ไลฟ์แฮ็ก

ธรรม...แห่งความสำเร็จ

156
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ธรรม...แห่งความสำเร็จ

ในยุคสมัยที่ทุกคนอยากประสบความสำเร็จในชีวิต อยากมีเงินทอง มีบ้าน มีรถ และปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย ที่จะทำให้หนีจากความเป็นอยู่ที่ความขัดสน และเจริญก้าวหน้าในชีวิต เราทุกคนถึงต้องการความสำเร็จ และความสำหวังในชีวิต

แต่ในทางกลับกัน ถ้าเราย้อนมองไปถึงในช่วงสมัยที่พระพุทธศาสนาได้เจริญรุ่งเรืองและคำสั่งสอนของพระองค์ที่เผยแพร่ไพศาลมากกว่า 2,500 กว่าปี เราอาจจะหลงลืมว่า มีคำสั่งสอนหลักสูตรวิชาๆ หนึ่ง ที่เป็นกุญแจสำคัญในการประสบสำเร็จในชิวิต ทั้งการงาน และการเรียน ก็คือ "อิทธิบาท4" นั้นเอง.

อิทธิบาทคือแนวทางสู่ความสำเร็จที่พระพุทธเจ้าทรงสดับและสั่งสอนให้บัณฑิตนำไปใช้ในการทำงาน หรือการเรียน เพื่อเป็นฐานหรือหนทางสู่ความสำเร็จ ซึ่งประกอบด้วยแนวปฏิบัติ 4 ข้อ คือ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ทั้งสี่ข้อนี้ ทุกคนสามารถนำมาใช้ในชีวิตการทำงานได้อย่างดีเยี่ยม. ถึงแม้ว่า ณ ปัจจุบัน จะมีการแข่งขันสูง ทั้งในการแย่งชิงตำแหน่งงาน หรือโปรเจ็กใดๆก็ตาม เรามาดูกันว่า แต่ละข้อมีความหมายและความสำคัญยังไงให้เราก้าวถึงกับความว่า “ความสำเร็จ”

Advertisement

Advertisement

ฉันทะ 1.    ฉันทะ คือความรัก และความเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ

ทุกคนอาจเคยได้ยินคำว่า “อย่าลดขนาดของความฝัน แต่จงเพิ่มความพยายาม” การที่เราจะมีตัวฉันทะนี้ได้ เราต้องมีความเชื่อมั่น และศรัทราต่อสิ่งนั้นที่เราทำเสมอ โดยที่เราต้องไม่ดูถูกต่องานที่เราทำ หรือความสามารถที่เรามี ถึงแม้ว่าขนาดมันอาจจะยังเล็กอยู่ และจนเชื่อว่าสักวันนึงมันอาจจะยิ่งใหญ่และสามารถนำพาเราไปสู่ความสำเร็จได้ และที่สำคัญคือ อย่าคิดลบต่อตัวเอง และงานที่เราอยู่ก็พอ

วิริยะ2.    วิริยะ คือ ความพากเพียรพยายาม ต่อสู่กับอุปสรรค

ความพากเพียรพยายามเป็นกุญแจสำคัญที่จะส่งเสริมตัวฉันทะ หรือความศรัทราได้อย่างดีเยี่ยม เพราะถ้าเรามีแต่ตัวศรัทรา แต่ไม่ลงมือทำ ก็เปรียบเสมือน “วาดวิมานในอากาศ” ความพากเพียรต้องคู่กับความอดทนอดกลั้น และต้องคิดเสมอว่า งานที่เราทำนั้นคือสิ่งที่ท้าทาย และเป็นการเรียนรู้ เพื่อให้เราเติบโตในอนาคต จงอย่าขี้เกียจเป็นเด็ดขาด ไม่เช่นนั้น ศรัทรา จะไม่มีวันเกิดผลอย่างแน่นอน.

Advertisement

Advertisement

จิตตะ3.    จิตตะ ใจที่จดจ่อ และความรับผิดชอบต่องานที่เราทำ

ในสมัยนี้ เราต้องยอมรับว่าสังคมเรามีสิ่งที่ยั่วยวนและทำให้เราขาดความจดจ่อ ตัวอย่างเช่น Social Media  เพราะว่าเรามีการสื่อสารที่รวดเร็วและซับซ้อนมากขึ้น จึงทำให้เราไม่สามารถจดจ่อกับการงานที่เราทำได้ ขนาดเวลาเราทำงานเรายังแอบเล่น Social Media ในที่ทำงาน ทั้งที่ตอนนั้น คือเวลาทำงาน แต่ถ้าทางกลับกัน เราลองย้ายความสนใจจากสื่อโซเชียล มาทำงานตรงหน้าเราให้เสร็จสิ้นตามเวลาที่กำหนด มันอาจจะส่งผลดีต่องานของเราก็ได้ เพราะความรับผิดชอบจะทำให้เราเจอกับคำว่า ความสำเร็จใกล้แค่เอื้อม เป็นยังไง.

วิมังสา4.    วิมังสา การทบทวน แก้ไขเพื่อให้งานเกิดผลทำเร็จ

ข้อนี้เป็นตัวสรุปว่า ความศรัทรา ความพยายาม และความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของเรา ผลเป็นยังไง โดยผ่านการทบทวน และกระบวนการทางความคิดว่า สิ่งที่เราทำนั้นมีผลดี และผลเสียยังไงบ้าง ถ้าสิ่งที่เราทำเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ต่อตนเอง เราก็ตั้งใจทำต่อไปให้ดีที่สุด แต่ถ้ามันเป็นผลเสีย ก็จงคิดและแก้ไขให้ถูกต้อง จงมองว่ามันจะเป็นครูที่สามารถสอนให้เราก้าวไปอีกขั้นนึงของคำว่า ความสำเร็จ.

Advertisement

Advertisement

เห็นไหมว่า คำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ยากอย่างที่คิดใช่ไหม? ไม่จำเป็นต้องใช้แค่ในทางธรรม แต่สามารถปรับใช้ในทางโลกได้อย่างดีเยี่ยม ถ้าเราเปิดใจและปฎิบัติตามคำสั่งสอนของพระองค์ ไม่นานความสำเร็จก็จะตามมาอย่างแน่นอน สุดท้ายนี้ขอฝากทิ้งท้ายไว้ว่า “ความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ แต่ขึ้นอยู่กับความคิด” สวัสดีครับ

(เครดิต : ภาพปก และภาพประกอบบทความ โดย จิร จิรรัฎฐ์ )

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์