้ายโซ่ตรวน ถ้าเขาดีเขาจะพาเราไปทางที่ดี ถ้าเขาเป็นคนคิดลบ เขาจะพาเราคิดลบ ถ้าเขาอยากที่จะประสบความสำเร็จ เขาจะพาเราประสบความสำเร็จไปด้วย


โชคดีกันทุกคนนะครับ ขอบคุณครับ

ภาพหน้าปก : Jason Rose / unsplash.com

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน  App TrueID โหลดเลย ฟรี !

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์