อื่นๆ
ทางแยกอาถรรพ์

หลังเกิดเหตุสลด สี่แยกถนนบายพาสก็มีป้ายไวนิลข้อความว่า “ทางแยกข้างหน้าเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โปรดระวังอันตราย” มาติดเตือน คงเป็นทีมงานของทางเทศบาล ป้ายขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ด้วยเป็นของใหม่จึงเตะตา กลายเป็นที่สังเกตของผู้ใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะผม แต่มีไม่น้อยเช่นกัน ที่ยังขับรถเร็วไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ทั้งๆ ที่เพิ่งเกิดเหตุร้ายไปหยกๆ ผ่านไปยังไม่ถึง 3 วัน เขาคงไม่รู้ เหมือนที่ไม่รู้ว่าถนนสายนี้ไม่ควรขับเร็วแม้จะโล่งก็ตาม
ถนนบายพาส สองข้างทางเป็นทุ่งนา ไร้บ้านเรือน รถบางคันจึงใช้ความเร็วกันเต็มที่ แม้ไม่มีบ้านตั้งริมทาง ทว่ามีซอยเล็กๆ แยกเข้าชุมชนอยู่ 1 แห่ง ก็สี่แยกที่ผมบอกก่อนหน้านี้ว่าเกิดเหตุร้ายนั่นแหละ ด้วยเป็นถนนเลี่ยงเมืองของอำเภอเล็กๆ บายพาสเส้นนี้จึงมีเพียง 2 เลน และไร้สัญญาณไฟจราจร อย่าว่าแต่ไฟเขียวไฟแดงที่บายพาสถนนเลี่ยงเมืองเลย กลางตัวอำเภอสัญญาณไฟยังใช้งานไม่ได้
Advertisement
Advertisement
เพราะข้างทางไม่มีบ้านเรือนตั้งอยู่ และเป็นทุ่งนากว้างโล่ง รถยนต์ที่ขับผ่านทางนี้จึงใช้ความเร็วกันเต็มที่ แต่เอาเข้าจริงใครที่ใช้ถนนเส้นนี้ประจำจะรู้ว่า ไม่ควรขับรถเร็วนัก โดยเฉพาะใกล้ค่ำ โพล้เพล้ เพราะบางครั้งจะมีชาวนาต้อนฝูงวัวกลับคอก มีพ่อ มีแม่ขับจักรยานยนต์พาลูกๆ กลับบ้าน
ผมมีที่ดินริมถนนบายพาสขนาด 1 แปลง ประมาณครึ่งไร่ เย็นบางวันพาลูกๆ ซ้อนท้ายจักรยานยนต์ไปดูต้นไม้ที่ปลูกไว้ต้องขับรถชิดริมถนนมากๆ หรือไม่ก็ต้องจอด เมื่อมองผ่านกระจกข้างแล้วเห็นว่ามีรถยนต์พุ่งตามหลังมา ถนนค่อนข้างแคบ อันตรายไม่น้อย
ที่ดินที่ว่าอยู่ถัดจาก 4 แยกไปเพียงเล็กน้อย ลักษณะ 4 แยกที่ว่า เป็นทางโทเล็กๆ แยกออกจากบายพาส ปากทางมีหญ้าขึ้นแม้ไม่สูงมาก แต่ก็บังตาได้พอควร เหตุสลดที่เทศบาลถึงกับต้องนำป้ายมาติดเตือน ก็เกิดจากปัจจัยนี้ คือ ปากทางมีหญ้า และบนถนนเอกมีรถเร็ว
Advertisement
Advertisement
3 วันที่แล้ว แม่ลูกคู่หนึ่งพากันขับรถออกจากทางโท เพื่อเข้าทางเอก หมายไปซื้อกับข้าวในตลาดเย็น เมื่อถึงทางแยก แม่ก็ขับรถออกมาทันที ด้วยมองไม่เห็นรถยนต์บนทางเอกที่พุ่งมาด้วยความเร็ว เสียงโครม! สนั่น รถและแม่เคราะห์ดี ไม่ถูกเหยียบและลากไปบนถนน เพราะแรงปะทะผลักออกให้ตกลงข้างทาง แต่เด็กชายที่ซ้อนท้ายมาร่างลอย ตกลงหลังคารถยนต์ แล้วกระเด็น กระแทกพื้นยางมะตอย ตายคาที่ เด็กชายอายุเพียง 8 ขวบ อยู่โรงเรียนเดียวกับลูกชายผม
“มองไม่เห็นรถเลย” ฝ่ายแม่สะอื้นตอบถึงสาเหตุ หลายคนฟันธงว่า ‘คงเพราะผีบังตา เนื่องจากช่วงนั้นใกล้ค่ำแล้วด้วย’ แต่ผมว่า ไม่ใช่ผีหรอกที่บังตา ความประมาทและต้นหญ้านั่นแหละ

เล่ามาเกินครึ่งเรื่อง เหมือนผมอยู่ในเหตุการณ์เลยใช่ไหม แต่เปล่า ผมเพิ่งมารู้ก็เวลาผ่านไป 1 วันแล้ว ด้วยเพราะงานยุ่ง มารู้ก็ต่อเมื่อขับรถกลับจากไปดูต้นไม้ที่ปลูกไว้นั่นแหละ ราว 19.00 น. แล้วที่กลับ เพราะมัวแต่นั่งเฝ้าค้างคาวที่แอบมาขโมยผลชมพู่ ถึงทางแยกหูแว่วเสียงร้องไห้ เอะใจใครมาร้องไห้แถวนี้ เป็นเสียงเด็กอีกด้วย จึงชะลอเครื่องรถจักรยานยนต์ กระทั่งจอด สอดส่ายสายตาหาที่มาของเสียง พลันเห็นเด็กผู้ชายนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ข้างถนน จึงถามไปว่า “ไอ้หนู เป็นอะไร” แทนที่จะได้รับเสียงตอบ เด็กน้อยกลับยิ่งเร่งเสียงร้องดังขึ้น ผมถามไปใหม่ เด็กน้อยยิ่งร้องดัง ทีนี้ผมตั้งขาค้ำรถ หมายจะเดินเข้าไปหา ประจวบกับมีแสงไฟของรถยนต์สาดเข้ามาพอดี แหม่! คุณเอ๋ย ผมรีบสตาร์ทรถหนีทันที ก็ร่างเด็กนั่น หายวับไปต่อตา
Advertisement
Advertisement
ผมกลับมาเล่าให้แม่บ้านฟัง ลูกชายได้ยิน แกบอก “เด็กโรงเรียนผมเองพ่อ โดนรถชนตาย...” วันต่อมาผมก็ได้พูดคุยกับเพื่อนผู้ปกครอง จึงได้ทราบที่มา แถมได้รู้อีกว่า ที่ผมเจอไม่ใช่รายแรก และถือว่าเบามาก เพราะบางคนขับรถกระบะแท้ๆ แต่ดันมาดับเอาตรงสี่แยก เมื่อสตาร์ทติดแล้ว กลับเร่งเครื่องไม่ขึ้น รถเหมือนบรรทุกหนัก ลงรถไปดู เจอจังๆ เด็กนั่งร้องไห้อยู่บนนั้น
น่ากลัวไม่ใช่น้อย นี่วันที่ 3 แล้ว คนโบราณว่า คนที่ตายด้วยอุบัติเหตุ จะรู้ตัวว่าตัวเองตาย ก็ต่อเมื่อเข้าวันที่ 3 รู้ตัวแล้วเขาจะไปสู่ภพตามกรรมที่ทำ และจะไม่มีใครเห็นอีก แต่ 3 วันนี้แยกนั่นก็กลายเป็นที่ขยาดของใครหลายคนแล้ว โดยเฉพาะผม ขนาดผ่านไปตอนกลางวัน ขนหัวยังลุกซู่
ภาพประกอบ โดยผู้เขียน
ความคิดเห็น






