ไลฟ์แฮ็ก

บริหารเวลาอย่างชาญฉลาด (Managing your time wisely)

282
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
บริหารเวลาอย่างชาญฉลาด (Managing your time wisely)

เปิดเรื่องด้วยคำว่า คุณนิยาม "ความสำเร็จ"  ไว้อย่างไรครับ? เมื่อเรานิยามความสำเร็จไว้ต่างกัน ผมจึงต้องยกตัวอย่างแนวคิด เชิงวิพากษ์ดังต่อไปนี้  geralt(เครดิต: โดย geralt จาก https://pixabay.com/images/id-1240825/)

หาก เรานิยามความสำเร็จด้วยเงินทอง พวกที่ทำงานการกุศลจะไม่มีทางประสบความสำเร็จเลยหรือ?

หาก เรานิยามความสำเร็จด้วยปริมาณงาน แล้วงานภาคบริการจะนับหน่วยงานเป็นอะไร?

หาก เราวัดความสำหรับ คือ ความสุข เท่ากับว่า คนที่มีความทุกข์ตลอดเวลาจะไม่มีทางสำเร็จเลยนะครับ

หาก เราวัดความสำเร็จด้วย ชีวิตคู่ แปลว่าคนโสด ย่อมไม่มีทางสำเร็จเลยนะครับ ... แล้วการหย่าหล่ะครับ?

ผมจึงขอตั้งข้อสังเกตว่าเราจะวัดความสำเร็จด้วยอะไร และผมคงไม่มีสิทธิไปนิยามความสำหรับของแต่ละคนได้อย่างเป็นที่ยุติครับ

แต่ผมกลับมองว่า ต้นทุนคนเราย่อมต่างกัน ความสำเร็จย่อมต่างกันไปด้วย แต่มีสิ่งหนึ่งที่เรามีเหมือนกันคือ "เวลา" ไม่ว่าคุณจะมีปัจจัยแวดล้อมต่างกันอย่างไรหรือเชื้อชาติต่างกันอย่างไร แต่ทุกคนก็มีเวลาที่เท่ากันเพียง 24 ชั่วโมง แต่เราจะบริหารจัดการอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้นการวัด ความสำเร็จด้วยเวลาจึงน่าจะเป็นวิถีที่ยุติธรรมที่สุด เพราะannca https://pixabay.com/images/id-3156771/(Credit: โดย annca จาก https://pixabay.com/images/id-3156771/)

Advertisement

Advertisement

1.เงิน

ไม่ว่าคุณจะรวยขนาดไหนก็ตาม ถ้าคุณใช้เงินมือเติบถึงอย่างไรก็หมดไม่ช้าก็เร็ว

2. งาน

รวมถึงบทบาทของแต่ละคนก็ย่อมต่างกันไป เช่น จะเอาเกรดของนิสิต มาเทียบกับเงินเดือนอาจารย์ แล้วเราจะวัดความสำเร็จกันอย่างไร

3. ความสุข

แต่ละคนมักนิยามความสุขไว้ต่างกัน ยกตัวอย่าง ในวัยเด็กนั้น การนอนจะถือเป็นความสุข โตมากลายเป็นผลการเรียน พอโตขึ้นคือความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน หรือท้ายที่สุด คือ การตายอย่างหมดห่วงน่าจะเป็นเป้าหมายของใครหลายๆคน เห็นหรือไม่ว่าแต่ละช่วงวัยเราสามารถนิยามความสำเร็จได้ต่างออกไป

4. ความรัก 

จะทำให้เรามีความสุขจริงหรือ? ยกตัวอย่างง่ายๆ คือ หากเรามี คนรักหลักร้อย คนเกลียดหลักแสน ถ้าท่านผู้อ่านอยูในสถนการณ์เช่นนี้ คุณยังจะมีความสุขอยู่หรือครับ?รัก(เครดิต โดย PhotoMIX-Company จาก https://pixabay.com/images/id-3147976/)

Advertisement

Advertisement

เพราะฉะนั้นย้อนกลับมาที่ "เวลา"  ซึ่งน่าจะถือเป็นต้นทุนที่ทุกคนมีเท่าเทียมกัน แต่ใช้อย่างไม่เท่ากัน เนื่องจากในบางสถานการณ์เราจะใช้เวลากับบทบาทที่เราเป็นมากเกินกว่าที่ควรจะเป็น หรือการนำเวลาไปทำอะไรสักอย่างไปแล้วไปเบียดบังเวลาอีกกิจกรรรมหนึ่ง เช่น เอาเวลางานไปเบียดบังเวลาพักผ่อน/ออกกำลังกาย ผลคือ ร่างกายของเราก็จำต้องเสื่อมเป็นธรรมดา

สุดท้ายคุณก็จะต้องนำเงินทั้งหมดไปพบแพทย์-คุ้ม? หรือ น้อง ๆ นิสิตเอาเวลาไปใช้เพื่อการบันเทิงมาเบียดบังเวลาอ่านหนังสือ ผลคือ ตก หรือ บางคนให้เวลาส่วนตัวเยอะเกินไปจนเบียดบังชีวิตคู่ ผลคือ เลิกกัน ดังนั้น การบริหารเวลาจึงน่าจะสะท้อนความสำเร็จของใครหลายๆคนได้ กล่าวคือ ไม่ว่าปริมาณงานจะมากน้อยเพียงใด หากเราสามารถบริหารจัดการเวลาได้ดี มันมีโอกาสน้อยมากที่จะไม่สำเร็จตามเป้าหมาย อย่างน้อยทักษะการบริหารจัดการเวลานั้น เราย่อมได้เรียนรู้มันได้อย่างดี แม้งานจะไม่สำเร็จก็ตาม ทักษะดังกล่าวจะได้รับการเรียนรู้และเป็นสิ่งย้ำเตือนตัวเราเองว่า ไม่ให้เดินตามวิถีเดิมเพราะมันไม่เวิร์คและยิ่งไปกว่านั้นอาจถือเป็นตัวอย่างให้ผู้อื่นห้ามทำตามด้วย ถ้าอยากทำงานให้สำเร็จ ดังนั้นถ้าต้องประสบความสำเร็จจงค้นหาวิธีอื่น (แทน)

Advertisement

Advertisement

อย่างที่ผมเรียนแต่ต้นว่า "เวลา" จึงควรค่าแห่งการวัดความสำเร็จที่สุด กล่าวคือ การบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพจะถือเป็นการบริหารทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัด (24 ชั่วโมง) ที่จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

และขอย้ำว่า เมื่อคนเรามีหมวกหลายใบ อาทิ เป็นอาจารย์ เป็นนิสิต/นักศึกษา นักเขียน  พ่อ-แม่ และคนรัก การบริหารจัดการเวลาเพื่อผลประโยชน์ต่อตนเองและคนรอบข้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้งานบางประเภทจะไม่แล้วเสร็จลุล่วงตามเป้าหมาย แต่อย่างน้อยการได้เรียนรู้วิธีการบริหารจัดการเวลาก็ทำให้เราชนะใจตัวเองมิใช่หรือ?

จากประสบการณ์ส่วนตัวนะครับที่อดีตเคยเป็นที่ปรึกษากฎหมาย

ขั้นตอนแรกผมจะแยกเวลาส่วนตัว ออกจาก เวลางานก่อน เช่น พักผ่อน บันเทิง นอนหลับ vs. ทำงาน 8-10 ชั่วโมงต่อวัน

สองในเวลางาน หากมีงานเข้ามาจำนวนมาก เราจำเป็นต้องจำแนกงานออกเป็น 4 ประเภทได้ งานด่วนและสำคัญ งานสำคัญแต่ไม่ด่วน งานด่วนแต่ไม่สำคัญ และท้ายสุด คือ งานไม่ด่วนและไม่สำคัญ ตามลำดับ

สามเมื่อเท้าย่างก้าวออกจากที่ทำงานโปรดทิ้งปัญหาเรื่องงานไว้ที่ทำงาน ห้ามนำกลับไปบ้าน และต้องให้เวลากับตัวเอง เช่น ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง สังสรรค์ เฮฮาตามโอกาสอำนวย เข้าวัดฟังธรรม และกิน!

สี่ จงเจียดเวลาหันมามองคนในครอบครัวด้วย เช่น โทรกลับไปหาสมาชิกในครอบครัว เพราะหากปราศจากพวกเขาคงไม่มีเราในวันนี้

ห้า ขยายจากข้อสาม หัดอ่านหนังสือเพื่อพัฒนาศักยภาพ หากไม่รู้จะเริ่มจากอะไร ให้เริ่มจาก"ภาษา"

หก ก่อนนอน สวดมนต์ แผ่เมตตา และคิดทบทวนว่าวันนี้ได้ทำอะไรบ้างและพรุ่งนี้จะต้องทำอะไร

เจ็ด ดื่มน้ำเปล่าก่อนนอนและจงหลับอย่างมีคุณภาพครับ

โชคดีมีชัยนะครับ

(ภาพปก โดย geralt จาก https://pixabay.com/images/id-3216244/)

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์