ไลฟ์แฮ็ก
บริหารเวลาอย่างชาญฉลาด (Managing your time wisely)
.jpg)
เปิดเรื่องด้วยคำว่า คุณนิยาม "ความสำเร็จ" ไว้อย่างไรครับ? เมื่อเรานิยามความสำเร็จไว้ต่างกัน ผมจึงต้องยกตัวอย่างแนวคิด เชิงวิพากษ์ดังต่อไปนี้
(เครดิต: โดย geralt จาก https://pixabay.com/images/id-1240825/)
หาก เรานิยามความสำเร็จด้วยเงินทอง พวกที่ทำงานการกุศลจะไม่มีทางประสบความสำเร็จเลยหรือ?
หาก เรานิยามความสำเร็จด้วยปริมาณงาน แล้วงานภาคบริการจะนับหน่วยงานเป็นอะไร?
หาก เราวัดความสำหรับ คือ ความสุข เท่ากับว่า คนที่มีความทุกข์ตลอดเวลาจะไม่มีทางสำเร็จเลยนะครับ
หาก เราวัดความสำเร็จด้วย ชีวิตคู่ แปลว่าคนโสด ย่อมไม่มีทางสำเร็จเลยนะครับ ... แล้วการหย่าหล่ะครับ?
ผมจึงขอตั้งข้อสังเกตว่าเราจะวัดความสำเร็จด้วยอะไร และผมคงไม่มีสิทธิไปนิยามความสำหรับของแต่ละคนได้อย่างเป็นที่ยุติครับ
แต่ผมกลับมองว่า ต้นทุนคนเราย่อมต่างกัน ความสำเร็จย่อมต่างกันไปด้วย แต่มีสิ่งหนึ่งที่เรามีเหมือนกันคือ "เวลา" ไม่ว่าคุณจะมีปัจจัยแวดล้อมต่างกันอย่างไรหรือเชื้อชาติต่างกันอย่างไร แต่ทุกคนก็มีเวลาที่เท่ากันเพียง 24 ชั่วโมง แต่เราจะบริหารจัดการอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้นการวัด ความสำเร็จด้วยเวลาจึงน่าจะเป็นวิถีที่ยุติธรรมที่สุด เพราะ
(Credit: โดย annca จาก https://pixabay.com/images/id-3156771/)
Advertisement
Advertisement
1.เงิน
ไม่ว่าคุณจะรวยขนาดไหนก็ตาม ถ้าคุณใช้เงินมือเติบถึงอย่างไรก็หมดไม่ช้าก็เร็ว
2. งาน
รวมถึงบทบาทของแต่ละคนก็ย่อมต่างกันไป เช่น จะเอาเกรดของนิสิต มาเทียบกับเงินเดือนอาจารย์ แล้วเราจะวัดความสำเร็จกันอย่างไร
3. ความสุข
แต่ละคนมักนิยามความสุขไว้ต่างกัน ยกตัวอย่าง ในวัยเด็กนั้น การนอนจะถือเป็นความสุข โตมากลายเป็นผลการเรียน พอโตขึ้นคือความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน หรือท้ายที่สุด คือ การตายอย่างหมดห่วงน่าจะเป็นเป้าหมายของใครหลายๆคน เห็นหรือไม่ว่าแต่ละช่วงวัยเราสามารถนิยามความสำเร็จได้ต่างออกไป
4. ความรัก
จะทำให้เรามีความสุขจริงหรือ? ยกตัวอย่างง่ายๆ คือ หากเรามี คนรักหลักร้อย คนเกลียดหลักแสน ถ้าท่านผู้อ่านอยูในสถนการณ์เช่นนี้ คุณยังจะมีความสุขอยู่หรือครับ?
(เครดิต โดย PhotoMIX-Company จาก https://pixabay.com/images/id-3147976/)
Advertisement
Advertisement
เพราะฉะนั้นย้อนกลับมาที่ "เวลา" ซึ่งน่าจะถือเป็นต้นทุนที่ทุกคนมีเท่าเทียมกัน แต่ใช้อย่างไม่เท่ากัน เนื่องจากในบางสถานการณ์เราจะใช้เวลากับบทบาทที่เราเป็นมากเกินกว่าที่ควรจะเป็น หรือการนำเวลาไปทำอะไรสักอย่างไปแล้วไปเบียดบังเวลาอีกกิจกรรรมหนึ่ง เช่น เอาเวลางานไปเบียดบังเวลาพักผ่อน/ออกกำลังกาย ผลคือ ร่างกายของเราก็จำต้องเสื่อมเป็นธรรมดา
สุดท้ายคุณก็จะต้องนำเงินทั้งหมดไปพบแพทย์-คุ้ม? หรือ น้อง ๆ นิสิตเอาเวลาไปใช้เพื่อการบันเทิงมาเบียดบังเวลาอ่านหนังสือ ผลคือ ตก หรือ บางคนให้เวลาส่วนตัวเยอะเกินไปจนเบียดบังชีวิตคู่ ผลคือ เลิกกัน ดังนั้น การบริหารเวลาจึงน่าจะสะท้อนความสำเร็จของใครหลายๆคนได้ กล่าวคือ ไม่ว่าปริมาณงานจะมากน้อยเพียงใด หากเราสามารถบริหารจัดการเวลาได้ดี มันมีโอกาสน้อยมากที่จะไม่สำเร็จตามเป้าหมาย อย่างน้อยทักษะการบริหารจัดการเวลานั้น เราย่อมได้เรียนรู้มันได้อย่างดี แม้งานจะไม่สำเร็จก็ตาม ทักษะดังกล่าวจะได้รับการเรียนรู้และเป็นสิ่งย้ำเตือนตัวเราเองว่า ไม่ให้เดินตามวิถีเดิมเพราะมันไม่เวิร์คและยิ่งไปกว่านั้นอาจถือเป็นตัวอย่างให้ผู้อื่นห้ามทำตามด้วย ถ้าอยากทำงานให้สำเร็จ ดังนั้นถ้าต้องประสบความสำเร็จจงค้นหาวิธีอื่น (แทน)
Advertisement
Advertisement
อย่างที่ผมเรียนแต่ต้นว่า "เวลา" จึงควรค่าแห่งการวัดความสำเร็จที่สุด กล่าวคือ การบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพจะถือเป็นการบริหารทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัด (24 ชั่วโมง) ที่จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
และขอย้ำว่า เมื่อคนเรามีหมวกหลายใบ อาทิ เป็นอาจารย์ เป็นนิสิต/นักศึกษา นักเขียน พ่อ-แม่ และคนรัก การบริหารจัดการเวลาเพื่อผลประโยชน์ต่อตนเองและคนรอบข้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้งานบางประเภทจะไม่แล้วเสร็จลุล่วงตามเป้าหมาย แต่อย่างน้อยการได้เรียนรู้วิธีการบริหารจัดการเวลาก็ทำให้เราชนะใจตัวเองมิใช่หรือ?
จากประสบการณ์ส่วนตัวนะครับที่อดีตเคยเป็นที่ปรึกษากฎหมาย
ขั้นตอนแรกผมจะแยกเวลาส่วนตัว ออกจาก เวลางานก่อน เช่น พักผ่อน บันเทิง นอนหลับ vs. ทำงาน 8-10 ชั่วโมงต่อวัน
สองในเวลางาน หากมีงานเข้ามาจำนวนมาก เราจำเป็นต้องจำแนกงานออกเป็น 4 ประเภทได้ งานด่วนและสำคัญ งานสำคัญแต่ไม่ด่วน งานด่วนแต่ไม่สำคัญ และท้ายสุด คือ งานไม่ด่วนและไม่สำคัญ ตามลำดับ
สามเมื่อเท้าย่างก้าวออกจากที่ทำงานโปรดทิ้งปัญหาเรื่องงานไว้ที่ทำงาน ห้ามนำกลับไปบ้าน และต้องให้เวลากับตัวเอง เช่น ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง สังสรรค์ เฮฮาตามโอกาสอำนวย เข้าวัดฟังธรรม และกิน!
สี่ จงเจียดเวลาหันมามองคนในครอบครัวด้วย เช่น โทรกลับไปหาสมาชิกในครอบครัว เพราะหากปราศจากพวกเขาคงไม่มีเราในวันนี้
ห้า ขยายจากข้อสาม หัดอ่านหนังสือเพื่อพัฒนาศักยภาพ หากไม่รู้จะเริ่มจากอะไร ให้เริ่มจาก"ภาษา"
หก ก่อนนอน สวดมนต์ แผ่เมตตา และคิดทบทวนว่าวันนี้ได้ทำอะไรบ้างและพรุ่งนี้จะต้องทำอะไร
เจ็ด ดื่มน้ำเปล่าก่อนนอนและจงหลับอย่างมีคุณภาพครับ
โชคดีมีชัยนะครับ
(ภาพปก โดย geralt จาก https://pixabay.com/images/id-3216244/)
ความคิดเห็น






