ไลฟ์แฮ็ก
ทำงานดีแต่เงินเดือนไม่ขยับ ลองใช้เคล็ดลับ "ให้นายตอบก่อน"

Cover Photo by Lukas from Pexels
สมัยที่ยังทำงานในองค์กรใหญ่ ฉันมักจะได้ยินคำบ่นเสมอว่า “ที่นี่เงินเดือนน้อย” “ทำมาสิบปีไม่ได้เงินเดือนขึ้นสักที” “ใครทำงานที่นี่ขับรถแพง ๆ ได้แปลว่าใช้เงินที่บ้าน”
ฉันฟังแล้วได้แต่ปฏิเสธในใจ ว่ามันไม่ใช่อย่างที่หลายคนคิดเลย เงินเดือนที่นี่ไม่ได้น้อย มีบางคนที่ได้เงินเดือนขึ้นทุกปี และรถที่บางคนมีก็มาจากการซื้อด้วยเงินตัวเอง
มี "อะไรบางอย่าง" ที่ทำให้เงินเดือนบางคนต่างจากบางคนออกไป แต่ฉันอาจจะพูดอะไรมากไม่ได้ เพราะถ้าเขาไม่พร้อมจะเข้าใจ ปัญหาอาจจะบานปลายไปมาก
ถ้าทำงานมานานแล้วเงินเดือนคุณไม่ขยับ คุณอาจต้องกลับมาดูที่ผลงานของตัวเอง คนเราสามารถขึ้นเงินเดือนให้ตัวเองได้ ถ้าผลงานของคุณมันโวยวายแทนคุณอย่างชัดแจ้ง
คิดภาพว่าคุณเป็นผู้บริหารองค์กรใหญ่ คุณย่อมทำเป็นเฉย ๆ กับคนทำงานที่ทำในระดับทั่วไป แต่คุณอาจจะกลัวใจ หากคนทำงานระดับซูเปอร์สตาร์จะลาออก
Advertisement
Advertisement
กลุ่มหลังนี้คือคนที่สะสมผลงานไม่หยุดยั้ง คนที่ทำให้องค์กรรู้สึกว่า “ขาดไม่ได้” คนที่ทำงานราวกับตัวเองขาดทุนกำไรไปกับองค์กรคนที่ไม่สร้างปัญหาแล้วยังช่วยกันแก้ไข คนแบบนี้เป็นคุณก็คงจะรั้งเอาไว้ และบางครั้งก็รั้งเอาไว้อย่างรู้กันเงียบ ๆ
หากคุณมั่นใจว่าผลงานของคุณนั้นระดับซูเปอร์สตาร์ แต่เจ้านายยังลีลาไม่ขึ้นเงินเดือนให้ ขออนุญาตแนะนำเทคนิคง่าย ๆ เพื่อเตือนเจ้านายว่าคุณคู่ควรกับเงินเดือนขึ้น
Photo by Moose Photos from Pexels
ฉันชอบเทคนิค "ให้นายตอบก่อน" ของ สจ๊วต ไดมอนด์ ผู้เขียนหนังสือ “Getting More : How to Negotiate to Achieve Your Goals in the Real World"
เขาเล่าเคล็ดลับสมัยยังทำงานเป็นผู้สื่อข่าวให้เดอะนิวยอร์คไทมส์ในช่วงทศวรรษ 1980 ว่า ทุกสิ้นปี เขาจะเดินเข้าไปคุยกับบรรณาธิการที่เป็นหัวหน้างานโดยตรงเพื่อขอความเห็นว่า คิดอย่างไรกับการทำงานของเขาในรอบปีที่ผ่านมา
Advertisement
Advertisement
หัวหน้าของเขาจะพรรณนาถึงความประทับใจ ขอบคุณกับความทุ่มเทที่เขามีให้ และแสดงความพอใจในผลงานของเขาอย่างยืดยาว (เพราะมันจริง) สจ๊วตก็จะตบท้ายด้วยประโยคเด็ด “หัวหน้าคิดว่าผมทำประโยชน์ให้องค์กรน้อยลงกว่าเมื่อปีที่แล้วไหมครับ”
เมื่อเจ้านายตอบว่าไม่ สจ๊วตก็จะอธิบายให้นายเห็นว่า ค่าเงินที่เปลี่ยนไปทำให้เขารู้สึกว่ารายได้ของเขาลดลง ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้า อัตราค่าจ้างในตลาดแรงงาน หรืออัตราเงินเฟ้อที่รัฐบาลประกาศ ค่าใช้จ่ายจำเป็นต่อการดำรงชีพที่มีมากขึ้น ทำให้เขารู้สึกว่าแม้เงินเดือนที่ได้รับจะเท่าเดิม แต่ความรู้สึกคือมันมีมูลค่าน้อยลงไป
Photo by bongkarn thanyakij from Pexels
นายอาจแก้เกี้ยวว่าช่วงนี้เศรษฐกิจดิ่งเหว บริษัทขึ้นเงินเดือนให้ใครมากนักไม่ได้ สจ๊วตก็จะบอกนายว่า “ผมไม่ได้ขอให้นายเพิ่มเงินเดือนมากมายอะไร แค่ขอเพิ่มให้รู้สึกว่ายังมีเงินใช้เท่าปีที่แล้วก็พอ”
Advertisement
Advertisement
กลยุทธ์เด็ดนี้สจ๊วตใช้กับองค์กรทุกที่ที่เขาทำงานในช่วงทศวรรษ 1970 และ 1980 จนถึงวันนี้ก็ยังใช้กับเจ้านายที่มหาวิทยาลัย (ที่ซึ่งเขาเป็นอาจารย์สอนวิชาการต่อรองเจรจา) เขาบอกว่า “มันเวิร์ค”
อย่าเชื่อที่ใครต่อใครมักแนะนำกับคุณว่า ให้เดินเข้าไปหาเจ้านายแล้วขอเงินเดือนขึ้นเลย อันตรายมากถ้าคุณขอเงินเดือนขึ้นดื้อ ๆ เพราะเขาจะปฏิเสธคุณแบบดื้อ ๆ ด้วยข้ออ้างคลาสสิคว่าเศรษฐกิจไม่ดี งบประมาณถูกฝ่ายบัญชีบีบไว้
อดีตนักข่าวรางวัลพูลิตเซอร์รายนี้เผยกุญแจสำคัญในการเจรจา สิ่งที่คุณควรทำไม่ใช่การขอเงินเพิ่ม แต่คือการถามเพื่อให้เขาตอบว่าเขามองภาพรวมการทำงานของคุณอย่างไร แล้วทำให้เขายอมรับให้ได้ว่าคุณทำงานให้เขาได้เกินเป้า ซึ่งถ้ามีหลักฐานเอกสารยืนยัน ให้เขาเห็นคุณภาพและปริมาณของผลงานที่คุณทำด้วยจะดีมาก
ย้ำ! หัวใจของความสำเร็จคือ คุณเองต้องเชื่อมั่นว่าคุณทำงานดีคุ้มค่าจ้าง และนายต้องมองเห็นสิ่งนั้นในมุมเดียวกับคุณด้วย
Photo by energepic.com from Pexels
ในทางตรงกันข้าม ถ้าคุณเกริ่นถามเขาว่าคุณทำงานดีพอใช่ไหม แต่เขาดันตอบว่าไม่ แถมสาธยายว่าคุณมีมาตรฐานการทำงานต่ำลงด้วยซ้ำ นี่คือนำไปสู่การที่เขาไม่ปรับเงินเดือนขึ้นให้
ไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไร ห้ามคุณโต้แย้งกับเขาเด็ดขาด เพราะมันแปลว่าคุณเองที่พลาด คุณทำงานไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เขาหวังไว้ และเขามองภาพรวมการทำงานของคุณต่างไปจากที่คุณคิด
ให้ยอมรับและขอบคุณเขาที่สละเวลา แล้วกลับออกมาตั้งใจทำงานของคุณให้ดี แล้วปีหน้าค่อยดำเนินกลยุทธ์นี้อีกครั้ง!
ความคิดเห็น






