อื่นๆ
ดวงตาเห็นผี
.jpg)
เกริ่นนำก่อนนะครับ ผมจะถูกให้สวดมนตร์ นั่งสมาธิตั้งแต่เด็กๆ ยัน ม.6 และมหาลัยไม่มีกิจกรรมที่มหาลัย แต่ก็มีนั่งบ้างที่บ้าน และปัจจุบันก็ใส่บาตร สมาธิบ้าง ฟังธรรม และสมัยเด็กๆผมเป็นคนกลัวผีมาก เพราะถูกปลูกฝังและยายมักจะเล่าเรื่องผีให้ฟังบ่อยๆ จนกลัวถึงขั้นเวลาเข้าห้องน้ำกลางคืนต้องปลุก พ่อหรือแม่มานั่งเฝ้า แต่พอโตมาก็มีกลัวบ้าง แต่ก็สามารถใช้ชีวิตกับเรื่องแปลกๆที่เกิดขึ้นได้โดยไม่รู้สึกว่าเดือดร้อนหรือต้องหาวิธีแก้อะไร
บ้านเก่าหลังแรก ผมอยู่แถวเทเวศร์ ห้องแถว 2 ชั้น จากหน้าบ้านเข้าไปจะเป็นห้องโถงส่วนหน้า และมีประตูผ่านไปยังห้องครัว มีห้องน้ำทางซ้ายมือ และถัดห้องน้ำไปจะเป็นบันไดลิงปีนขึ้นไปชั้น 2 บ้านผมมี 5 คน พ่อ แม่ ยาย น้องสาว และผม ผมเห็นอะไรแปลกๆครั้งแรกช่วงอนุบาล 3 เวลาอาบน้ำต้องให้พ่อหรือแม่อาบให้เพราะกลัวผี ตอนนั้นพ่ออาบน้ำให้และจะเปิดประตูห้องน้ำไว้ เพราะห้องน้ำค่อนข้างแคบ ถ้าเข้า 2 คน ต้องเปิดประตู ระหว่างที่พ่ออาบให้ ผมหันไปมองด้านหลัง เห็นยายแก่ๆ ผมหงอก ใส่เสื้อขาวๆ แบบคนสมัยก่อน นุ่งโจงกระเบน เดินผ่านหน้าห้องน้ำไป ซึ่งบ้านผมมียายอยู่แต่ไม่แก่ขนาดนั้นและผมดำไม่ขาวล้วน เป็นครั้งแรกที่ได้เจอ ซึ่งพอเห็นปุ๊ป ผมรีบหันหน้ากลับมาให้ไว วินาทีนั้นผมกลัวมากยืนเกาะโอ่งน้ำแน่น หลังจากนั้นก็ไม่เจออะไรอีก มีไปเล่าให้พ่อแม่ฟังแต่พ่อแม่บอกไม่มีอะไรหรอก จนผ่านมาได้ช่วงมัธยมข้างบ้านเสียชีวิต
Advertisement
Advertisement
วันนั้นมีเหตุให้ผมต้องนอนกับยายข้างล่างซึ่งยายนอนกางมุ้ง ซึ่งผมกลัวผีเป็นทุนเดิม กลางดึกผมได้ยินเสียงคนเปิดประตู ตอนนั้นกลัวมากนอนเหงื่อแตกแต่คิดว่าคงไม่มีอะไรมั้งเป็นคนแถวนั้นเปิดประตูบ้านเขา เลยหรี่ตามามองเห็นเป็นเงาคนผมสั้นๆ รู้ได้เลยคือน้าคนที่เสีย ค่อยๆเดินเข้ามาแล้วมายืนที่ปลายเท้าเราแล้วหยุดยืนมอง ผมรีบหลับตาแล้วนอนต่อเหงื่อแตกเต็มไปหมดกลัวสุดๆ จนผ่านมาความกลัวก็เริ่มน้อยลงเพราะโตขึ้น ช่วง ม.6 ตื่นมาเข้าห้องน้ำตอนเช้าเพื่ออาบน้ำ แต่งตัวไปเรียน วันนั้นจำได้ว่าต้องรีบไปสอบ แต่ต้องเดินเลยห้องน้ำเพื่อไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่แขวนไว้หน้าประตูทางเข้าห้องครัว ด้วยความง่วงผมเดินก้มหน้ามาถึงหน้าห้องน้ำ พลันมองเห็นขาคนเดินไปที่ประตูทางเข้าครัว ผมนึกว่าน้องสาวเลยพูดไปว่า
พี่ขออาบน้ำก่อนนะ พี่ต้องไปสอบ พร้อมเดินตามออกไป แต่พอเดินผ่านประตูกลับหายไป ทั้งๆที่เดินตามมาติด ระยะแค่เอื้อมมือถึง แต่ด้วยความง่วงเลยไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ จึงหยิบผ้าขนหนูแล้วไปอาบน้ำ พออาบเสร็จมารีดเสื้อผ้าต่อที่ห้องโถงแต่ระหว่างที่รีด ได้ยินเสียงประตูบ้านเปิดหันไปมองก็ไม่เปิด ได้ยินอยู่ 3-4 ครั้งเลยเดินไปเปิดประตูดูว่ามีบ้านอื่นเปิดหรือเปล่าก็ไม่มี กลับมารีดต่อก็ได้ยินอีกพร้อมมีลมผ่านมาทั้งๆที่ไม่ได้เปิดประตู แต่ด้วยความรีบก็ไม่ได้สนใจอะไร หลังจากนั้นก็ไม่เห็นอะไรอีกจนย้ายบ้านไปฝั่งตรงข้ามเพราะถูกไล่ที่ และแม่ผมเสียก่อนย้ายไม่กี่วัน
Advertisement
Advertisement

Advertisement
Advertisement
บ้านเก่าหลังที่สอง เป็นห้องแถวเช่นกัน 2 ชั้น อยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านหลังเก่าเยื้องๆไปนิดหน่อย แต่แคบกว่าเก่ามาก หลังนี้ไม่เจออะไร แต่พ่อที่นอนบ้านเก่าระหว่างขนย้ายของเล่าว่าได้ยินเสียงแม่มาเรียกหน้าบ้านเลยจุดธูปเชิญเข้าบ้าน ได้ยินเสียงแม่มาร้องไห้ข้างๆตอนกลางคืน น้องสาวก็ได้ยินเสียงแม่มาเรียก แต่ผมไปนอขั้นต้นขอชี้แจงก่อนว่าเป็นประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ ซึ่งเกิดขึ้นจริงทั้งหมด ไม่ได้แต่งเติมแต่อย่างใด
เกริ่นนำก่อนนะครับ ผมจะถูกให้สวดมนตร์ นั่งสมาธิตั้งแต่เด็กๆ ยัน ม.6 และมหาลัยไม่มีกิจกรรมที่มหาลัย แต่ก็มีนั่งบ้างที่บ้าน และปัจจุบันก็ใส่บาตร สมาธิบ้าง ฟังธรรม และสมัยเด็กๆผมเป็นคนกลัวผีมาก เพราะถูกปลูกฝังและยายมักจะเล่าเรื่องผีให้ฟังบ่อยๆ จนกลัวถึงขั้นเวลาเข้าห้องน้ำกลางคืนต้องปลุก พ่อหรือแม่มานั่งเฝ้า แต่พอโตมาก็มีกลัวบ้าง แต่ก็สามารถใช้ชีวิตกับเรื่องแปลกๆที่เกิดขึ้นได้โดยไม่รู้สึกว่าเดือดร้อนหรือต้องหาวิธีแก้อะไร
บ้านหลังที่สาม เป็นตึกแถว 2 ชั้น ห้องน้ำจะอยู่ชั้นล่าง อยู่ใกล้วัด ใกล้ๆมีเมรุเผาศพซึ่งออกไปยืนระเบียงจะเห็นใกล้ๆ หรือเดินไปแค่ ประมาณไม่ถึง 1 นาทีถึงเมรุ แรกๆผมมานอนก็กลัวนะครับเพราะเปลี่ยนที่และยังไม่ชินก็นอนไม่ค่อยหลับ ซึ่งมีพ่อ ผม และน้องอาศัย 3 คน อาศัยไปได้สักพักเริ่มเจอคือ ประตูเปิดเอง ทั้งๆที่ปิดประตูและเป็นลูกบิด แต่เราก็มองว่าประตูคงไม่ดี อากาศร้อน เย็น ไม้คงหดเลยทำให้ช่องว่างประตูมันห่าง ลูกบิดเลยเคลื่อนเปิดเพราะแรงดันลมหรือแรงดันอากาศ จนมาคืนหนึ่งผมตื่นมากลางดึกช่วงเที่ยงคืนกว่าเกือบตีหนึ่งผมเป็นคนนอนเปิดไฟ ผมได้ยินเสียงคนสวดมนตร์ข้างๆที่นอน ดังเหมือนคนมาสวดข้างได้ยินชัดเจนมาก แต่เป็นบทสวดภาษาแปลกๆที่ไม่เคยได้ยิน ไม่ใช่บาลี ไม่ใช่ไทย เสียงที่สวดเป็นผู้ชาย ทำนองการสวดค่อนข้างดุดัน ผมก็ลุกมาแล้วตั้งใจฟังว่ามาจากข้างบ้านหรือเปล่า เอาหูแนบกำแพงก็ไม่มี เสียงยังสวดที่เดิม เลยลุกไปเปิดประตูว่าพ่อได้สวดหรือเปล่าเพราะห้องติดกันก็ไม่มี เปิดประตูไปดูพ่อก็นอนหลับ แต่ก็ได้ยินเสียงที่เดิม ก็เลยกลับมานอนที่เดิมแต่เสียงก็ยังสวดเช่นนั้นจนผ่านไปเกือบ 10 นาที ได้ยินคำลงท้ายเรียกชื่อเล่นเรา ซึ่งถ้าไม่สนิทจะไม่รู้และคำเรียกเหล่านี้จะมีญาติๆไม่กี่คนที่เรียก
พอเรียกเสร็จก็สวดอีก 2-3 ประโยค และลงท้ายด้วย อโหสิกรรม แล้วก็เงียบหายไป ผมก็นอนคิดสักแปปใช่รึเปล่าแต่ก็ไม่ได้สนใจเพราะง่วงเลยนอนต่อ ตื่นมาก็เล่าให้พ่อฟัง พ่อเลยบอกให้ไปใส่บาตรทำบุญ แต่เราก็เฉยๆไม่ได้สนใจมาก หลังจากนั้นไม่กี่วัน นอนๆอยู่รู้สึกเหมือนตัวขยับไม่ได้ ตาลืมไม่ขึ้น แต่เหมือนสลึมสลือเห็นว่าตัวเองนอนอยู่ ได้แต่คิดว่า อ๋อ เป็นแบบที่แพทย์บอกคือร่างกายอ่อนแรงชั่วขณะแบบที่หมอบอกทางวิทยาศาสตร์ ก็พยายามกระดิกนิ้วหยายามยกแขนก็ทำไม่ได้ แต่ไม่ได้อึดอัดอะไร จนตั้งสติเลยนึกถึงรัชกาลที่5 ที่ทางบ้านนับถือเลยบอก พ่อช่วยลูกด้วย สักพักก็กระดิกนิ้วได้ แล้วค่อยๆยกแขนได้ จึงพลิกตัวลุกขึ้นมาได้ พอลุกขึ้นมาก็นั่งตั้งสติพักนึงแล้วนอนต่อเพราะดึกแล้วและคิดว่าคงไม่มีอะไรแต่พอเอนตัวลงได้แปปเดียว ได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราตรงระเบียงห้องใกล้มากๆ หัวเราะแบบชอบใจที่แกล้งได้ ได้ยิน 2-3 ครั้งติดกัน เราก็คิดว่าคงเป็นบ้านอื่นแต่ใครจะมาหัวเราะตอนดึกๆตี1 ตี2 พออีกวันก็เป็นอีก อาการเดิมเลย และระลึกถึง ร.5 ก็ลุกได้เช่นเดิม แล้วก็ได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะที่เดิม 2-3 ครั้งเช่นเดิม เลยเล่าให้พ่อฟังในอีกวันต่อมา
พ่อบอกให้ใส่บาตรบ้าง แต่ผมไม่ค่อยได้ใส่บาตรช่วงนั้นเพราะ มีค่าใช้จ่ายมาก แต่ผมจะนั่งสมาธิ ฟังธรรม แผ่เมตตา หลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์อีก ผมลงมาเช้าห้องน้ำข้างล่าง พอเปิดไฟซึ่งไฟครังกับห้องน้ำหลอดเดียวกันเพราะอยู่ติดกัน ระหว่างที่เปิดจะมีช่วงที่กว่าไฟจะติด ผมปวดมากเลยรีบเดินเข้าไปก่อน เห็นกลุ่มควันสีขาวค่อยๆรวมเป็นก้อนเดียวแล้วหายไปในกำแพง แต่ก็ด้วยความง่วง+ปวดเบา เลยรบเข้าห้องน้ำ พอเสร็จก็ขึ้นห้องนอนไม่สนใจ อาจเพราะรับรู้บ่อยจนเริ่มชิน+กับฟังธรรมมากจนเริ่มปรับความคิดดีขึ้น บ้านนี้น้องสาวก็มักมีความรู้สึกคนมายืนมองเวลานั่งเล่นคอมข้างล่างกลางคืน และลูกพี่ลูกน้องที่เคยอยู่ก็เล่าว่าก่อนมาอยู่เป็นบ้านคนเล่นของ เอาพระมาไว้ใต้บันได้ มีตอกตะปูอะไรไม่รู้ ถอนไม่ออกจนพลาดไปโดนตะปูจนเป็นแผล เป็นหนองไม่หาย จนไปขอน้ำมนตร์มาราดแผลจึงดีขึ้นและถอนตะปูออกได้ แต่ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้และไม่เคยจะใส่ใจอะไร แต่ก็อยู่ได้ไม่กี่ปีก็ต้องย้ายบ้านอีกเพราะเจ้าของขายที่ต่อคนอื่น เลยต้องย้ายออกกันหมด ดีว่าบ้านใหม้ไม่ไกลจากเดิม
บ้านหลังที่4 ปัจจุบัน เป็นตึกแถว 3 ชั้น มีชั้นลอยระหว่างชั้นที่ 1 กับ 2 อีก 1 ห้องน้ำมีทุกชั้น แต่ชั้น 1 ห้องน้ำจะไม่ค่อยดี ค่อนข้างโทรม น้องสาวนอนชั้น 3 ผมนอนชั้น 2 พ่อนอนชั้นลอย แต่หลังๆสุขภาพไม่ดีไม่มีแรงขึ้นจึงนอนชั้นล่าง บ้านนี้โอเคเลย แต่ก็มีเห็นบ้างเวลาผมนั่งเล่นคอม มักเปิดประตู จะเห็นเป็นเงาแว้บๆ เดินขึ้นบันไดมาบ้าง บางทีก็เป็นเงาแว้บๆเข้ามาในห้อง เห็นด้วยหางตา แต่ก็ไม่ใส่ใจอะไร พยายามโลกสวยและไม่ให้ความสำคัญ นอกนั้นก็ไม่มีอะไร แต่พ่อผมก็ต้องมาเสียที่บ้านนี้ ดีที่นอนหลับไปสบาย ทุกวันนี้ก็อยู่ 2 คนกับน้อง ที่ประตูห้องผมแปลกๆอย่าง ผ้าม่านมีสภาพเหมือนมีน้ำซึมจากประตูด้านบนลงมา ค่อยๆเพิ่มพื้นที่เรื่อยๆตั้งแต่มาอยู่ ตอนนี้ก็เหมือนมีรอยเปียกไปครึ่งผืนด้านขวา แต่พอจับก็ไม่เปียก
แต่ก็จะมีเหตุการณ์ที่เกิดที่ค่ายทหาร ตอนที่ผมไปฝึกและประจำการ อยู่แถวเกียกกาย คือ หลังฝึกเสร็จเราก็จะไปประจำแต่ละกองร้อย และมีการเข้าเวรต่างๆ วันนั้นผมรับเวรช่วงดึก และวันรุ่งจะมีการทำบุญกองพันมีการตั้งปะรำพิธีตรงที่ผมเข้าเวร และมีศาลเจ้าใหญ่ๆอยู่ใกล้ๆ ช่วงนั้นมีการสรา้งสถานการณ์ว่าจะมีหน่วยเหนือลอบเข้ามาวางระเบิดเพื่อทดสอบเวรยามทหาร ผมก็เดินตรวจสอบ จนเดินไปด้านหลังปะรำพิธีเห็นเป็นชายแก่นุ่งชุดพรามหณ์เดินหายไปต่อหน้าต่อตา ตอนนั้นกลังเลยกลับมานั่งที่มีไฟแล้วนั่งกดมือถือแก้กลัว(สมัยนั้นยังใช้ 3310 เล่นเกมงู) เลิกเดินตรวจเลย และอีกครั้งระหว่างนั่งเล่นใต้ถุนกองร้อยช่วงกลางคืน ผมไปอาบน้ำก่อนเพื่อนจึงมานั่งดูทีวี ก่อน เพื่อนๆบางคนยังอาบน้ำ บางคนยังอยู่บนโรงนอน ผมอยู่คนเดียวใต้ถุน ระหว่างดูทีวี ด้านข้างทีวีจะมีกระจก ผมเห็น มีคนนุ่งชุดขาว ไม่มีหัว ยืนอยู่ตรงไม้แผ่นใหญ่น่าจะ สูง 2-3 เมตร กว้าง 2-3 เมตร สีน้ำเงินที่พิงไว้กับกำแพงด้านหลังติดกับห้องน้ำ แต่ด้วยที่ไฟสว่างมีคนอยู่เยอะแม้จะบนโรงนอน หรือในห้องน้ำเลยไม่ได้กลัวอะไรนั่งดูต่อ คิดว่าตัวเองคงตาฝาด จนถึงเวลานอน มีเพื่อนคนนึงขอดูทีวีต่อ ผ่านไปได้สักพักได้ยินเสียงร้องผีหลอกๆช่วยด้วย ทุกคนตื่นกันหมด เพื่อนวิ่งขึ้นมาหน้าตาตื่น บอกผีหลอกๆ จ่าเวรถามเพื่อนบอกมีคนมายืนมอง จ่าเลยบอกตาฝาดลงไปดูต่อไป ไม่ดูก็ปิด เพื่อนก็ลงไปดูสักแปปก็วิ่งขึ้นมาร้องโวยวายอีกผีหลอกๆ ไม่เอาแล้ว ใครลงไปปิดทีวีให้ที จึงมีเพื่อนๆลงไปปิดให้ และอีกครั้งตอนเข้าเวรปกติผมไม่เคยหลับเวร แต่วันนั้นด้วยเพลียมาก จึงนั่งหลับตาแต้ก็ไม่ได้หลับนะครับ มีหมานั่งเฝ้าด้วยหลายตัว พอนั่งไปสักพักเริ่มสัปประหงกจะหลับได้แปปเดียวก็สะดุ้งตื่น เพราะรู้สึกเหมือนมีคนเดินเข้ามา ด้วยความตกใจว่าจะเป็นนายทหารเวรที่มาตรวจจึงรีบลุกขึ้น แต่พอหันไปดูรอบๆก็ไม่มีใคร หมาก็นอนที่เดิม จึงนั่งแล้วหลับตาสักแปปก็เป็นอีก จึงไม่หลับเลย
ที่เคยเจอเหตุการณ์แปลกๆคร่าวๆก็มีเท่านั้นครับ ไม่รวมที่เห็นแว้บๆอีกหลายครั้ง รวมทั้งเสียงเหมือนคนมาเรียก แต่ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญครับ นำมาเล่าให้ฟังเผื่อมีคนเจอเหตุการณ์แปลกๆเช่นกัน แต่ก็อยากให้สติเพื่อนๆนะครับ ให้ยึดธรรมมะไว้เป็นที่ตั้ง ถ้าเจออะไรแบบนี้อย่าไปใส่ใจ ให้เรายึดมั่นทำดี หมั่นทำบุญบ่อยๆ ก็ไม่ต้องไปกลัวอะไรครับ และไม่ต้องวิ่งไปหาหมอผี หมอธรรมอะไรให้เขาต้องมาหลอกครับ คนเราจิตใจดี ปฏิบัติดีผมเชื่อครับ สิ่งไม่ดีจะห่างไกลเรา หรือมีเคราะห์จะเบาบางลงเองครับ
ภาพโดย HAPPY NEW YEAR *** S. Hermann & F. Richter จาก Pixabay
ความคิดเห็น







ภาพโดย
ภาพโดย