อื่นๆ
น้องหมาอ้วนขึ้น ต้องทําอย่างไรดี

ช่วงนี้ต้องบอกก่อนเลยว่า เทรนดูแลสุขภาพค่อนข้างมาแรงมาก ก.ไก่ล้านตัว ซึ่งกำลังค่อนข้างเป็นที่ได้รับความนิยมกันอย่างมากเลยที เดียว เรียกได้ว่าหลายๆคนไม่ว่าจะเป็นคุณผู้หญิงหรือว่าคุณผู้ชายก็จะมีการหันมาดูแลในเรื่องของรูปร่างของตัวเองกันทั้งนั้น ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ากันเลยใช่มั้ยล่ะคะ แต่พวกคุณทราบกันมั้ยเอ่ย ว่านอกจากตัวเราที่ต่างก็พากันหันมาดูแลสุขภาพตัวเองกันแล้ว ก็ยังมีสัตว์เลี้ยงคู่หูคู่ใจของใครหลายๆคน ที่เราเองก็มองว่าควรที่จะหันมาลองใส่ใจถึงสุขภาพของพวกเขาด้วยเช่นกัน วันนี้เราจึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวการดูแลเรื่องรูปร่าง โรคต่างๆที่อาจจะเกิดตามมาในภาวะโรคอ้วน รวมทั้งวิธีลดน้ำหนักของเจ้าสุนัขตัวน้อย มาฝากเจ้านายทุกคนกันค่ะ
ก่อนอื่นเลยเรามารู้จักกันก่อนดีกว่าค่ะว่าเจ้าสุนัขของเรา ถือว่าเข้าสู่ภาวะน้ำหนักเกิน หรือ โรคอ้วน แล้วหรือยัง ?
Advertisement
Advertisement
ภาพถ่ายโดย Chevanon Photography จาก Pexels
เรามาเช็กรูปร่างของเจ้าสุนัขด้วย
“ คะแนนภาวะรูปร่าง ” ( Body Condition Score )
การประเมินจุดต่างๆ บนร่างกายสุนัขทั้งหมด 4 จุด
จุดที่ 1 ซี่โครง
- คลำซี่โครงไม่เจอ 5 คะแนน
- มองไม่เห็นซี่โครงแต่สามารถคลำพบ 3 คะแนน
- มองเห็นด้วยตาเปล่า โดยไม่ต้องคลำ 1 คะแนน
จุดที่ 2 หัวไหล่
- บริเวณหัวไหลมีไขมันปกคลุม 5 คะแนน
- หัวไหล่กลมมน 3 คะแนน
- มองเห็นกระดูกหัวไหล่ชัดเจนไม่มีไขมันปกคุลม 1 คะแนน
จุดที่ 3 หลัง
- มองไม่เห็นกระดูกสันหลัง 5 คะแนน
- มองกระดูกสันหลังไม่เห็นแต่สามารถคลำพบ 3 คะแนน
- มองเห็นด้วยตาเปล่า โดยไม่ต้องคลำ 1 คะแนน
จุดที่ 4 สะโพก
- มีไขมันหนาบริเวณกระดูกเชิงกรานจนมองไม่เห็นกระดูก 5 คะแนน
- ไขมันและกล้ามเนื้อปกคลุมเชิงกรานบางๆ ซึ่งสามารถคลำพบกระดูกเชิงกรานได้ 3 คะแนน
- มองเห็นกระดูกเชิงกรานได้อย่างชัดเจน 1 คะแนน
Advertisement
Advertisement
- หลังจากที่เราตรวจเช็คครบทั้ง 4 จุดทำยังไงต่อ
- นำคะแนนที่ได้มารวมกัน ( + )
- หารด้วย 4 ( / )
- นำผลลัพธ์ที่ได้มาตัดสินภาวะรูปร่างของสุนัข
โดยจะได้ออกมาเป็นคะแนน 1-5 คะแนน
1 คะแนน = ขาดอาหาร
2 คะแนน = ผอม
3 คะแนน = หุ่นดี
4 คะแนน = น้ำหนักเกิน
5 คะแนน = โรคอ้วน (ภาวะที่ร่างกายมีการสะสมไขมันส่วนเกินมากเกินไป ซึ่งมีน้ำหนักตัวมากกว่า 15 - 30 % ของน้ำหนักตัวมาตรฐานของแต่ละพันธุ์ )
facebook kliniekdieren by ROYAL CANIN
ที่เจ้านายเห็นผมตุ้ยนุ้ย จ้ำม่ำ พุงย้อย แล้วว่ากันว่าน่ารัก แถมอ้วนฟูดูน่ากอด เจ้านายรู้มั้ยค้าบผมน่ะเสี่ยงหลายโรคเลยน้า ว่าแต่มีโรคอะไรบ้าง มาดูกันเลยดีกว่า
Advertisement
Advertisement
- โรคกระดูกและข้อ
พอเหล่าน้องๆสุนัขมีน้ำหนักตัวที่มากเกินไปเนี่ย ปัญหาในเรื่องของการรับน้ำหนักตัว แน่นอนว่าจะต้องกองไปอยู่ที่บริเวณขาใช่ไหมล่ะคะ พอพวกสุนัขต้องใช้ขาของมันแบกน้ำหนักตัวเองที่มากเกินกว่ามาตรฐาน ก็จะทำให้เกิดปัญหาด้านกระดูก ข้อ กล้ามเนื้อ และกระดูกสันหลังตามมา
- โรคเกี่ยวกับระบบหายใจ
แน่นอนว่าความอ้วนต้องมาควบคู่กับไขมันอยู่แล้ว พอเหล่าสุนัขอ้วน อกของมันก็จะเต็มไปด้วยไขมัน จะทำให้ปอดและระบบทางเดินหายใจยากขึ้นกว่าเดิม การยืดออกของช่องอกทำได้ลำบากยิ่งขึ้น แต่ร่างกายก็ยังต้องการออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆภายในร่างกาย สุนัขจะต้องใช้ความพยายามในการหายใจเพิ่มขึ้น แน่นอนว่าอาการที่ตามมาอย่างติดๆกันก็คือ ความดันสูง หลอดเลือดตีบ แถมยังทำให้เกิดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจตามมาด้วย ค่อนข้างอันตรายมากเลยใช่มั้ยล่ะครับเจ้านาย
- โรคทางผิวหนัง
เมื่อไขมันมาสะสมก็จะทำให้เกิดรอยพับตามผิวหนัง สุนัขไม่สามารถเอี่ยวตัวไปเลียทำความสะอาดได้ เกิดความอับชื้นกลายเป็นจุดการหมักหมมของสิ่งสกปรกไปซะอย่างงั้น กลายเป็นโรคผิวหนังตามมาอีก! นอกจากนี้ยังมีโรคต่างๆอีกมากมายอย่างเช่น โรคระบบต่อมไร้ท่อ , ปัญหาเกี่ยวกับการสืบพันธุ์ , โรคภาวะลมแดด เป็นต้น
ภาพถ่ายโดย Helena Lopes จาก Pexels
เจ้านายหลายๆคนพอจะทราบอันตรายเกี่ยวกับการเกิดภาวะความอ้วนบ้างแล้วใช่มั้ยคะ งั้นต่อไปเนี่ยเรามาพาเหล่าสุนัขไปออกกำลังกายกันเฮ้! เราไปรู้จักวิธีพาเจ้าสุนัขลดความอ้วน กันดีกว่า
ลดพลังงานเข้า เพิ่มพลังงานออก
จริงๆแล้ว เราว่าคอนเซปต์นี้ แอบใช้ได้ทั้งกับสุนัขแล้วก็เจ้านายไปด้วยกันเลยนะเนี่ย
- ควบคุมปริมาณอาหาร ( การควบคุมน้ำหนักสำหรับสุนัขที่มีน้ำหนักเกินมากๆ ควรจะทำภายใต้คำแนะนำของสัตวแพทย์ ) แนะนำว่าให้เหล่าเจ้านายลองใช้ อาหารสำเร็จรูปสำหรับลดน้ำหนักโดยเฉพาะเพราะว่า โปรตีนสูง ไฟเบอร์สูงแต่ ไขมันต่ำนะทุกคน เหล่าสุนัขของเราก็เลยจะได้รับพลังงานที่ลดลง ซึ่งก็มีทั้งแบบอาหารเม็ดและแบบอาหารเปียก แล้วด้วยความที่ว่ามีปริมาณโปรตีนสูงมันจึงทำให้สุนัขนั้นรู้สึกอิ่ม เราควรที่จะให้อาหารสุนัขแค่วันละ 2 มื้อเพียงเท่านั้น
แต่ ! ห้ามให้เศษอาหารที่เหลือจากคนให้สุนัขรับประทานเด็ดขาดนะคะ เพราะว่าอาหารเหล่านั้นมีการปรุงรส ส่งผลให้สุนัขได้รับปริมาณสารอาหารที่มากเกินกว่าความเหมาะสมของระบบอวัยวะภายในของสุนัขนั่นเอง เป้าหมายของการลดน้ำหนัก ไม่ควรที่จะเกิน 2-3 เปอร์เซ็นต์ ของน้ำหนักเดิมต่อสัปดาห์และแน่นอนว่าหากเราจะควบคุมปริมาณอาหารอย่างเดียวก็คงจะไม่ได้ เพราะมันควรที่จะควบคู่ไปกับการออกกำลังกายด้วยนั่นเอง
- การออกกำลังกาย
- เหล่าเจ้านายควรที่จะพาน้อง ๆ สุนัขออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยให้ได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง และการการออกกำลังกายที่เราแนะนำก็คือ การว่ายน้ำและการเดินสายพานใต้น้ำจะช่วยลดแรงกระแทกของกระดูกและข้อต่อ เราเชื่อว่าหากเหล่าสุนัขได้รับการเอาใจใส่จากเจ้านายที่แสนดีขนาดนี้ สุขภาพของน้องๆจะต้องดีขึ้นแน่นอน
ภาพถ่ายโดยAnna Shvets จาก Pexels
ขอบคุณแหล่งข้อมูลที่มาที่สำคัญ
- สพ.ญ. พรปวีณ์ ธนรัตน์สุทธิกุล
- ภาวะอ้วนกับสุนัขและแมว คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- ที่มาของรูปภาพหน้าปก
- ภาพถ่ายโดย Maksim Goncharenok จาก Pexels
เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
ความคิดเห็น






