อื่นๆ
นับ 1 ถึง 100 ..ดับเครื่องชน..มัดเด็ดเคล็ดลับ แง่คิดกลยุทธ์วิธีการขาย ที่จะช่วยให้คุณประสบผลสำเร็จ กับ นาข้าวให้คุณ..และคุณ

เครดิตภาพโดย: https://www.pexels.com/th-th/@quang-nguyen-vinh-222549
นับ 1 ถึง 100 ..ดับเครื่องชน..มัดเด็ดเคล็ดลับ แง่คิดกลยุทธ์วิธีการขาย ที่จะช่วยให้คุณประสบผลสำเร็จ กับ นาข้าวให้คุณ..และคุณ
(มามะมา..อ่านดู)
คุณเคยคิดไหมค่ะว่า นอกจากข้าวที่เป็นคุณที่ทำให้เราได้อิ่มท้องแล้ว เวลาคุณออกไปต่างจังหวัดเห็นนาข้าวอันกว้างใหญ่จนสุดลู่หูลู่ตา คุณรู้สึกอย่างไร (อ๊ะๆ..อย่าบอกน่ะค่ะว่า เฉยๆ ถ้าตอบอย่างนี้ผู้เขียนไปต่อไปไม่เป็นแน่เลย..) มาค่ะมา...มาลองดูกันสิค่ะ..หลับตา..นึก จินตนาการ ถึงทุ่งนาอันเขียวขจี ลมพัดโชยอ่อนๆ ต้นข้าวพลิ้ว ปลิวไสว โบกสะบัดไปมา กระทบเทียบกับแสงแดดอ่อนๆ ทำให้นาข้าวยิ่งสดสวยเขียวชอุ่ม ชวนน่ามอง ตามมาด้วยอารมณ์ ความรู้สึกที่ชวนให้สดชื่น สงบ ร่มเย็น เบาหวิว ตัวลอย (แฮะๆ เยอะไปไหมค่ะ) นี่เราแค่คิดเท่านั้นน่ะค่ะ ถ้าได้สัมผัสจริงๆ รับรองฟินกว่านี้อีกค่ะ (ถ้าเจ้าของอนุญาตให้เราฟินน่ะค่ะ ..55)
Advertisement
Advertisement
นี่เป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆน้อยๆที่แทรกอยู่ในคุณค่าที่นาข้าวให้กับใจคุณๆ ทั้งหลาย เพราะเป็นเพียงแค่นามธรรมเท่านั้น ..แล้วรูปธรรมคืออะไรล่ะ.. ไม่ยากค่ะ ก็ที่เราทานข้าวอยู่ทุกวันนี่ไงล่ะค่ะ
เครดิตภาพโดย: https://www.pexels.com/th-th/@catscoming
และเผอิญผู้เขียนก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ที่ร่ำรวยขึ้นมาจากคุณที่เกิดจากนาข้าวนี้ด้วย ท่านกรุณาเล่าให้ฟังว่า สมัยยังเป็นเด็กต้องช่วย พ่อ-แม่ทำนา ที่รู้ๆ กันอยู่ว่า ชาวนานั้นหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน เหนื่อยยาก นอกจากจะทำนาในนาของตัวเองแล้ว พ่อของท่านยังรับซื้อข้าวจากชาวนาที่อยู่ระแวกเดียวกันอีกด้วย การรับซื้อข้าวของพ่อ คือการให้ชาวนาขายข้าวให้ในราคาที่ถูกกว่า ท่าข้าว ..คือ สมมติ ซื้อจากชาวนามาในราคา 47 บาท ต่อ กิโลกรัม จะนำมาขายให้กับท่าข้าวราคา 50 บาท ต่อกิโลกรัม หมายความว่า กำไรส่วนต่างจะอยู่ที่ 3 บาท ( ผู้เขียนฟังมาถึงตอนนี้..ร้องอ้าว..ขึ้นมาในใจ .กำลังคุยกับพ่อค้าคนกลางหรือนี่.. .. แต่ด้วยมารยาท ..จึงนั่งฟังต่อ(ว่าจะขอลุกขึ้นภายหลังหากมีจังหวะ)....ท่านเล่าต่อว่า ..ดูเหมือนว่าวิธีนี้จะทำให้ครอบครัวของท่านร่ำรวยขึ้น ( ก็แหงล่ะ ..ผู้เขียนคิดในใจ )..แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา..ท่านว่า.. (เย้ๆๆ..ผู้เขียนคิดอีกแล้วค่ะ) เลิกลาอย่างไรมาฟังกันต่อค่ะ ..วันหนึ่งได้มีบริษัทแห่งหนึ่งเข้ามาในพื้นที่ และมารับซื้อข้าวจากชาวนาโดยให้ราคาที่ดีกว่า..ไม่ว่าพ่อจะปรับราคาอย่างไร เขาก็จะปรับราคาตามพ่อลงมาและต่ำกว่า และมีโปรโมชั่นที่ดีกว่าตลอด ดังนั้น คงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ลูกค้าทั้งหมดเฮโลไปหาบริษัทแห่งนี้จนหมด..ครอบครัวเริ่มกลับมานับ 1 อีกครั้ง..ถามว่าท้อไหม..ตอบเลยว่าท้อ..แต่ด้วยความฮึดสู้ของพ่อ..ซึ่งจบแค่ ป.4 .ได้ปรับกลยุทธ์ใหม่..คราวนี้ไม่รับซื้อข้าวแล้ว เปลี่ยนใหม่มาเป็นรับขนข้าวแทน..
เครดิตภาพโดย : https://www.pexels.com/th-th/@pixabay
Advertisement
Advertisement
แล้วมันดีอย่างไรล่ะ ..มาค่ะมาว่ากันต่อ..ดีตรงที่ว่า ..เปลี่ยนจากพ่อค้าคนกลางกลายมาเป็นพวกเดียวกับชาวนาไงล่ะค่ะ..พ่อพาชาวนาไปรู้จักกับท่าข้าวโดยตรงเลย โดยไม่ผ่านบริษัทอีก ชาวนาก็ได้ราคาตรงจากท่าข้าวเลย ชาวนาก็รู้สึกดี..และหากชาวนาคนไหนไม่มีรถขนข้าว พ่อก็จะอาสาขนให้แทน ขอแค่ค่าน้ำมันรถเป็นกิโลๆไป หลังจากได้เงินที่ขายข้าวได้แล้ว คราวนี้ ชาวนาจึงเรียกแต่รถของพ่อ จากรถกระบะเก่าๆแค่คันเดียว ทำจนมีรถสิบล้อ หกล้อ สำหรับขนข้าว หลายสิบคัน ..และถ้าหากชาวนาคนไหนขอความช่วยเหลือไม่มีเงินลงปุ๋ย ลงยา พ่อก็จะซื้อให้ไปก่อน ( จะไม่ให้เป็นตัวเงิน เพราะเหตุผลที่ว่าถ้าให้เป็นเงินคงอาจจะไม่ได้เอาไปซื้อปุ๋ย..แต่จะเอาไปไหนผู้อ่านก็ลองคิดเอาน่ะค่ะ) ...ทำจนบริษัทปุ๋ยเอาเครติตมาให้และให้เปอร์เซ็นต์ จากการลงปุ๋ยอีกด้วย
..หลังจากเก็บเกี่ยวได้ชาวนาก็ค่อยนำเงินมาคืน ชาวนาจึงไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินจากเงินกู้นอกระบบอีก ทำให้ชาวนาปลดหนี้ได้ จึงทำให้เป็นที่รักของชาวนาในระแวกนั้นเป็นอย่างมาก แน่นอนไม่ต้องบอกอีกเลยว่า พ่อได้ยึดพื้นที่จากบริษัทนั้นคืนได้ทั้งหมดแล้ว 100 เปอร์เซ็นต์ (อ๋อ..เพราะความมีคุณธรรม ไม่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น และสุจริตในอาชีพที่ทำนั้นเอง จึงร่ำรวยขึ้น..ผู้เขียนคิดในใจอีกแล้ว ) ต้องไปแล้วครับ ..ชาวนาเรียกแล้ว ต้องรีบไปรับใช้แล้วครับ...ค่ะๆๆ ขอบคุณมากน่ะค่ะที่เล่าให้ฟัง ได้ข้อคิดดีๆมากค่ะ ขอบอกต่อน่ะค่ะ ..ครับๆๆ..สวัสดีครับ..
Advertisement
Advertisement

เครดิตภาพโดย: https://www.pexels.com/th-th/@sergei-akulich-1322276
ผู้เขียนคิดว่า การพูดคุยในครั้งนี้ ส่วนตัวแล้วผู้เขียนได้แง่คิดดีๆอะไรมาเยอะน่ะค่ะ ..อย่างน้อย ถ้าคนที่เป็นอาชีพนักขาย ก็อย่ามุ่งแต่เรื่องการขาย เพื่อหาแต่กำไร ตัวเงิน และผลประโยชน์เพียงอย่างเดียว ลองเปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนวิธีการนำเสนอ หรือเปลี่ยนจากวิธีการรับ มาเป็นการให้บ้าง บางทีท่านจะค้นพบว่าการให้ของท่านนั้นแหละคือการรับของท่านนั้นเอง
ผู้เขียนต้องขอขอบคุณผู้เอื้อเฟื้อที่เล่าประสบการณ์เรื่องนี้ให้กับผู้เขียนฟัง และยังสามารถเป็นข้อคิดให้กับผู้อ่านท่านอื่นๆด้วย และผู้เขียนหวังว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อยน่ะค่ะ (ฝากกดไลท์ กดแชร์ให้ด้วยน่ะค่ะ )
https://www.facebook.com/นานาสาระดี-100890145441864/
ความคิดเห็น






